ตอนที่ 51 : แรนช์เริ่มไม่เหมือนมนุษย์
ในห้องเรียนอันกว้างขวางของสถาบันปีศาจ ภายใต้แสงสลัวๆ ลายไม้และพรมบนพื้นไม้โอ๊คให้ความรู้สึกอ้างว้างและมอมเมาอย่างอธิบายไม่ได้ มีเพียงเสียงฝีเท้าของผู้คุมสอบเท่านั้นที่ยังคงชัดเจน ราวกับจิตสังหารที่วนเวียนอยู่ในห้องสอบ
แถวหลังของห้องเรียน
ศีรษะของไฮพีเรียนหยุดนิ่ง ดวงตาของเธอสั่นกระเพื่อมเล็กน้อย จิตใจกลายเป็นว่างเปล่า
เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาสวมบทบาทเป็นปีศาจภายในโลกแห่งภาพฉาย
สำหรับเธอนี่ถือเป็นการประหารขั้นรุนแรง
เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ท้าทายคนอื่นๆ ที่ต้องปลอมตัวเป็นปีศาจชั่วคราวโดยกลไกของโลกแห่งภาพฉาย เธอถูกลบออกจากเวทย์ปลอมตัวตามปกติของเธอโดยตรง และเผยให้เห็นร่างปีศาจที่แท้จริงในที่สุด
นี่คือสิ่งที่แม้ว่าเธอจะต้องตาย แต่ก็ไม่อยากให้ผู้คนในเมืองหลวงเห็นมันในที่สาธารณะ ไฮพีเรียนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเผชิญหน้ากับแรนช์ด้วยทัศนคตินี้ยังไง
อย่างไรก็ตามสิ่งเดียวที่ชัดเจนในใจของเธอในขณะนี้ก็คือ —
โลกแห่งภาพฉายของเธอและแรนช์กำลังแสดงอยู่บนจอหมุนวนของมหาวิทยาลัย
มันเป็นการโชว์ และมันก็เป็นการประหารชีวิตด้วย
เธอทำได้เพียงพยายามสงบสติอารมณ์และพยายามทำความเข้าใจคำถามทดสอบที่อยู่ตรงหน้า
ไฮพีเรียนซึ่งเป็นลูกครึ่งปีศาจ มีเวทมนตร์ปีศาจในระดับสูงมาก และเธอก็มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ปีศาจด้วยเช่นกัน
แต่เธอเติบโตขึ้นมาในฐานะท่านหญิงของอาณาจักรมนุษย์ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าจะเขียนเวทมนตร์ปีศาจอันยุ่งเหยิงเหล่านี้ได้อย่างไร
หากเธอยังทำไม่ได้ก็หมายความว่าผู้ท้าทายคนอื่นๆ เองก็ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้เช่นกัน
ถ้าอยากสอบผ่านแล้วออกจากห้องสอบแห่งนี้ไป คำตอบก็ชัดเจน —
ผู้เข้าสอบในห้องสอบต้องตัดสินใจว่าผู้เข้าสอบคนไหนคือผู้ที่สามารถตอบคำถามได้ คัดลอกคำตอบจากพวกเขา และในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของผู้คุมสอบทั้งสอง
ไฮพีเรียนกับแรนช์เองก็ต้องร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้น พวกเขาอาจไม่สามารถรวบรวมคำตอบให้เพียงพอต่อการสอบผ่านภายในสองชั่วโมง
นี่เป็นเพราะว่านักเรียนปีศาจเองก็คอยระวังซึ่งกันและกันอยู่ด้วย ตัวอย่างเช่น นักเรียนแถวหน้าจะระวังนักเรียนคนอื่นๆ ที่คอยแอบดูผลสอบของตนเป็นพิเศษ กระทั่งอาจมีคนที่เจตนาชั่วร้ายจงใจใส่คำตอบผิดๆ เพื่อทำให้นักเรียนคนอื่นตอบผิด
“ฟู่…”
ไฮพีเรียนพยายามปรับลมหายใจที่ไม่เป็นระเบียบของเธอ
สิ่งเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกสงบคือเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันสงบของแรนช์ซึ่งอยู่ไม่ไกล
เดาว่าเขาก็น่าจะเข้าใจกฎของห้องสอบนี้เช่นกัน
แน่นอน.
ไฮพีเรียนไม่แน่ใจว่ากลยุทธ์การกวาดล้างที่เธอวางแผนไว้จะสอดคล้องกับของแรนช์หรือเปล่า ดังนั้นเธอจึงยังไม่ได้เริ่มดำเนินการใดๆ
ข้อตกลงระหว่างเธอกับแรนช์คือ —
แรนช์เผชิญหน้ากับศัตรู ส่วนเธอก็แค่มองไปที่แรนช์เท่านั้น
...
ถัดไปไม่ไกลทางขวาของไฮพีเรียน
แรนช์กำลังพิงพนักเก้าอี้ เงยหน้าขึ้น จ้องมองไปยังผู้คุมสอบทั้งสองอย่างครุ่นคิด
ภายนอกพวกเขาแต่งตัวเรียบร้อยและสุภาพ แต่กลับแฝงไปด้วยบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวที่ไม่สามารถปกปิดได้
หนึ่งในนั้นคือปีศาจรูปร่างนกฮูกที่มีขนสีดำเรียบและดูเป็นประกาย ดวงตาสีแดงสดสองดวงที่เย็นชาและเฉลียวฉลาด ร่างกายสวมด้วยชุดสูทคลาสสิกทรงเข้ารูปที่ตกแต่งด้วยด้ายสีทองอันซับซ้อน ทำให้รู้สึกถึงความเก่าแก่และลึกลับ
ปีศาจอีกตนมีเขาและเกล็ดมังกร รูปร่างของเขาเต็มไปด้วยความสง่างามและทรงพลัง ดวงตาดูเหมือนจะลุกโชนด้วยเปลวไฟอยู่ตลอดเวลา เขายังมีร่างกายที่เหมือนกับมนุษย์ และชุดย้อนยุคอันหรูหราของเขาถูกปักด้วยลวดลายที่ซับซ้อนซึ่งสะท้อนให้เห็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจบางอย่าง
พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ที่มีสถานะสูงส่งภายในโรงเรียนแห่งนี้
แม้ว่าผู้คุมสอบทั้งสองจะสังเกตเห็นการจ้องมองของแรนช์ แต่พวกเขาไม่ได้พูดอะไรเลย
สายตาของแรนช์ตรงไปตรงมามาก ราวกับว่าหัวใจของเขาใสกระจ่างราวกับกระจก ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ต้องการใช้กลโกงเลย มันเหมือนกับว่าเขาแค่เหนื่อยกับการเขียนคำตอบ และแค่ต้องการพักสายตาสักครู่
ที่สำคัญกว่านั้นการให้ความสนใจกับผู้คุมสอบไม่ถือเป็นการกระซิบในทุกแง่มุม
แม้ว่าการทำเช่นนี้จะได้รับความสนใจจากผู้คุมสอบในระดับหนึ่ง แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นเรื่องยากกว่ามากที่จะโกง
แต่นี่ไม่ได้ไร้ความหมาย
ภายใต้การสังเกตไม่กี่นาที แรนช์ได้ค้นพบสิ่งต่างๆ มากมายแล้ว
ตัวอย่างเช่น เส้นทางการเดินตรวจตราและความเร็วของผู้คุมสอบทั้งสองมีความสม่ำเสมอมาก
เช่นเดียวกับ
ในห้องเรียนแห่งนี้มีการโกงจริงๆ —
นักเรียนปีศาจจำนวนมากที่อยู่แถวหน้า เมื่อพวกเขาพบว่าผู้คุมสอบทั้งสองคนอยู่ในจุดบอดพร้อมๆ กันในขอบเขตการมองเห็นของพวกเขา พวกเขาจะใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาอันสั้นนี้เพื่อเริ่มลงมือเคลื่อนไหวเล็กน้อย
วิธีการโกงบางวิธีนั้นเรียบง่าย แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ ในขณะที่บางวิธีใช้เวทมนตร์เพื่อเล่นกับวิทยาการโดยตรง อาจกล่าวได้ว่าโป๊ยเซียนข้ามทะเล[1]เลยก็ว่าได้ แต่ละคนต่างแสดงพลังเวทมนตร์กันอย่างเต็มที่
ตัวอย่างเช่น ปีศาจที่ไม่รู้จักในแถวหน้าดูเหมือนจะใช้เวทมนตร์จิตวิญญาณเพื่อเข้ายึดครองการมองเห็นของแรนช์ชั่วครู่ในระยะใกล้ ทำให้การมองเห็นของเขามืดลง
ต่อมาแรนช์รู้สึกว่าเขาถูกตราหน้าเป็นพวกห่วย ดูเหมือนจะมีกลุ่มคนโกง หลังจากค้นพบว่าแรนช์ไม่สามารถเขียนคำตอบได้ นักเรียนปีศาจในบริเวณใกล้เคียงจึงไม่ให้โอกาสแรนช์แอบดู มันคล้ายกับว่าเขาถูกกีดกันและไม่ได้รับอนุญาตให้มีส่วนร่วมในการฉ้อโกงทางวิชาการ
“โชคดีที่ความต้านทานทางจิตและเวทมนตร์ของฉันสูงพอ ไม่อย่างนั้นมันคงน่าขยะแขยงจริงๆ ที่ขอบเขตการมองเห็นของฉันถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์ประเภทนี้”
แรนช์คิดกับตัวเอง
เขาหลับตาลงพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ รู้สึกว่าตัวเองเริ่มค่อยๆ เข้าใจทุกสิ่ง
หลังจากนี้ได้เวลาแสดงความแข็งแกร่งแล้ว
...
ทุกๆ นาทีที่แรนช์คอยเฝ้าดู จะมีโอกาสที่ผู้คุมสอบทั้งสองตกอยู่ในจุดบอดในเวลาเดียวกัน
มีช่วงเวลาสั้นๆ ที่สามารถลองใช้กลโกงได้ และก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการดำเนินการ
ช่วงเวลาที่หายากนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในไม่ช้า
ในขณะนี้เอง นักเรียนปีศาจสองคนในแถวหน้าของแรนช์ อดไม่ได้ที่จะหันไปด้านข้างพลางจับกระดาษไว้ในมือจนแน่น
แผนของพวกเขาคือแต่ละคนจะเขียนคำตอบที่ตนรู้ จากนั้นก็ใช้ประโยชน์จากระลอกนี้เพื่อลองแลกเปลี่ยนกระดาษคำตอบในมือของพวกเขา
ทั้งหมดนี้ถูกจับตามองโดยแรนช์
แม้ว่ามันจะเรียบง่ายและค่อนข้างหยาบกระด้าง แต่มันก็มีประสิทธิภาพจริงๆ เพราะนักเรียนปีศาจทั้งสองนั้นฉลาดมากและไม่ได้กรอกชื่อของพวกเขาลงไปในกระดาษคำตอบ
ไฮพีเรียนสังเกตแรนช์จากทางด้านข้างอย่างเงียบๆ
เธอติดตามการจ้องมองของแรนช์ที่มุ่งความสนใจไปยังเหยื่อ และยังสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของนักเรียนปีศาจสองคนในแถวหน้าเช่นกัน
ไฮพีเรียนต้องยอมรับว่าการตัดสินใจอันกล้าหาญของแรนช์ในการ “จ้องมองผู้คุมสอบอย่างสงบ” แม้ว่าจะเป็นการเรียกความสนใจของผู้คุมสอบ แต่ก็ควบคุมข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
เช่นเดียวกับที่ช่วงเวลาอันรอคอยใกล้จะมาถึง
ผู้เข้าสอบสองคนในแถวหน้าจะต้องแลกเปลี่ยนกระดาษคำตอบกันอย่างแน่นอน
ตราบใดที่เขาตอบสนองเร็วพอ
แรนช์สามารถใช้การ์ดเวทมนตร์เครื่องมือ [โปรแกรมบันทึกเขตแดนโลกแห่งภาพฉาย] เพื่อบันทึกข้อมูลในกระดาษคำตอบทั้งสองในขณะที่แถวหน้าแลกเปลี่ยนกันจนถึงระดับหนึ่ง
จากนั้นก็ค่อยเอามาเปิดดูอย่างสบายใจ
นี่คือช่องว่างด้านความสะดวกและข้อมูลที่มีเพียงผู้ท้าทายเท่านั้น!
จุดบอดปรากฏขึ้นในขอบเขตการมองเห็น และนักเรียนปีศาจสองคนในแถวหน้าก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้วเช่นกัน
ไฮพีเรียนหวังว่าแรนช์จะสามารถเอาคำตอบมาได้สำเร็จตามที่เธอต้องการ
หากนักเรียนสองคนในแถวหน้าทำหน้าที่เป็นกระดานกระโดดน้ำและคัดลอกคำตอบจากนักเรียนคนอื่นๆ ได้สำเร็จ พวกเธอก็อาจจะสามารถยื่นกระดาษคำตอบและออกจากห้องสอบก่อนกำหนดโดยไม่ต้องนั่งเขียนเป็นเวลาสองชั่วโมง
ตอนที่ไฮพีเรียนกำลังคิดเรื่องนี้
แรนช์ยกมือขวาขึ้นในเวลาเดียวกัน
“อาจารย์ พวกเขาโกง!”
เสียงอันชอบธรรมดังก้องไปทั่วทั้งห้องเรียน
ทันใดนั้น ผู้คุมทั้งสองก็หันศีรษะและจ้องมองไปยังนักเรียนปีศาจสองคนที่พยายามโกงและเพิ่งแลกเปลี่ยนกระดาษคำตอบกันได้ครึ่งทาง!
นักเรียนปีศาจสองคนที่ถูกแรนช์รายงานหันกลับมาโดยสัญชาตญาณ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ มองไปที่แรนช์ในแถวหลัง ราวกับว่าพวกเขากำลังมองสุนัข!
“พวกเจ้าสองคน ข้าจับได้แล้ว”
ปีศาจเขามังกรที่อยู่ใกล้กับผู้เข้าสอบที่โกงรีบเดินไปที่แถวหน้าของแรนช์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปีศาจนกฮูกซึ่งอยู่ไกลออกไปได้แต่เดาะลิ้นของตัวเอง หันหลังกลับจากนั้นก็เดินต่อไป
การสังหารอันโหดร้ายเริ่มขึ้น
เสียงกรีดร้องโหยหวนดูเหมือนจะถูกอัดเข้าไปในมวลอากาศ ทำให้นักเรียนปีศาจคนอื่นๆ รู้สึกหายใจไม่ออก
วินาทีต่อมา เสียงเดียวที่หลงเหลืออยู่ในห้องเรียนก็คือเสียงกระดูกถูกบดขยี้ เลือดและอวัยวะภายในสาดกระเซ็นไปทั่ว
สองผู้เข้าสอบปีศาจขี้โกงกลายเป็นศพในชั่วพริบตา!
(จบตอน)
[1] โป๊ยเซียนข้ามทะเล 八仙過海 หมายถึง เซียนทั้งแปดที่กำลังเดินทางไปร่วมงานวันเกิดอ่วงบ๋อเนี้ยหรือเจ้าแม่สวรรค์ (王母娘) ขณะที่เดินทางมาถึงทะเลตังไฮ้ (東海) ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่มาก เซียนลื่อตงปิง (呂洞賓) จึงชวนเพื่อนเซียนทั้งแปดให้เอาของวิเศษมาเหาะข้ามทะเลแข่งกัน บรรดาเซียนทั้งหลายจึงพากันเอาของวิเศษประจำตัวออกมาสำแดงฤทธิ์เดช
โป๊ยเซียน (八仙) มาจากภาษาจีน แปลว่าเทพยดาทั้ง 8 องค์ ได้แก่ 1.หลีทิก๊วย 2.หั่งเจงหลี 3.ลื่อตงปิง 4.เตียกัวเล่า 5.หน่าไชฮั้ว 6.ฮ่อเซียงโกว 7.ฮั่นเซียงจื๊อ 8.เช่าก๊กกู๋ เชื่อกันว่าถ้าบ้านใดมีดอกโป๊ยเซียนครบ 8 ดอก จะนำความโชคดีมาให้แก่บ้านของผู้นั้น