ตอนที่ 61 ผู้คนมารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย (อ่านฟรี 22/06/2567)
บุ๋ง! บุ๋ง!! ‘บัดซบ! เจ้ามันสารเลวสิ้นดี!!’ ปลาทองหน้าซีดลงไม่น้อยเมื่อนึกภาพตามที่อีกฝ่ายพูด
“เจ้าก็ไม่มีอะไรเสียเปรียบสักหน่อย เป็นลูกน้องของข้า ติดตามนายท่านไป เจ้ามีแต่จะได้รับโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ ส่วนเรื่องตระกูลฉู่ เจ้าก็เลิกหวังว่ามันจะมาช่วยเจ้าได้เลย เพราะข้าจะเดินทางไปทำลายมันเอง ข้อหาที่มาดักขวางทางนายท่าน” ปลาปากเสียกล่าวออกมาเหมือนอ่านความคิดลึก ๆ ของอีกฝ่ายออก ทำให้ปลาทองตัวน้อยเริ่มลังเล
ที่อีกฝ่ายพูดมาก็ไม่ผิด เพราะเขาได้เห็นฝีมือของทั้งคู่แล้ว แถมตัวของเขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงปลาทองไร้ประโยชน์ แม้จะมีพลังปราณในร่างก็ไม่อาจใช้ออกได้ ทำได้เพียงมีชีวิต ว่ายน้ำไปวัน ๆ
“นายท่านเป็นตัวตนที่สูงส่งดั่งเทพเซียน เจ้าเพิ่งจะได้เจอนายท่านได้ไม่นาน แถมยังทำตัวไร้มารยาท แต่นายท่านก็ไม่ฆ่าเจ้า กลับเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นปลา เผ่าพันธุ์อันสูงส่งเช่นข้า ดังนั้นเจ้าก็น่าจะรู้ดีว่านายท่านให้คุณค่าแก่เจ้ามากเพียงใด!” มนุษย์ปลากล่าวหว่านล้อมอีกครั้ง
ความจริงที่ชายหนุ่มเปลี่ยนร่างฉู่หมิงเป็นปลาก็เพราะจะเก็บไว้ใช้เรียกค่าไถ่กับตระกูลฉู่ก็แค่นั้น แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญเสียแล้ว
บุ๋ง บุ๋ง บุ๋ง ‘ก็ได้ ข้ายอมติดตามพวกเจ้า’ ปลาทองฉู่ได้แต่ยอมจำนนด้วยความจำใจ ส่วนหนึ่งก็เพราะความหวาดหลัวที่เกิดขึ้น อีกส่วนก็เพราะอำนาจของทักษะผู้บัญชาปลา
หนืด จ๋อม!
ปลาปากเสียที่เห็นดังนั้นจึงเรียกหยดเลือดของมันออกมาหนึ่งหยด ก่อนจะส่งเลือดหยดนั้นลงไปในโหลปลา ทางฝ่ายปลาทองที่เห็นดังนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร
“ข้าแค่จะช่วยให้เจ้าคุ้นชินกับร่างกายและปรับพลังได้ง่ายขึ้น หยดเลือดของข้ามีประโยชน์กับเจ้ามาก ค่อย ๆ ซึมซับมันเข้าไปก็พอ” ปลาปากเสียกล่าวออกมา ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่มันกล่าว ปลาทองฉู่รู้สึกว่าเขาสามารถใช้งานร่างกายได้อย่างชำนาญมากขึ้น รวมถึงเริ่มเดินลมปราณได้บางส่วนแล้ว
แต่ปลาปากเสียก็ไม่ได้บอกเรื่องจริงไปทั้งหมด เพราะหยดเลือดหยดนี้เมื่อซึมเข้าสู่ร่างกายอีกฝ่ายในตอนที่อีกฝ่ายยังอ่อนแอกว่าตัวมันเช่นนี้ เลือดหยดนั้นมันจะทำหน้าที่ผู้มัดไม่ให้อีกฝ่ายต่อต้านตัวของมันได้ด้วย
บุ๋ง บุ๋ง ‘ขอบคุณเจ้าที่ช่วยข้า’ ในเวลานี้จิตใจของปลาทองฉู่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเสียแล้ว ทักษะผู้บัญชาปลานับว่าน่ากลัวสำหรับเผ่าพันธุ์ปลายิ่งนัก
“เรียกข้าว่า พี่ใหญ่ฟิช!” มันเชิดหน้ากอดอกกล่าวออกมา
บุ๋ง! บุ๋ง! ‘ได้เลย พี่ใหญ่ฟิช!’ ปลาทองฉู่กล่าวตามอย่างว่าง่าย
“นับแต่นี้ไป เจ้าจะเป็นลูกน้องหมายเลขหนึ่งของข้า!” มันส่งเสียงออกมาดังลั่น ทำให้ลูกน้องหมายเลขหนึ่ง ปลาทองฉู่อดภาคภูมิใจไม่ได้
นี่มันได้เป็นถึงลูกน้องหมายเลขหนึ่งเลยนะ!
ในอนาคตมันต้องมีลูกน้องตัวอื่น ๆ อีกมากมายเป็นแน่!
บุ๋ง! ‘ด้วยความยินดีขอรับ ลูกพี่ฟิช!’ ปลาทองฉู่ก็ตอบกลับไปเสียงดัง ถึงแม้จะมีเพียงปลาปากเสียที่ได้ยินอยู่ตัวเดียวก็เถอะ
“เอาล่ะ พวกเราเดินทางกันดีกว่า ชักช้าจะโดนนายท่านด่าเอา!” มันกล่าวจบก็เดินไปอุ้มโหลปลาทองแล้วออกเดินทาง
เนื่องจากมันเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตจากชายหนุ่ม จึงสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย
...
ครึ่งหลัง
บริเวณด้านนอก
เนื่องจากที่ดินและผืนน้ำทั้งหมดถูกล้อมรอบไปด้วยปราการแสงสีทองทำให้บุคคลภายนอกไม่อาจเข้าไปด้านในได้ รวมถึงมองไม่เห็นสิ่งใดที่อยู่ด้านในเช่นกัน
แต่พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงพลังปราณแห่งฟ้าดินอันเข้มข้นที่ถาโถมเข้าไปยังที่ดินแห่งนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตให้พวกเขามารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย
“พวกท่านมองเห็นสิ่งใดหรือไม่ ?” ผู้ฝึกตนรายหนึ่งที่เพิ่งมาถึง กล่าวถามบรรดากลุ่มคนที่มาถึงก่อนหน้า เผื่อจะได้ทราบข้อมูลอะไรบ้าง
“ไม่เลย ต่อให้ใช้ลมปราณส่งเข้าไปสำรวจก็ถูกตีกลับออกมาหมด” หนึ่งในเหล่าผู้ฝึกตนที่มาถึงก่อนได้กล่าวตอบ
“ไม่ว่าจะดาบหรือกระบี่ เคล็ดวิชาใด ๆ ก็ทะลวงไปไม่ได้ทั้งนั้น” อีกหนึ่งผู้ฝึกตนกล่าวออกมา
“ถ้าข้าจำไม่ผิด สถานที่แห่งนี้เพิ่งจะถูกประมูลขายไปไม่ใช่รึ ?” ชายชราคนหนึ่งกล่าวออกมา ถึงแม้ตัวเขาจะไม่ได้เข้าร่วมประมูลแต่ก็ได้ยินข่าวคราวมาบ้าง
“จริงรึ ? ท่านผู้เฒ่า แล้วท่านพอจะทราบเรื่องใดอีกหรือไม่ ?” ชายหนุ่มผู้หนึ่งในชุดคลุมสีแดงกล่าวถามออกมา ทำให้หลาย ๆ คนที่อยู่โดยรอบต่างหันมาให้ความสนใจ
“เท่าที่ข้าทราบมาก็คือ มีชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กล้าท้าทายผู้อาวุโสของตระกูลโจวอย่างออกนอกหน้า เขาเป็นผู้ชนะการประมูลที่ดินแห่งนี้ไป นอกจากเรื่องนี้ข้าก็ไม่ทราบเรื่องอื่นใดแล้ว” ชายชราผู้นั้นทำท่าครุ่นคิดก่อนจะบอกกล่าวออกมา
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลแม้จะมีอยู่อย่างจำกัด แต่ข่าวคราวด้านในก็ค่อนข้างจะแพร่หลายเป็นวงกว้าง ทำให้ขุมกำลังตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป ที่มีตำแหน่งสำคัญในแต่ละขุมกำลังล้วนทราบข่าวนี้กันเกือบหมด แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่พูดออกมาเพราะมันอาจเป็นการหักหน้าตระกูลโจวได้
“ไม่น่าเชื่อ! มีคนกล้าหาเรื่องตระกูลโจวด้วยรึ?” ผู้ฝึกตนโดยรอบที่มีระดับการฝึกตนสูงสักหน่อยย่อมทราบถึงการมีอยู่ของตระกูลโจว พวกเขาอดจะรู้สึกประทับใจในความกล้าของชายคนที่ว่าไม่ได้
ตระกูลโจวแม้จะเป็นหนึ่งในขุมกำลังระดับสูงสุด แต่นิสัยของพวกเขาไม่ค่อยจะดีนัก ไม่ถึงขั้นเลวทรามต่ำช้า แต่ด้วยเคล็ดวิชาที่พวกเขาฝึกล้วนเป็นธาตุไฟกับพลังหยางเป็นหลัก
ทำให้คนของตระกูลนี้อารมณ์ร้อน ชอบหาเรื่องต่อยตี ทำร้ายผู้คนไปทั่ว บางครั้งก็บานปลายทำให้ผู้ฝึกตนเสียชีวิตหรือพิกลพิการก็บ่อย จึงเป็นเหตุให้ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ไม่ชอบคนของตระกูลนี้ ถ้าพบเห็นก็จะพากันหลบหน้าไปเสีย
“ชายคนนั้นไม่กลัวตายเลยรึ กล้าหาเรื่องตระกูลโจวเยี่ยงนี้” หนึ่งในผู้ฝึกตนรุ่นเก่ากล่าวออกมา
“ก็แค่ตระกูลที่อยู่มานานเลยมีทรัพยากรมากกว่าคนอื่นก็เท่านั้น มันมีอะไรให้น่ากลัวกัน! ชายคนนั้นต่างหากถึงจะนับว่าเป็นยอดคน!!” มีเสียงที่เต็มไปด้วยความดุดันดังขึ้น
ผู้คนโดยรอบต่างหันหน้าไปมองที่มาของต้นเสียงกันหมด ชายคนที่พูดออกมาเป็นชายร่างสูงสวมชุดหนังหมาป่าคล้ายชาวป่า ผิวดำคล้ำผมหยิกหยอย มีสร้อยคอที่ทำจากเขี้ยวของสัตว์ร้ายห้อยประดับไว้
“นั่นมัน หมาบ้าเฟิงหู่นี่หว่า!” มีใครบางคนตะโกนขึ้นมา ทำให้ผู้คนโดยรอบพากันหนีห่างจากชายผมหยิกทันที
หมาบ้าเฟิงหู่ก็มีชื่อเสียงไม่ดีนัก เขาชอบท้าประลองกับผู้คนไปทั่ว ไม่ว่าคู่ต่อสู่จะแข็งแกร่งกว่าปานใดก็ไม่อาจฆ่าเขาได้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของชายคนนี้สูงล้ำเป็นอย่างยิ่ง การต่อสู้แบบดุดันโจมตีโดยไม่สนการป้องกัน
ทำให้ผู้ที่ต่อสู้ด้วยไม่กล้าแลกชีวิตด้วยเพราะไม่คุ้มเสีย และเหตุผมสำคัญที่ผู้ฝึกตนระดับสูงไม่กล้าฆ่าเขาก็เป็นเพราะชายคนนี้เป็นศิษย์รักของจักรพรรดิหมาป่าสีเงิน
ว่ากันว่าจักรพรรดิหมาป่าสีเงินเคยต่อสู้กับจักรพรรดิของอาณาจักรซีคแห่งนี้มาก่อน สุดท้ายผลการต่อสู้ไม่อาจตัดสินได้จึงแยกย้ายกันไป
“เจ้ากล้าไปว่าร้ายตระกูลโจวแบบนั้นได้ยังไง! ระวังจะตายไม่รู้ตัว!!” หนึ่งในผู้ฝึกตนที่ต้องการเอาใจตระกูลโจวกล่าวออกมา เขาแค่คาดหวังว่าจะมีใครสักคนที่รู้จักตระกูลโจวได้ยินเข้า
เผื่อว่าตัวเขาจะสามารถเกาะชายเสื้อของตระกูลโจวไปด้วยได้!
“ก็แค่พวกสวะที่ดีแต่ทำร้ายผู้อ่อนแอ ข้ามีอะไรต้องหวาดกลัว!” หมาบ้าเฟิงหู่กล่าวออกมาเสียงดังอย่างไม่หวาดกลัว
“ไอ้บัดซบที่ไหนมันกล้าดูถูกตระกูลโจวของข้า!” เสียงคำรามด้วยความดุดันของชายชราดังขึ้นก่อนที่เงาร่างของคนหลายคนจะปรากฏขึ้น
เป็นเหล่าผู้ฝึกตนของตระกูลโจวนั่นเอง!