บทที่ 113: ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น (ตอนฟรี)
บทที่ 113: ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่น (ตอนฟรี)
หลังจากที่ซูฟ่านกลับมา ทั้งนิกายก็เริ่มกินข้าวห่อไข่ปู
ซูฟ่านเช็ดคราบอาหารออกจากมุมปากของเขาอย่างพึงพอใจ “ไม่เลวเลย ทักษะการทำอาหารของเยว่เซียนพัฒนาขึ้นอีกแล้ว”
ในขณะนี้ ซูเยว่เซียนหรี่ตาลงและพูดว่า " ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้ทำอาหารจานนี้ มันคือผูเถาที่ควบคุมหุ่นเชิดเพื่อทำอาหาร"
“ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีคุณสมบัติพอจะทำอาหารให้ท่านอาจารย์ในอนาคตแล้ว” หลังจากพูดอย่างนั้น ซูเยว่เซียนก็แสร้งทำเป็นถอนหายใจ
“ถ้าเจ้าอยากทำอาหาร มันก็ไม่มีใครหยุดเจ้าได้ ในอนาคต งานของผูเถาจะมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และมันก็อาจไม่มีเวลาพอที่จะจัดการสิ่งเหล่านี้”
จากนั้นซูฟ่านก็ใช้ประโยชน์จากทุกคนที่มารวมตัวกันเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการในอนาคตของนิกาย แต่ในไม่ช้า เขาก็ตระหนักได้ว่าไม่มีใครสนใจเลย
“ท่านอาจารย์ หลังจากที่แผนของท่านเสร็จสิ้นแล้ว ข้าสามารถไปล่าสมบัติต่อได้ไหม?”
“ข้าอยากเดินทางไปทั่วทั้งทวีปกลาง”
“ข้าอยากออกไปดูโลกหลังจากที่ข้าได้รับวิชาลับของท่านอาจารย์”
“ข้าอยากพาภรรยาออกไปเดินเล่น”
“ถ้าพวกท่านทุกคนออกไป ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องนิกายและปกป้องท่านอาจารย์เอง”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ซูฟ่านก็หันไปมองซูกังโดยคิดว่า ‘ข้าสามารถทำลายเจ้าลงได้ด้วยมือข้างเดียว ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาปกป้องข้าก็ได้’
ซูฟ่านถอนหายใจเมื่อเห็นทัศนคติที่ไม่แยแสของพวกเขา เขารู้สึกว่าถ้ามีคนทะเยอทะยานเพิ่มขึ้นมาเพียงสักคนเดียวในหมู่พวกเขา เขาก็คงจะไม่เหนื่อยมากเช่นนี้
“นิกายเพิ่งได้รับการจัดตั้งขึ้น และพวกเจ้าก็คิดอยากจะพักผ่อนกันแล้วหรอ? ฝันต่อไปเถอะ!”
“อย่างน้อยพวกเจ้าก็จะต้องฝึกฝนศิษย์รุ่นต่อไปให้เสร็จก่อนจึงจะจากไปได้”
“และแผนการพัฒนาเบื้องต้นของนิกายเราจะไม่แล้วเสร็จจนกว่าจะผ่านไปอย่างน้อย 5 ปี”
“ดังนั้น ไม่ว่าพวกเจ้าจะมีอะไรทำหรือไม่ก็ตาม จงอยู่แต่ในนิกายซะ!”
“ถ้าพวกเจ้าไม่มีอะไรทำจริงๆ ให้ไปที่ทะเลสาบยักษ์แสนลี้เพื่อฆ่าสัตว์อสูรขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณ” ซูฟ่านกล่าวขณะที่เขามองไปที่คนที่ไม่น่าพึงพอใจเหล่านี้
“หรือไม่ก็ไปค้นหาผู้มีพรสวรรค์รุ่นต่อไป”
“ส่วนศิษย์เหล่านี้ที่ผ่านการทดสอบของข้าแล้ว ความสำเร็จในอนาคตของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าของพวกเจ้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่าในอนาคตพวกเจ้าแต่ละคนจะต้องรับลูกศิษย์โดยตรงสามคน”
“และพวกศิษย์จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไกลก่อนที่จะถึงขอบเขตแก่นแท้ทองคำ” ซูฟ่านกล่าว เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองเป็นคนเดียวที่ต้องกังวลได้
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า และในชั่วพริบตา ชุดเกราะพลังวิญญาณชุดแรกก็ได้รับการผลิตขึ้น
ผางฟู่แบกความหวังของซูฟ่านบินไปยังเมืองเซียนหลินเซิน
“ครึ่งปี 400 ล้านหินวิญญาณ ความเร็วในการหาเงินนี้น่าจะเพียงพออยู่”
ในเวลานี้ ซูฟ่านก็นึกถึงเรือเหาะลอยล่อง เรือเหาะลอยล่องสามารถนำทรัพยากรมูลค่าหลายแสนล้านกลับมาได้อย่างน้อยหลังจากการเดินทางหกเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับเรือเหาะลอยล่องแล้ว หินวิญญาณที่เขามีอยู่นั้นก็แทบจะไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ
ซูฟ่านยังไม่ได้ประเมินว่าต้องใช้หินวิญญาณมากแค่ไหนในการสร้างเรือเหาะลอยล่อง มันอาจสูงหลายแสนล้านรึเปล่า?
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถสร้างเรือเหาะลอยล่องได้ แต่ซูฟ่านก็รู้จักปืนใหญ่บนเรือรบคุ้มกันเป็นอย่างดี
“ข้าจะอดทนเอาไว้ก่อน อีกไม่นานเท่านั้น”
ไม่ถึงหนึ่งวันต่อมา ผางฟู่ก็กลับมาพร้อมกับหินวิญญาณและวัสดุที่ซูฟ่านต้องการ
“ผู้อาวุโสซู ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำภารกิจสำเร็จ”
ผางฟู่มอบหินวิญญาณและวัสดุทั้งหมดให้กับซูฟ่าน
“ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของท่าน”
ซูฟ่านหยิบหินวิญญาณออกมา 20 ล้านก้อนอย่างไม่ตั้งใจและมอบให้ผางฟู่
“รับสิ่งนี้ไว้และจัดตั้งหอการค้าสำหรับนิกายวิญญาณเร้นลับของเรา ท่านจะมีอำนาจควบคุมหอการค้าได้โดยสมบูรณ์” ซูฟ่านกล่าว ดูเหมือนว่าศาลาการค้าในปัจจุบันจะยังเล็กเกินไป มันมีเพียงผางฟู่และลูกชายของเขาเท่านั้น
“ด้วยหินวิญญาณจำนวนนี้ นิกายวิญญาณเร้นลับของเราก็น่าจะสามารถเปิดร้านค้าในเมืองเซียนหลักในทวีปกลางได้”
“เมื่อถึงเวลานั้น นิกายวิญญาณเร้นลับของเราจะสามารถรับข้อมูลและทำการซื้อขายโดยตรงได้”
ผางฟู่หยิบหินวิญญาณขึ้นมาและบอกว่าเขาคิดว่าเขาจะต้องรออีกสักพักจึงจะขยายหอการค้าได้
“ทำงานให้หนักแล้วข้าจะให้เงินตอบแทนภายในสิ้นปีนี้” ซูฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณผู้อาวุโสซู”
“ฮ่าฮ่า ด้วยความยินดี”
หลังจากการสนทนาของพวกเขาจบลง ซูฟ่านก็หันกลับมาและมอบแร่วิญญาณทั้งหมดที่ผางฟู่ซื้อมาให้กับผูเถา
“ในอีกสองปี ข้าจะไม่ต้องกลัวแม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตวิญญาณสวรรค์จะบุกมาที่นิกายของเรา”
เมื่อพวกเขามีหินวิญญาณเพียงพอแล้ว ทุกคนบนเกาะก็สังเกตเห็นว่าหุ่นเชิดแรงงานซึ่งหายไปนานหลายเดือนได้ปรากฏขึ้นอีกครั้งในขนาดมหึมา และสภาพแวดล้อมโดยรอบก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
เมื่อหินวิญญาณเข้าที่ ซูฟ่านก็เริ่มขยายวงกว้างออกไปทั่วเกาะ
ในห้องหลอมสิ่งประดิษฐ์บนยอดเขาหลัก ซูฟ่านกำลังสร้างสิ่งประดิษฐ์ล้ำค่าขั้นห้า ซึ่งเป็นลูกปัดรวมวิญญาณซึ่งเป็นชิ้นที่ 30 ที่เขาสร้างขึ้น หลังจากขัดเกลาลูกปัดรวมวิญญาณได้ 36 เม็ดแล้ว ซูฟ่านก็วางแผนที่จะผสานมันเข้ากับมหาวงเวทย์ของนิกายโดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังปราณวิญญาณบนเกาะวิญญาณเร้นลับได้
ในตอนนี้ เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วนับตั้งแต่ก่อตั้งนิกายขึ้นมา แต่ซูฟ่านก็ยังมีความรู้สึกจู้จี้จุกจิกเหมือนว่าเขาได้ลืมอะไรบางอย่างไป
จนกระทั่งถึงวันรุ่งขึ้น
ในวันนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณที่เคยดูแลซูฟ่านอย่างอบอุ่นก็ได้มาเยี่ยมพวกเขา
“ผู้นำนิกายซู ข้าขอโทษสำหรับการมาเยือนอย่างกะทันหันด้วย” ในขณะนี้ ผู้ฝึกตนขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณก็ดูเหมือนกับนักธุรกิจมากขึ้นไปอีก
“ข้าเป็นผู้อาวุโสเท่านั้น ผู้นำนิกายคือลูกศิษย์ของข้า” ซูฟ่านชี้ไปทางซูเยว่เซียนที่อยู่ข้างๆ เขา
“ฮ่าฮ่า เช่นนี้นี่เอง” ผู้ฝึกตนขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณหัวเราะ
ขณะนี้ หุ่นเชิดสาวใช้ก็กำลังนำชามาริน
“อะไรกันที่ทำให้ท่านมาที่นี่ ผู้อาวุโส” ซูฟ่านถาม
“โอ้ นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านก่อตั้งนิกาย ดังนั้นท่านจึงอาจไม่รู้ วันนี้ข้ามาเพื่ออธิบายให้ท่านฟังเป็นพิเศษ”
ผู้ฝึกตนขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาฉายภาพในอากาศโดยตรง
มีข้อมูลง่ายๆ เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น อันดับแรก กำไรสุทธิของนิกายในปีนี้ และประการที่สอง ภาษีที่ควรจะต้องจ่าย
เมื่อดูตัวเลขถัดจากภาษีที่ต้องจ่าย ซูฟ่านก็ครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันสูงและส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันแม่นยำ
“สภาผู้อาวุโสของเราก่อตั้งขึ้นโดยผู้ฝึกตนชั้นยอด 36 คน และตอนนี้ก็ผ่านไปเป็นเวลา 30,000 ปีแล้ว ดังนั้นขณะนี้จึงมีผู้อาวุโสในสภาทั้งหมด 56 คน รวมถึงผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้อาวุโสด้วย”
“ข้าจะไม่พูดถึงสโลแกนของสภาผู้อาวุโสของเรา แต่ข้าจะเล่าให้ท่านฟังเกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์เซียนทั้งสิบของสภาผู้อาวุโสของเรา”
“อันดับแรก สิ่งประดิษฐ์ตระเวนสวรรค์ มันดูแลส่วนกลางทั้งหมดของทวีป”
“อันดับที่สอง เรือเหาะหมื่นดารา มันสามารถเดินทางรอบโลกอันกว้างใหญ่ได้”
“อันดับที่สามถึงหก คือกระจกฟ้าดิน กระจกเหตุและผล กระจกโจวเทียน และอาณัติวิญญาณสวรรค์ เมื่อกระจกทั้งสี่มารวมกันก็จะสามารถสืบย้อนถึงต้นกำเนิดของทุกสิ่งได้”
“และนี่ก็เป็นสิ่งประดิษฐ์เซียนที่ใช้ในการคำนวณภาษีของท่านด้วย”
“อันดับที่เจ็ด จานวงเวทย์หมื่นกระบี่สังหารสรรพสิ่ง”
“อันดับที่แปด พระราชวังเซียนมังกร”
“อันดับที่เก้า สุสานหมื่นวิญญาณ”
“อันที่สิบ กระบี่สังหารมาร”
“ข้าบอกทั้งหมดนี้กับผู้อาวุโสซูโดยไม่มีเจตนาอื่นใด”
“หากความแข็งแกร่งของนิกายท่านไม่สามารถต้านทานมันได้ ท่านก็ไม่ควรเลี่ยงภาษี”
“ตอนนี้มีนิกายในทวีปกลางมากมายที่ถูกกวาดล้างในทุกๆ ปีเพราะไม่จ่ายภาษี”
“ข้าหวังว่าผู้อาวุโสซูจะไม่ทำผิดพลาดซ้ำรอยคนพวกนั้น” ผู้ฝึกตนขอบเขตตัวอ่อนวิญญาณพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่จำเป็นต้องพูดทั้งหมดนี้ แต่นิกายนี้ก็เป็นนิกายเพียงแห่งเดียวในดินแดนของพวกเขา ดังนั้นมันจึงจำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างดี
สิ่งสำคัญคือ ซูฟ่านและนิกายของเขามีความสามารถที่แข็งแกร่งในการจัดหาหินวิญญาณ ซึ่งจะปรับปรุงประสิทธิภาพของพวกเขาในอนาคตได้
ซูฟ่านหยิบถุงเก็บของสามใบที่บรรจุหินวิญญาณ 10 ล้านก้อนไว้ในแต่ละถุงออกมาแล้วมอบให้กับอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับเขามากที่สุด
“หากผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งพยายามจะทำลายนิกายของข้า ท่านจะสามารถปกป้องนิกายของข้าได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่?”
“เว้นซะแต่จะเป็นเผ่าปีศาจ สภาผู้อาวุโสก็จะพยายามหาทางแก้แบบสันติวิธีให้ ท้ายที่สุดแล้ว สภาผู้อาวุโสของเราก็ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงมากจนเกินไปได้”
เมื่อมาถึงจุดนี้ ซูฟ่านก็มีคำพูดอยู่ในใจ “ก็ถ้ากูจ่ายภาษีแล้วมึงจะไม่ช่วยกูแล้วกูจะจ่ายไปทำไมวะ!”
*เผ่าปีศาจฆ่าผู้ฝึกตน ✖ เลี่ยงภาษีฆ่าผู้ฝึกตน ✔