บทที่ 105 เรื่องที่ชอบ (1)
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่ออยู่ต่อหน้าเถาเถา จู่ๆ คำพูดเหล่านี้ถึงสามารถพูดออกมาได้ตรงตามใจ ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลาย
เถาเถายิ้มพลางกล่าวอีกครั้ง "อาเยว่กล่อมเถาเถานอนได้ อาเยว่เองก็สามารถกล่อมท่านน้านอนได้ใช่ไหมเจ้าคะ?"
จัวหย่วน "..."
เมื่อจัวหย่วนนึกขึ้นได้ว่าแท้จริงแล้วเถาเถากำลังเปรียบเทียบกับตน จึงรู้สึกว่าน่าสนใจยิ่ง
จัวหย่วนหัวเราะเล็กน้อย อย่างไรเขาก็ตอบไม่ได้ว่า 'ใช่ว่าจะไม่เคย' เช่นนั้นจึงพูดได้แค่ว่า "เช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะถามอาเยว่ ดูว่าอาเยว่ยินยอมหรือไม่..."
เถาเถารู้สึกคล้ายว่าตนชนะ จึงกล่าวอีกครั้ง "อาเยว่หอมเถาเถา อาเยว่หอมท่านน้าเช่นเดียวกันไหมเจ้าคะ?"
จัวหย่วน "..."
ระดับความยากค่อยๆ เพิ่มขึ้น จัวหย่วนตอบกลับด้วยความใจเย็น "เช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะถามด้วยเช่นกัน..."
เถาเถายิ้มหวาน ในที่สุดก็หาวออกมาเล็กน้อย เห็นๆ กันอยู่ว่าง่วงมากแล้ว แต่ยังคงพยายามต่อสู้กับความง่วง
จัวหย่วนยิ้มอย่างพึงพอใจ "นอนเถอะ เถาเถา"
เถาเถาหลับตาลงแล้ว แต่ยังคงกล่าวต่อ “อาเยว่อาบน้ำและเช็ดผมให้เถาเถา อาเยว่อาบน้ำและเช็ดผมให้ท่านน้า...”
เมื่อจัวหย่วนได้ยิน จู่ๆ หูก็แดงขึ้นมา จึงรีบร้อนกล่าว "เอาละ เถาเถา อาเยว่ชอบเจ้ามากที่สุด เจ้าชนะแล้ว ข้าแพ้แล้ว"
มุมปากเถาเถาแย้มรอยยิ้ม คล้ายกับเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความสุขใจกับชัยชนะจริงๆ
จัวหย่วนรู้สึกโล่งใจ
โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายที่เถาเถาบรรยาย ทำให้ใจของเขาเต้นแรง จู่ๆ ก็นึกถึงห้องมุมที่เต็มไปด้วยไอน้ำ นางถือผ้าขนหนู เอ่ยปากเรียกเขาด้วยเสียงนุ่มนวล 'ชิงจือ มาเช็ดผมเร็วเข้า…'
จัวหย่วนขยับคอเสื้อเล็กน้อย
ต้องมนตร์สะกดจนไม่คิดถึงความเป็นจริงไปแล้ว...
......
ในที่สุดก็สามารถเอาตัวรอดจากหานเซิงได้ เสิ่นเยว่นอนบนเตียงนอน ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกง่วงแม้สักนิด
ข้าวโพดชิงจือ...นี่นางคิดอะไรอยู่!
ในที่สุดก็สามารถเอาตัวรอดจากหานเซิงได้ เสิ่นเยว่นอนบนเตียงนอน ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกง่วงแม้สักนิด
เช้าวันต่อมา จวงซื่อมาเคาะประตู ทว่าในห้องกลับไม่มีใครตอบรับ
จวงซื่อผลักประตูเข้าไป อดยิ้มออกมาไม่ได้ ไม่มีคนที่ไหนกัน?
มีคนบางคนซ่อนตัวเองไว้ในผ้าห่ม จึงไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู
จวงซื่อยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งข้างเตียง ตบผ้าห่มด้านนอกเบาๆ "อาเยว่"
เสิ่นเยว่ตื่นจากฝันด้วยความสะลึมสะลือ มองไปยังจวงซื่อด้วยความง่วง หลังจากนั้นก็ยันตัวลุกขึ้น หาวพลางกล่าว "ท่านป้า"
จวงซื่ออุทาน "นี่อ่านหนังสือจนไม่หลับไม่นอนอีกแล้วหรือ?"
จวงซื่อมองหนังสือข้างหมอนนาง เสิ่นเยว่ยิ้ม ทว่าไม่ได้พูดความจริง
จวงซื่อมองนางแล้วอุทานอีกครั้ง "สองวันมานี้เจ้าดูจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตกกลางคืนก็ยังนอนหลับไม่สนิท..."
เสิ่นเยว่ตื่นในทันที ตอบกลับ "จู่ๆ ก็มีเวลาว่าง จึงรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย ท่านป้ารีบหางานให้ข้าทำสักหน่อยนะเจ้าคะ เก็บผัก ทำความสะอาด จัดเตรียมของสำหรับปีใหม่ อะไรก็ได้เจ้าค่ะ!"
รู้ว่านางกำลังหยอกเย้า จวงซื่อจึงอดหัวเราะไม่ได้ "เอาละ ลุกขึ้นได้แล้ว มีเรื่องให้ทำจริงๆ"
"หา?" ถึงคราวที่เสิ่นเยว่ประหลาดใจ
จวงซื่อลุกขึ้นพลางกล่าว "รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เราจะไปวัดหลานซานกัน"
วัด? เสิ่นเยว่ประหลาดใจ "ไปสักการะหรือเจ้าคะ?"
อืม จวงซื่อตอบกลับ "ประเพณีเมืองตานเฉิง นิยมสักการะก่อนและหลังปีใหม่ วันนี้จึงเป็นวันที่เหมาะสม"
"โอ้" เสิ่นเยว่รีบร้อนลุกขึ้น
จวงซื่อปิดประตูและรอนาง ก่อนจะไปยังเอ่ยกำชับอีกครั้ง "อาเยว่ เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สักหน่อย และต้องแต่งหน้าด้วย ระหว่างทางไม่แน่ว่าจะเจอคนรู้จัก อาจต้องทักทาย"
"เจ้าค่ะ" เสิ่นเยว่ตอบรับ
จวงซื่อยิ้ม
วัดหลานซานอยู่ที่ชานเมือง เสิ่นเยว่ที่ขึ้นรถม้ามาแล้วเพิ่งรู้สึกถึงความแปลก ท่านลุงอยู่ที่สถานที่ราชการ ไม่สามารถไปที่อื่นได้ย่อมเป็นเรื่องปกติ แต่เหตุใดเหลียงเย่และหานเซิงจึงไม่ได้ไปด้วย? หรือว่าเดินทางไปก่อน?
เสิ่นเยว่เอ่ยถาม
จวงซื่อยิ้มอย่างอ่อนโยน "พวกเขาไปวันนี้คงไม่เหมาะสม"
เสิ่นเยว่นิ่งไป
เมื่อลงจากรถม้า จริงดั่งคาด ที่หน้าประตูวัดหลานซานไม่มีรถราวิ่งขวักไขว่ ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เห็นบรรดาผู้คนที่เลื่อมใสมาสักการะ
เมืองตานเฉิงไม่ใหญ่ ท่านลุงเองก็เป็นที่ปรึกษา จึงพอมีหน้ามีตาอยู่หลายส่วน ท่านป้ามาสักการะ จึงมีแม่ชีน้อยเข้ามาต้อนรับ
เสิ่นเยว่เดินตามหลังจวงซื่อเข้าไปภายในวัด ภายในใจคล้ายกับคาดเดาบางเรื่องได้ จริงดั่งที่คิด เมื่อเข้ามาในวัดได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเรียก "ฮูหยินจวง!"
เสิ่นเยว่มองไปตามเสียง เป็นหญิงสาววัยกลางคนสวมชุดหรูหรา ด้านข้างหญิงสาวมีมาม่าและสาวใช้คอยติดตาม น่าจะมาจากตระกูลเศรษฐี สิ่งสำคัญที่สุดคือด้านหลังหญิงสาววัยกลางคนผู้นี้ ยังมีคุณชายที่รวบผมด้วยหยกประดับตามมาด้วย
เป็นการดูตัวจริงๆ
เสิ่นเยว่มองท่านป้าที่อยู่ด้านข้าง ท่านป้ากำลังเอ่ยทักทายฝ่ายตรงข้าม "ฮูหยินชี"
เสิ่นเยว่เดินตามท่านป้าไป
"โอ้ นี่คือหลานสาวของที่ปรึกษาเหลียงหรือ?" เห็นได้ชัดว่าฮูหยินชีดูกระตือรือร้น
"ใช่น่ะสิ" ท่านป้าหันไปพูดกับนาง "อาเยว่ นี่คือฮูหยินเฉิงโซ่ว ฮูหยินชี"
ฮูหยินของเฉิงโซ่ว [1] เมืองตานเฉิง? มิน่าเล่า นั่นคือหัวหน้าของท่านลุง เสิ่นเยว่ยอบตัวทำความเคารพ เรียกอย่างเปิดเผย "อาเยว่น้อมพบฮูหยินชี"
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินชีพึงพอใจ จึงมองนางที่เงยหน้าขึ้นมาพลางกล่าวอย่างเชื่องช้า "บังเอิญเสียจริง วันนี้ข้าเองก็พาหลานชายมาสักการะที่วัดหลานซาน ชู่เอ๋อร์ มานี่ มาทักทายฮูหยินจวงและแม่นางเสิ่น"
ชีชู่ก้าวมาข้างหน้า "ฮูหยินจวง แม่นางเสิ่น"
ฮูหยินชีเองก็เห็นเสิ่นเยว่ชัดเจนแล้ว บนใบหน้าแสดงออกว่าพึงพอใจ แล้วหันไปพูดกับจวงซื่อ "บังเอิญเจอกัน เช่นนั้นก็ไปสักการะด้วยกันเถอะ"
จวงซื่อรับคำ
ฮูหยินชีฉวยโอกาสกล่าว "ได้ยินมาว่าเสิ่นเยว่เองก็อยู่ที่เมืองหลวง ชู่เอ๋อร์ของข้าก็อยู่ที่เมืองหลวง บังเอิญเสียจริง ให้พวกเขาคุยเรื่องในเมืองหลวงไป ข้าเองก็จะพูดคุยกับฮูหยินจวง"
จวงซื่อมองไปทางเสิ่นเยว่
เสิ่นเยว่ยิ้ม จวงซื่อแสดงความขอโทษผ่านดวงตา
ฮูหยินชีและจวงซื่ออยู่ข้างหน้า เสิ่นเยว่และชีชู่เดินตามด้านหลัง
ชีชู่ถอนหายใจกล่าว "ที่จริงแล้ว..."
เสิ่นเยว่ยิ้มพลางกล่าว "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่อยากทำให้ท่านป้าลำบากใจ"
ทันใดนั้นชีชู่ก็ยิ้มออกมา "ข้าเองก็เช่นกัน"
"เจ้าดูออกได้อย่างไร?" ชีชู่ถาม
เสิ่นเยว่เอ่ยเสียงเบา "ที่จริงแล้วก็ดูไม่ยากเจ้าค่ะ"
ชีชู่อดหัวเราะออกมาไม่ได้
-----------------------------------------------
(1) เฉิงโซ่ว ขุนนางขั้นสามชั้นพิเศษ ทำหน้าที่รักษาเมือง