บทที่ 80 สังหารถัวหลง
บทที่ 80 สังหารถัวหลง
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า คนที่ลงมือคนแรกจะเป็นเสินอี้
เขาบีบมือแน่นบนด้ามดาบ แสงสีดำบนดาบจางลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นสีดำสนิทที่น่าหวาดกลัว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้พลังทั้งหมดหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตวารีหยกขั้นสมบูรณ์
วิชาถานหลางสังหารปีศาจที่เข้าถึงสถานะการเปลี่ยนแปลง ได้แสดงพลังที่เฉียบคมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ฉับ!
ดาบฟันลงอย่างแรง ไม่มีเสียงดังก้องกังวานเหมือนดาบก่อนหน้า มีเพียงความคมที่บริสุทธิ์ที่สุด
ด้วยความโกรธ ถัวหลงระแวดระวังอยู่บ้าง แต่สำหรับกระบวนท่านี้ มันก็ยังไม่ทันตั้งตัว
(鼍龙 ถัวหลง ไม่รู้ว่าคนแต่งให้คำนี้เป็นชื่อหรือสายพันธ์นะครับ คำนี้แปลว่าแอลลิเกเตอร์จีน หรือ จระเข้ตีนเป็ดจีน ขออนุญาติทับศัพท์เลยแล้วกัน)
จนกระทั่งใบดาบสีดำสนิทเข้าใกล้ อากาศเย็นยะเยือกก็พุ่งจากฝ่าเท้าขึ้นไปบนศีรษะ มันตกใจจนใบหน้าเปลี่ยนสี
มันตัดสินใจใช้เท้ายันพื้นและใช้ข้อศอกที่ปกคลุมด้วยเกล็ดพุ่งเข้าใส่ใบดาบ
เอาเนื้อตัวปะทะกับคมดาบ!
กึก กึก กึก——
ไม่ใช่เสียงเนื้อถูกหั่น ไม่ใช่เสียงโลหะกระทบกัน
เกล็ดบนแขนของถัวหลงทั้งหมดตั้งขึ้น คล้ายกับใบมีดโค้งเรียงราย
ดาบทมิฬคู่ไม่ได้สัมผัสกับเนื้อหนังของมัน แค่ขูดเกล็ดออกไปชั้นหนึ่งเท่านั้น
ถ้วหลงอาศัยช่วงเวลาอันสั้นของการตอบสนอง หันตัวกลับมา ทันใดนั้นเสื้อคลุมกว้างๆ ของมันก็ถูกกระชากขึ้น หางที่หนาและแข็งแรงฟาดออกตามแรง คล้ายกับเหล็กกล้า ฟาดไปที่แขนของชายหนุ่มอย่างรุนแรง
เมื่อเผชิญหน้ากับกลอุบายอันชั่วร้ายที่ซ่อนไว้ล่วงหน้าของปีศาจ
ดวงตาของเสินอี้เปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ ฝีมือการใช้ดาบที่บรรลุขั้นสมบูรณ์แบบสามารถดึงและรั้งได้อย่างอิสระ
เพียงชั่วพริบตา เขาก็ฟาดฟันดาบออกไปอีกครั้ง
ในเสี้ยววินาทีก่อนที่หางจะสัมผัสถึงดาบ หางที่แข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้ากลับเปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น พลังอันรุนแรงก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตาเพื่อตบตาศัตรู มันไม่ได้ต่อสู้กับดาบของเสินอี้ แต่กลับพันรอบแขนของเขาแทน
ในชั่วพริบตา เกล็ดบนหางก็ตั้งขึ้น
ฉึก!
เพียงแค่หันหลังกลับ ก็ซ่อนไว้ด้วยกลอุบายสังหารถึงสามชั้น
แขนเสื้อผ้าไหมถูกฉีกขาด ย้อมด้วยสีแดงเข้ม
สีหน้าของถัวหลงไม่ดีนัก เกล็ดบนตัวมันนั้นบ่มเพาะมานับพันปี ดูเผินๆ เหมือนเป็นแค่เกล็ดที่ขึ้นอยู่บนตัว แต่จริงๆแล้วมันถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นชุดเกราะป้องกันและโจมตีในหนึ่งเดียว
มันเป็นสิ่งล้ำค่าที่มันพึ่งพาอาศัยอยู่
แต่เหล็ดอันล้ำค่ากลับถูกดาบดำประหลาดนั้นเฉือนออกไปหลายสิบแผ่นในพริบตา ใจมันร้องไห้คร่ำครวญไปหมดแล้ว
บาดแผลเล็กน้อยของอีกฝ่ายเทียบอะไรกับมันไม่ได้เลย
ดวงตาของถัวหลงฉายแววดุร้าย มันออกแรงอีกครั้ง ต้องการใช้โอกาสนี้บดขยี้แขนของชายหนุ่มให้แหลกละเอียด
ทันใดนั้น มันก็สังเกตเห็นว่าเสินอี้กางมือออก และกำหางของมันไว้แน่น
"เจ้าเป็นแค่มนุษย์ผู้ฝึกยุทธ เจ้ากล้าประลองกำลังกับข้างั้นเหรอ?"
ถัวหลงรู้สึกถึงเจตนาของอีกฝ่าย รู้สึกขำขันปนกับความโกรธที่ถูกยั่วยุ
ถ้ามนุษย์ผู้ฝึกยุทธสามารถใช้ร่างกายเปล่าต่อกรกับปีศาจที่กำเนิดมาพร้อมพลังพิเศษได้ พวกเขาก็คงไม่จำเป็นต้องไปฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้อีกต่อไป
ทว่าความคิดนี้ยังไม่ทันจางหาย
ในเสี้ยววินาทีต่อมา ทุกสิ่งในสายตาของมันก็พลิกคว่ำ
เสินอี้คว้าหางถัวหลง ยกมันขึ้นไปกลางอากาศ และเหวี่ยงมันออกไปอย่างไร้ความปรานี!
ปัง!
ถ้วหลงกลิ้งออกไป กรงเล็บหยาบกร้านของมันฝังลงบนพื้นหิน
มันส่ายหัวแบนๆ ตาโปนทั้งสองข้างรู้สึกมึนงง
ทันใดนั้น มันก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตื่นเต้น
มันคิดว่าอีกฝ่ายแค่บังเอิญกลืนกินสายเลือดของมังกรเจียวในแก่นแท้ปีศาจโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่คิดว่า... แม่งเอ้ย!...มันสามารถดูดซึมได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
"โฮกก!"
ดวงตาของมันแดงก่ำ ก้มตัวลงส่งเสียงร้องคำราม
เสียงแหลมคมที่ดังก้องไปด้วยความตื่นเต้นนี้ ดึงดูดความสนใจของอีกฝ่าย
ในเสี้ยววินาทีที่เสินอี้ลงมือ
เสี่ยวเว่ยชุดอินทรีทองคำกว่ายี่สิบคนก็ปฏิกิริยาฉับไว โยนโซ่ตรวนในมือออกไป มัดตัวผู้เฒ่ากระบี่พิโรธเอาไว้
สิ่งที่เรียกว่า "ค่ายกลปราบปีศาจ" นั้น ไม่ใช่แค่ศาสตร์การต่อสู้เพียงอย่างเดียว นอกเหนือจากทักษะแล้ว สิ่งสำคัญคือวัสดุของโซ่ตรวน ที่สามารถขัดขวางการไหลเวียนของพลังปราณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อกำหนดเบท้องต้นคือ…… ต้องสามารถพันธนาการฝ่ายตรงข้ามให้ได้
จุดศูนย์กลางของค่ายกลที่ควรจะเป็นของจ้าวคังหลิน ตอนนี้กลับกลายเป็นหงเล่ยแทน
ทำให้การประสานงานนั้นดูงุ่มง่าม พูดได้ว่าต่างคนต่างต่อสู้
เสี่ยวเว่ยค่ายนอกก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกัน โดยปกติแล้วพวกเขาไม่คุ้นเคยกับการร่วมมือกันสังหารศัตรู ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังถูกดึงตัวมาจากผู้นำหน่วยหรือขุนพลที่ต่างกลุ่มกัน พวกเขาเพิ่งจะฝึกฝนร่วมกันเพียงไม่กี่วัน แม้แต่เพื่อนร่วมรบข้างกายก็ยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่นัก
ในสถานการณ์เช่นนี้ เสี่ยวเว่ยขอบเขตเริ่มต้นไม่สามารถเข้าร่วมได้เลย
โชคดีที่หงเล่ยมีพื้นฐานที่มั่นคง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจวิธีการใช้ค่ายกลปราบปีศาจ แต่เขารู้ว่าชายชราผู้นี้เกรงกลัวโซ่ตรวน เขาจึงใช้จุดแข็งนี้เพื่อต้านทานศัตรูได้อย่างทุลักทุเลในช่วงเวลาสั้นๆ
เห็นได้ชัดว่าชายชราใช้ทักษะลับเพื่อเผาผลาญพลังชีวิต เพ่ือให้กลับมายืนหยัดบนจุดสูงสุดไ้อีกครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ทักษะลับนี้ก็ยังไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้พลังโดยรวมของร่างกายเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
เพียงแค่ยื้อเวลาอีกเพียงธูปไหม้สามดอก(90 นาที)... โดยไม่ต้องลงมือทำอะไร อีกฝ่ายก็ตายเอง
แต่ไม่รู้ว่าภายในธูปสามดอกนี้ ยังจะมีคนตายอีกกี่คน
ยังมีอีกประเด็นสำคัญ นั่นคือปีศาจขอบเขตวารีหยกขั้นสมบูรณ์ที่อยู่ด้านหลัง ถึงแม้ว่าเสินอี้จะเก่งมาก แต่เขาจะต้านทานมันได้นานแค่ไหน?
ชายชราผมเงินฟาดฟันกระบี่ตามใจต้องการ ปราณกระบี่อันทรงพลังพุ่งออกมาไม่หยุด ถึงแม้หงเล่ยจะสามารถหลบหลีกได้ แต่เสี่ยวเว่ยชุดอินทรีทองคำที่ถือโซ่ตรวนนั้นยากที่จะหลบเลี่ยง เขาจึงไม่สามารถนิ่งดูค่ายกลถูกทำลายลงได้ง่ายๆ
เขาจึงกัดฟันรับมันไว้ทั้งหมด!
แน่นอนว่า เสี่ยวเว่ยค่ายนอกย่อมไม่อยู่นิ่งเฉย พวกเขาซัดอาวุธลับเคลือบยาพิษนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่ชายชราอย่างกับห่าฝน
แต่ชายชราไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย ปล่อยให้สิ่งเหล่านั้นทิ่มแทงเข้าไปในผิวหนัง และค่อยปัดออกในภายหลัง
พิษร้ายแรงสำหรับคนที่ใกล้ตายนั้น แทบไม่มีผลอะไรเลย
แต่จู่ๆ เสียงคำรามของถัวหลงก็ดึงดูดความสนใจของชายชรา จนเขาต้องหันเหความสนใจ
ผู้เฒ่ากระบี่พิโรธหันกลับไปมอง
ชายชราเห็นว่าชุดคลุมสีคราวของถวหลงนั้นฉีกขาด บ่งบอกถึงความเกรี้ยวกราดจากการถูกโจมตี พื้นดินสั่นสะเทือนไปกับทุกย่างก้าวของมัน
ตรงข้ามกับถัวหลง เสินอี้เก็บดาบเข้าฝักอย่างช้าๆ
"หืม?"
ความสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาที่มัวหมองของชายชรา
จากมุมมองของเขา ชายหนุ่มผู้นี้ยังมีออร่าปราณอย่างเต็มเปี่ยม เขายังห่างไกลจากจุดที่พลังจะหมด เหตุใดจึงเก็บดาบและไม่ใช้มัน?
ในไม่ช้า เสินอี้ก็ตอบคำถามที่ชายชราสงสัยด้วยการกระทำของเขา
เมื่อเขาค่อยๆ ยกมือขึ้น
ท่ามกลางความเงียบสงัดของยามค่ำคืน แสงสีแดงฉานอันน่าขนลุกก็ปรากฏขึ้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความโหดร้าย ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นนรก
ชายชรากำกระบี่ยาวในมือแน่น อารมณ์ที่นิ่งเฉยเหมือนน้ำในบ่อโบราณก็เริ่มสั่นคลอน
เขาเคยเห็นภาพที่คล้ายคลึงกันมาก่อน นั่นคือวิชาที่แม่ทัพใหญ่แห่งชิงโจวใช้ตอนยังหนุ่ม เรียกว่า "วิชาผสานสี่เที่ยงแท้" ซึ่งโด่งดังไปทั่วทั้งชิงโจว
สุดยอดวิชาทั้งห้า ว่ากันว่าผู้ใดที่เชี่ยวชาญเพียงหนึ่งวิชา เขาก็สามารถกวาดล้างผู้ที่มีระดับเดียวกันได้
แม้แต่แม่ทัพใหญ่ในสมัยนั้น ออร่าปราณของเขาก็ยังไม่หนาแน่นเท่านี้ ยิ่งไม่มีความโหดร้ายที่แทรกซึมถึงกระดูก และไม่มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในนรกโลหิตสีแดงฉาน!
เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่าหากเขาตกอยู่ท่ามกลางสายฝนที่เต็มไปด้วยพลังโลหิตสีแดงฉานนี้ เขาจะรู้สึกอย่างไร?
ซู่!
สายฝนพลังปราณถาโหมกระหน่ำลงมา ทุกหยาดหยดพุ่งตรงไปที่ถัวหลง
ปีศาจร้ายพันปีจากแม่น้ำหยางชุนถูกกระแทกจนถอยหลังอย่างต่อเนื่อง เปลวไฟสีสดใสบนร่างกายเผาไหม้เกล็ดป้องกันที่มันหวงแหนอย่างสุดชีวิต เกือบจะกลืนกินมันในทันที
เสียงคร่ำครวญอันน่าสยดสยองดังก้องไปทั่ว
ทันใดนั้น ชายหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่ก็หันมามอง
จากนั้นเขายกมือขึ้นอีกครั้ง
"..."
ผู้เฒ่ากระบี่พิโรธเงยหน้ามองแสงสีแดงฉานที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา
ดวงตาที่มัวหมองของเขายิ่งมืดมนลง
มือของเขาอ่อนแรง กระบี่ยาวห้าฉื่อตกลงสู่พื้น ส่งเสียงดังกังวาน
ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะทุกอย่างไม่มีความหมายอีกต่อไป
ภายใต้ออร่าปราณนี้ เวลาธูปสามดอกที่เขาพยายามต่อสู้ ดูจะไร้ประโยชน์...