ตอนที่ 132 (ตอนฟรี)
ตอนที่ 132 (ตอนฟรี)
หวังเหยาเจียวกำลังพูดคุยอยู่กับนักข่าวชั้นล่างอย่างมีความสุขกับ แต่เมื่อเขาเห็นหลิวจิ่วเฉียวเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึงพร้อมกับบอดี้การ์ดเจ็ดหรือแปดคน
กงหมิงเฟยซึ่งนั่งอยู่ในรถเห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้ค่อนข้างจะดูไม่ดี เขาจึงหยิบร่มสีดำของหวงเฟยหง ออกมาจากพื้นที่ในระบบโดยตรง เขาเปิดประตูลงจากรถ และไปยืนอยู่ด้านหลังหวังเหยาเจียว!
เมื่อหวังเหยาเจียวเห็นผู้คนมากมายออกมา ไม่เพียงแต่เขาไม่กลัวเท่านั้น แต่เขายังยิ้มออกมาอีกด้วย
ไม่เอาน่า! ยิ่งมีคนมามากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงว่ามีความผิด และเป็นเรื่องจริงมากเท่านั้น!
"หวังเหยาเจียว! หุบปากซะ! ใครให้นายกล้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับลู่คุน รู้ไหมว่านี่ถือว่าเป็นการใส่ร้าย ฉันจะติดต่อทนายความเพื่อฟ้องนายในข้อหาหมิ่นประมาท และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง!”
หวังเหยาเจียวมองดูหลิวจิ่วเฉียว ที่กำลังแสดงความโกรธ ด้วยรอยยิ้มที่ดูถูก! ผู้หญิงแบบนี้เป็นเอเจนซี่ชื่อดังระดับแนวหน้าได้ยังไง? แม้แต่การควบคุมอารมณ์ต่อหน้านักข่าว ก็ยังไม่สามารถทำได้!
ดูเหมือนข่าววงในที่ว่าเธอใช้ร่างกายของเธอเพื่อไต่เต้าขึ้นมาในระดับสูงนั้นน่าจะเป็นความจริง!
เพื่อป้องเผชิญหน้ากับสิ่งเล็กๆน้อยๆเช่นนี้กับแสดงอารมณ์โกรธขึงขังออกมาต่อหน้านักข่าวบันเทิง แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะและระดับ EQ ของเธอได้เป็นอย่างดี!
ตราบใดที่มีคนมายั่วยุ กล่าวหาเธออย่างไม่เป็นทางการเพื่อทำให้เธอหงุดหงิด เธอก็จะเสียสติไปเลย คนแบบนี้จะไม่มีความรู้สึกถึงความสำเร็จแม้ว่าเขาจะชนะก็ตาม ฉะนั้นหวังเหยาเจียวจึงค่อนข้างจะดูถูกผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมาก!
“ฟ้องหมิ่นประมาทผมงั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง! คุณหลิว คุณไม่เคยศึกษากฎหมายเบื้องต้นบ้างเลยหรืออย่างไร? การฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทก็คือต้องมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงบางประการ! ผมไม่ได้บิดเบือนข้อเท็จจริงอันใด และสิ่งที่ผมพูดผมก็ขยายความเอามาจากคลิปวีดีโอที่กำลังโด่งดังและถูกเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตในตอนนี้!”
“ฉะนั้นเพื่อเป็นการย้ำเตือนคุณอีกอย่างหนึ่ง ผมขอบอกคุณล่วงหน้าเอาไว้เลยว่าผมนั้น มีปริญญาบัตรในสาขานิติศาสตร์ ฉะนั้นหากคุณตั้งข้อกล่าวหากับผมในตอนนี้ผมมีสิทธิ์จะฟ้องร้องคุณกลับ!”
สีหน้าของหวังเหยาเจียวแสดงรอยยิ้มของผู้ชนะที่เหนือกว่า ซึ่งการแสดงออกเช่นนี้ของเขาเป็นการยั่วยุหลิวจิ่วเฉียวโดยตรง!
บอดี้การ์ดทั้งหมดทำตามคำสั่งของหลิวจิ่วเฉียว โดยได้ทำการปิดล้อมรอบนักข่าวบันเทิงและหวังเหยาเจียวไว้ ไม่ให้หลบหนี
ในขณะนี้นักข่าวหลายคนเริ่มตะโกนด้วยความโกรธ และแสดงความไม่พอใจออกมา
"คุณต้องการกำลังทำอะไรอยู่ ผมขอเตือนนี่มันเป็นการละเมิดสิทธิ์ของนักข่าว!”
“ฮึ่ม! พวกคุณต้องการใช้กำลังเพื่อบีบบังคับพวกเรางั้นเรอะ?”
“คุณหลิว! ผมว่าคุณควรใจเย็นๆ และคิดให้ดีก่อนที่จะทำอะไร!”
หลิวจิ่วเฉียว เริ่มโกรธเมื่อได้ยิน คำพูดของกลุ่มนักข่าว และในทันทีเธอก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “หุบปาก!”
หลังจากนั้นเธอก็หันไปสั่งกลุ่มบอดี้การ์ดของเธอ “ยึดกล้องและอุปกรณ์บันทึกเสียงของพวกเขาและทำการลบเนื้อหาข้างในออกให้หมด!”
หวังเหยาเจียวค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อยเขาไม่ได้คิดหวังว่า หลิวจิ่วเฉียวจะทำเรื่องแบบนี้จริงๆ นี่ไม่ใช่เป็นการขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองหรอกเหรอ?
นักข่าวบางคนรู้สึกไม่ดี และก็เริ่มงงนิดหน่อย หลิวจิ่วเฉียวคนนี้กล้าทำผิดกฎหมายในเวลากลางวันแสกๆ ต่อหน้าคนมากมาย? หญิงคนนี้บ้าไปแล้วหรือเปล่า?
แม้แต่กงหมิงเฟยก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนนั้นเองที่เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาใช้บัตรสร้างโอกาส ระบบแจ้งว่า 'บัตรสร้างโอกาสถูกเรียกใช้แล้ว โปรดใช้ทุกโอกาสอย่างจริงจัง'
แต่คราวนี้ไม่มีการเตือนความจำ ระยะเวลาของบัตรสร้างโอกาสคือหนึ่งชั่วโมง นั่นหมายความว่าบทนักแสดงของชายคนที่สามก่อนหน้านั้นไม่คู่ควรที่จะเปิดใช้บัตรสร้างโอกาส และโอกาสที่แท้จริงกำลังรอเขาอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ?
และดูเหมือนว่าตอนนี้ IQ ของผู้หญิงคนนี้จะลดลง ทำให้การแสดงออกของเธอนั้นดูค่อนข้างจะหงุดหงิดมาก ซึ่งก็ควรจะเป็นผลกระทบจากบัตรสร้างโอกาสอย่างนั้นเหรอ?
วินาทีต่อมา บอดี้การ์ดทัังหมดก็เริ่มดำเนินการ โดยการแย่งกล้องของกลุ่มนักข่าวโดยตรง!
และในขณะเดียวกัน บอดี้การ์ดร่างใหญ่อีกสองคนก็เดินตรงเข้ามาหาหวังเหยาเจียว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงได้รับคำสั่งให้มาจัดการกับหวังเหยาเจียวอย่างรุนแรง โดยใช้สถานการณ์ความวุ่นวายในตอนนี้ให้เป็นประโยชน์
กงหมิงเฟยหรี่ตาลง ก้าวเดินของเขาดูเหมือนช้าแต่ในพริบตา เขาก็มาอยู่ด้านหลังของหวังเหยาเจียวพร้อมกับร่มสีดำในมือ!
ฟ้าวว! ปัง!
ร่มสีดำกระแทกไปที่แขนของบอดี้การ์ดร่างใหญ่ที่ยื่นออกมากำลังจะจับตัวหวังเหยาเจียว! หลังจากนั้นกงหมิงเฟยก็สบัดด้ามร่มกลับ ตีไปที่หน้าผากของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!
บอดี้การ์ดอีกคนที่เพิ่งจะตอบสนอง รีบกระโจนเข้าหากงหมิงเฟยในทันที!
กงหมิงเฟยที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว พลิกตัวหลับออกด้านข้างเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเขาก็เตะตัดไปที่ขาของบอดี้การ์ดคนนั้น จนเสียหลักและเซไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็ใช้ปลายร่มตีไปที่ข้อเท้าอีกข้าง จนอีกฝ่ายล้มลง
กงหมิงเฟย หมุนควงร่มสีดำปักปลายร่มลงพื้น และยืนอย่างสง่างามด้วยท่าทางของปรมาจารย์กังฟู!
เดิมโรงแรมนี้ค่อนข้างใหญ่ และตอนนี้มีผู้คนมากมายกำลังทะเลาะวิวาทกันที่ทางเข้า จึงดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากให้เข้ามามุงดู เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้นจึงมีเสียงเชียร์ดังอยู่รอบๆ และอีกหลายคนก็ยังยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตื่นเต้น!
“ป่าเถื่อน ไร้การศึกษา!”
หลิวจิ่วเฉียว ตะโกนและกรีดร้องออกมาเสียงดังด้วยความโกรธ เมื่อเธอเห็นว่ากงหมิงเฟย ล้มบอดี้การ์ดสองคนของเธอ
“ไอ้พวกคนป่าเถื่อนไร้เหตุผล! กล้าดียังไงถึงได้ทำร้ายคนอื่นแบบนี้! ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาหรือยังไง!”
หวังเหยาเจียวแทบจะหัวเราะออกมาดัง ๆ เมื่อได้ยอนหลิวจิ่วเฉียวพูดแบบนี้ น่าสนใจมาก ใครเป็นคนลงมือก่อนเป็นคนแรก? ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยว่าผู้หญิงไร้สมองเช่นนี้เข้าร่วม ดทียนหยูมีเดียได้อย่างไร?
เขามองไปรอบๆ เห็นฝูงชนที่เป็นไทยมุงเพิ่มมากขึ้น และรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องทำการแสดงของเขาแล้ว!
เขากระแอมไอเบาๆ เพื่อดึงดูดความสนใจแล้วพูดว่า "เราตีคนงั้นเหรอ ฉันแค่กำลังพูดคุยกับเพื่อนนักข่าว ทำไมพวกคุณถึงได้แย่งชิงกล้องและดทปบันทึกเสียงของคนอื่นล่ะ? นั่นมันคือการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและปล้นชิงทรัพย์โดยเจตนา มิหนำซ้ำกลุ่มบอดี้การ์ดของคุณนั้นเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนและอบรมมาโดยเฉพาะด้าน การที่พวกเราตอบโต้นั้นก็ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตัว! ฉันจะพูดกับคุณอีกครั้งว่าเรื่องวันนี้ไม่จบลงง่ายๆแน่ และจะแจ้งความเอาผิดพวกคุณทุกคนอย่างแน่นอน!”
พูดจบเขาก็กำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋า บอดี้การ์ดของหลิวจิ่วเฉียวไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ เขาเข้ามาแย่งโทรศัพท์มือถือของหวังเหยาเจียว
เมื่อกงหมิงเฟยเห็นเช่นนั้น เขาก็ต้องการเข้าไปหยุดบอดี้การ์ดคนนั้น แต่หวังเหยาเจียวหันมามองหน้าเขาและส่งซิกบอกใบ้ไม่ให้เขาเข้ามา
บอดี้การ์ดร่างใหญ่คนนั้นจึงเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์ออกจากมือของหวังเหยาเจียว
เมื่อหวังเหยาเจียวเห็นดังนั้นเขาจึงแสร้งแสดงความโกรธออกมา และตะโกนเสียงดังว่า “ทุกคนเห็นแล้วใช่มั้ย ว่าคนพวกนี้ทำอะไร ฉะนั้นได้โปรดเป็นพยานให้กับผมด้วย!”
นักข่าว และบรรดาผู้คนที่เข้ามาดูเหตุการณ์ที่อยู่โดยรอบ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูป พวกเขาต่างพูดสนับสนุนหวังเหยาเจียว “ถูกต้อง! คนพวกนี้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และตั้งใจทำร้ายร่างกายก่อน ฉะนั้นการต่อสู้ป้องกันตัวถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้อง พวกเราทั้งหมดจะร่วมกันเป็นพยานให้กับคุณ!”
“ผู้หญิงคนนี้คือหลิวจิ่วเฉียวใช่มั้ย?”
“ใช่! เธอคนนี้แหล่ะ! เธอเป็นเอเจนซี่ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง มีไอดอลหน้าใหม่สี่หรือห้าคนภายใต้การดูแล และลู่คุนที่กำลังเป็นข่าวร้อนแรงอยู่ในตอนนี้ก็เป็นศิลปินของเธอด้วย!”
“ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสมองใช่ไหม ต่อหน้าคนมากมายกล้าดียังไงมาทำแบบนี้?”
“ใครจะรู้ บางทีเธออาจจะคุ้นเคยกับการเป็นคนนอกกฎหมาย เธออาจจะทำแบบนี้บ่อยๆจนเคยชิน ฉะนั้นเธอจึงไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย!”
ใบหน้าของหลิวจิ่วเฉียวเข้มขึ้นเมื่อเธอ ได้ยินคำพูดของผู้คนรอบตัว
ในขณะเดียวกัน มีชายชราคนหนึ่งที่ปะปนอยู่กลุ่มคน กำลังจ้องมองไปที่กองหมิงเฟยอย่างพินิจพิเคราะห์
กงหมิงเฟยยืนเงียบๆ อยู่ด้านหลังของหวังเหยาเจียว มือจับร่มสีดำที่ปลายยังคงปักลงพื้น อยู่ท่วงท่าที่สง่างามและหล่อเหลาของปรมาจารย์กังฟู!
ชายชราสวมเสื้อผ้าลำลองหลวม ๆ และสวมหมวกแก๊ปเบสบอลที่ดูทันสมัย ดวงตาของเขามองไปที่กงหมิงเฟยด้วยความชื่นชม
'ทักษะของชายหนุ่มคนนี้ดีมาก และรูปร่างหน้าตาของเขาสามารถรองรับบทบาทนี้ได้! ฉันไม่รู้ว่าทักษะการแสดงของเขาจะเป็นอย่างไร ดูเหมือนว่าฉันจะต้องเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาทีหลัง’
'ติ้งงง! บัตรสร้างโอกาสถูกเรียกใช้แล้ว โปรดกรุณาใช้โอกาสที่มีอย่างคุ้มค่าและจริงจัง!’
กงหมิงเฟยสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของระบบดังขึ้นในใจของเขา และเขาก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข!
ตามที่คาดไว้! เหตุผลที่ผู้กำกับจ้าวต้าหนานชื่นชอบฉันมาก่อนไม่ใช่เพราะบัตรสร้างโอกาส หรืออีกนัยนึงก็คือในตอนนี้บัตรสร้างโอกาสพึ่งจะแสดงผลของมัน!
เมื่อกลุ่มนักข่าวบันเทิงและปาปารัสซี่ที่ถูกแย่งกล้องไป เห็นว่ากลุ่มคนจำนวนมากที่มามุงดูอยู่ เข้าข้างพวกเขา พวกเขาจึงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น พวกเขาชี้มือไปที่หลิวจิ่วเฉียวและพูดด้วยความโกรธว่า “คุณใช้กำลังข่มขู่กรรโชกทรัพย์ และละเมิดสิทธิส่วนบุคคล พวกเราไม่ยอมจบเรื่องนี้อย่างแน่นอน เราจะแจ้งตำรวจและแจ้งไปยังบริษัทเทียนหยูมีเดีย ต้นสังกัดของคุณ!”
ในขณะนี้ หลิวจิ่วเฉียว ดูเหมือนจะตื่นจากความฝัน เมื่อมองดูฝูงชนรอบตัวเธอ ในที่สุดเธอก็เริ่มจะตื่นตระหนกอย่างแท้จริง
………….
จบบท