ตอนที่ 53 : แรนช์ได้รับความสนใจ
ในเวลาเดียวกันที่มหาวิทยาลัยเวทมนตร์ไอเซอร์ไรต์
รองคณบดีรอนซึ่งแต่เดิมมีสอนในอาคารเรียน ได้ประกาศเลิกชั้นเรียนก่อนเวลาทันทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมหลังจากได้รับข่าวด่วน จากนั้นก็รีบมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมในอาคารหลักของสถาบันนักปราชญ์
ผลักประตูอันหนักหน่วงให้เปิดออก
แม้ว่าห้องประชุมจะตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนๆ แต่ ณ เวลานี้ บรรยากาศที่ตึงเครียดกลับดูเหมือนว่าจะถูกแช่แข็งไว้ในพื้นที่ปิดแห่งนี้ ใบหน้าของบรรดาอาจารย์แต่ละคนดูจริงจังอย่างยิ่ง สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่หน้าจอตรงกลางห้องประชุม
“ลอเรน พวกเขาเป็นยังไงบ้าง”
รองคณบดีรอนถามอย่างกังวลขณะที่เขานั่งลงข้างคณบดีลอเรน
เดิมที รอนคิดเพียงว่าโลกแห่งภาพฉายระดับสองคงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับแรนช์และไฮพีเรียน แม้ว่าจะเป็นระดับสามพวกเขาก็อาจรับมือกับมันได้
ท้ายที่สุดหากพวกเขาสองคนร่วมทีมกัน ทั้งคู่ก็อาจได้เข้าสู่โลกแห่งภาพฉายระดับสองความยากสูงสุด หรือไม่ก็โลกแห่งภาพฉายระดับสามที่ง่ายที่สุด
อย่างไรก็ตาม รอนไม่เคยคาดคิดเลยว่ามือใหม่ทั้งสองนี้จะเข้าไปพัวพันกับโลกแห่งภาพฉายระดับสี่ซึ่งมีฉากพื้นหลังที่อันตรายอย่างยิ่งทันทีที่พวกเขาท้าทายโลกแห่งภาพฉายเป็นครั้งแรก —
อาณาจักรปีศาจที่ไม่ทราบมิติและกาลเวลา ซึ่งไม่ใช่สถานที่ที่มนุษย์ธรรมดาสามารถอยู่รอดได้อย่างแน่นอน
มีความเป็นไปได้สองประการในการจับคู่กับโลกแห่งภาพฉายที่มีระดับสูงเกินไป
ประการแรกคือเหตุการณ์ความน่าจะเป็นต่ำที่เกิดจากความโชคร้าย แต่ในกรณีนี้ เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ มักจะแข็งแกร่งกว่าค่าเฉลี่ย
ประการที่สองเป็นการละเมิดกฎข้อบังคับ ทีมระดับสูงจงใจจัดตั้งทีมโดยมีผู้ท้าทายระดับต่ำอยู่ในทีม โดยหวังจะเข้าไปบดขยี้โลกแห่งภาพฉายระดับต่ำด้วยการแทรกแซงกลไกการจับคู่ตามปกติของโลกแห่งภาพฉาย
“...โดยปกติแล้ว มันถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง แต่ถ้าเป็นทั้งสองคนนั้น โลกแห่งภาพฉายนี้อาจจะไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้”
ลอเรน คณบดีของสถาบันนักปราชญ์มองไปที่หน้าจอเวทมนตร์ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องประชุม มองฉากที่กำลังถ่ายทอดสดพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
รองคณบดีรอนก็พยักหน้าเช่นกันหลังจากได้ยินเช่นนี้
เขาอาจเข้าใจว่าลอเรนหมายถึงอะไร แต่มีบางคำที่ลอเรนในฐานะคณบดีสามารถแสดงออกได้อย่างมีไหวพริบเท่านั้น
ผู้ท้าทายส่วนใหญ่ โดยเฉพาะผู้ท้าทายที่ต่ำกว่าระดับทองคำขาวซึ่งยังไม่มีประสบการณ์เพียงพอจะไม่สามารถทำการสวมบทบาทได้ตามปกติเมื่อไปถึงโลกแห่งภาพฉายที่อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ผิดปกติ กฎอันแปลกประหลาด บวกกับสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่นองเลือดและบ้าคลั่งเกินไป สติปัญญาและจิตใจของพวกเขาจะถูกกลืนกินจนลดลงอย่างมาก
แต่ยังมีคนที่สามารถพัฒนา “พรสวรรค์ที่ยากจะพัฒนาในชั่วชีวิต” ในโลกแห่งภาพฉายที่บ้าคลั่งยิ่งกว่านึ้ได้
อาณาจักรปีศาจที่ไม่มีกฎเกณฑ์ของมนุษย์
เมื่อแรนช์หลุดจากพันธนาการทางกฎหมาย...
พวกเขาก็คาดเดาไม่ได้แล้วว่าจะเป็นยังไงต่อไป
...
ในพื้นที่แห่งหนึ่งของสถาบันนักปราชญ์ เป็นอาคารที่มีห้องใต้หลังคาขนาดเล็กซึ่งออกแบบเป็นห้องสมุด
ชั้นหนังสือยกสูงที่แกะสลักอย่างวิจิตรงดงามทอดยาวไปตามผนังจนถึงเพดาน เหมือนกับเชิงเทินของปราสาทโบราณ
บนชั้นสองของอาคารแห่งนี้ยังมีหน้าจอเวทมนตร์ที่ปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ สามารถเลือกรับชมเนื้อหาภายในหน้าจอได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า มอร์ตัน วันนี้นายโดนคนโง่เง่าหลอกเข้าแล้ว”
หญิงสาวในชุดดำนั่งอยู่บนเก้าอี้ตำแหน่งใหญ่สุดพลางดูภาพบนหน้าจอ เธอหัวเราะหนักมากจนต้องเอามือปิดท้องพร้อมกับสบัดขาไปมา
นี่คืออาคารประจำกลุ่มของพวกเขา และยังเป็นสถานที่พิเศษที่ได้รับอนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย
แม้ว่ามอร์ตันจะเป็นผู้ท้าทายระดับทองและผู้นำของกลุ่มนี้
แต่ใครคือเจ้านายที่แท้จริงของที่นี่สามารถเห็นได้อย่างรวดเร็ว
หญิงสาวในชุดเดรสผ้าโปร่งสีดำเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สี่ระดับทองคำขาว เธอมีพลังอันยิ่งใหญ่และสถานะอันสูงส่งที่อาจารย์ส่วนใหญ่ไม่สามารถเทียบเคียงได้
“ใช่ ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้เจอหน้าเขาอีกแล้ว”
มาร์ควิสมอร์ตัน การ์ซิกอส ซึ่งแต่เดิมมีท่าทีมืดมน ตอนนี้กลับดูค่อนข้างผ่อนคลาย
“แต่ก็ต้องเตรียมตัวไว้ เผื่อว่าเขาไม่ใช่พวกโง่เง่าใช่ไหมล่ะ?”
...
ในห้องทดลองอเนกประสงค์ของสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์ พื้นที่กว้างขวางและสว่างสดใสได้รับการออกแบบค่อนข้างประณีต โทนสีต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นสีขาวและสีเทา ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกสงบและมีสมาธิ
แสงบนเพดานสูงกระจายไปทั่วทุกซอกทุกมุม ผนังทรงกลมทั้งหมดฝังด้วยหน้าจอเวทมนตร์เพื่อวิเคราะห์และแสดงข้อมูลต่างๆ
บนโต๊ะทำงานรูปทรงต่างๆ รอบๆ ห้องทดลอง ยังมีช่างฝีมือด้านเวทมนตร์ที่กำลังมุ่งความสนใจไปที่การวิจัยอีกเช่นกัน
“หืม.. นี่คือชายที่องค์หญิงวิเวียนพูดถึงใช่ไหม อันดับหนึ่งในสถาบันนักปราชญ์ปีนี้?”
ห่างออกไป
เสียงของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจอเวทมนตร์ดังขึ้น
ชายหนุ่มรูปงามสวมชุดทำงานและถุงมือหนักๆ ที่กำลังซ่อมอุปกรณ์เวทมนตร์ เปิดแว่นตาพลางมองไปที่หน้าจอ
“ดีแล้วที่เราไม่ได้รับสมัครเขา”
หญิงสาวที่สวมชุดซึ่งแตกต่างจากสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์กล่าว
แตกต่างจากชายหนุ่ม เธอติดตราสัญลักษณ์ผู้สร้างการ์ดระดับเงินที่ลงทะเบียนจากสมาคมผู้สร้างการ์ดไว้บนปกเสื้อของเธอ
“ว่ากันว่าวงจรสมองของชายหนุ่มคนนี้แตกต่างจากคนทั่วไป บางทีเขาอาจจะตั้งใจทำก็ได้”
ชายหนุ่มเกาหัวด้วยความสับสน เขาพึมพำกับตัวเอง
หญิงสาว: “แต่…”
ตอนนี้กลไกในห้องสอบปีศาจถูกทำลายไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะมองยังไงมันก็มีแต่ทางตัน
“คุณไม่เข้าใจงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มถอดถุงมือออก วางเครื่องมือในมือลง นั่งลงบนโต๊ะ จากนั้นก็เอ่ยอย่างครุ่นคิดขณะมองดูหน้าจอเวทมนตร์
เขายังมีผมสีบลอนด์อ่อนๆ แบบเดียวกับเจ้าหญิงวิเวียนแห่งราชอาณาจักรฮัตตัน แต่เขาแต่งกายด้วยความเรียบง่าย สไตล์ของเขาก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป
ในวันธรรมดาเขาจะแต่งกายแบบนี้เว้นแต่ว่าเขาจะกลับเข้าวัง
มักจะมีคนที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นเจ้าชาย แต่คิดแค่ว่าเขามีนิสัยที่ไม่ธรรมดาเท่านั้น
หญิงสาว: “ท่านเห็นอะไรงั้นเหรอ?”
ชายหนุ่ม: “ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน”
“...”
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรอีก เธอยืนนิ่งๆ ยกมือกอดอกพลางเอียงศีรษะ
ถ้าการทุบตีคนของราชวงศ์ไม่ก่อให้เกิดปัญหา เธอก็คงจะทำไปนานแล้ว
...
อาคารหอพักของสถาบันอัศวิน
จากทางเดินและขั้นบันได นักศึกษาบางคนที่เพิ่งเสร็จสิ้นจากการศึกษามาทั้งวันเดินผ่านห้องโถงอย่างเร่งรีบ บางคนรู้สึกสดชื่น และบางคนก็ดูเหนื่อยล้า
เป็นช่วงเลิกเรียนและใกล้จะได้เวลาทานอาหารมื้อเย็นแล้ว เห็นได้ชัดว่าบนทางเดินมีคนอยู่มากกว่าช่วงตอนบ่าย
“รีบไปที่จัตุรัสอนุสรณ์เกราเร็ว ถ้าไปช้าขั้นบันไดถูกยึดหมดแน่ๆ”
“คาดไม่ถึงเลยว่าในสถาบันนักปราชญ์จะมีชายที่ใสซื่อและบ้าบิ่นอยู่”
ทางด้านไม่ไกล
ที่ประตูห้องพักตรงมุมทางเดินชั้นหนึ่ง นักศึกษาผมสีเทาคนหนึ่งสวมแว่นกันแดดทรงฮาล์ฟเวย์ไว้บนสันจมูกอย่างเย่อหยิ่งเล็กน้อย เขาคาบหมุดสองเล่มไว้ในปากและกำลังตัดแผ่นกระดาษที่มีคำว่า “สำนักงานนักสืบเฟรย์” พิมพ์ติดไว้อยู่ จากนั้นก็ติดมันเข้ากับประตูห้องพักของเขา
เมื่อนักศึกษาที่ผ่านไปมาโดยบังเอิญสังเกตเห็นเฟรย์ก็พากันดูประหลาดใจเล็กน้อย
ถอยกลับไปหนึ่งก้าว อย่าเพิ่งพูดถึงว่าทำไมในมหาวิทยาลัยถึงมีสำนักงานนักสืบ
สถาบันอัศวิน — ทำไมถึงต้องมีนักสืบ?
แต่เมื่อนักศึกษาปีหนึ่งที่พากันเดินผ่านไปมาเห็นว่าเป็นชายผมเทาและดวงตาสีม่วง พร้อมกับสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าเกรงขามราวกับหมาป่า พวกเขาก็ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแปลก
“...”
เฟรย์จ้องไปที่ป้ายชื่อและครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
เขาไม่รู้ว่าจู่ๆ ในมหาวิทยาลัยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จึงได้ทำให้ค่ำคืนนี้เกิดเสียงดังผิดปกติ
แต่เมื่อสักครู่ เขาได้ยินนักศึกษาหลายคนที่นำหนังสือของตนกลับมายังหอพัก โดยทั้งหมดต่างพูดถึงเนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน
“ช่างมันก่อนแล้วกัน ค่อยไปดูทีหลัง”
เฟรย์ยังคงมุ่งความสนใจไปที่เรื่องตรงหน้าพลางพึมพำออกมาเบาๆ
(จบตอน)
เฟรย์นี่ตัวฮาอีกตัว