บทที่ 55 ตายแล้วเกิดใหม่
ครึ่งเดือนต่อมา วงจรอาคมง่ายๆ ที่ใช้ชำระน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดก็สร้างเสร็จสิ้น
เมื่อมีน้ำดื่มและอาหารพอเพียงอีกครั้ง ผู้รอดชีวิตบนเกาะไท่อันต่างคุกเข่าลงกราบขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
แต่ในใจของหลี่ฟานกลับไม่สบายใจนัก เขารู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
หลังจากได้สร้างวงจรอาคมขึ้นมาเอง หลี่ฟานก็ถือว่าได้เริ่มต้นก้าวเข้าสู่ศาสตร์แห่งวงจรอาคมแล้ว
เมื่อถึงตอนนี้เขาถึงได้พบว่า วงกตอาคมปกป้องเกาะของไท่อันกำลังถูกทำลายด้วยความเร็วที่ผิดปกติยิ่ง
โดยทั่วไปแล้ว วงกตอาคมปกป้องเกาะมักจะทำงานได้ต่อเนื่องนับร้อยปี
แต่หากปล่อยให้ถูกทำลายต่อไปด้วยความเร็วในปัจจุบัน ภายในอีกสองสามปีวงกตก็จะหมดประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียด ประกอบกับคำอธิบายใน《ทฤษฎีวงจรอาคมเบื้องต้น》 หลี่ฟานก็พบสาเหตุที่ทำให้วงกตเสียหาย
ปราณในสวรรค์พิภพกลายเป็นดุร้าย รุนแรงขึ้นอย่างมาก
ปราณอันเดือดดาลเช่นนี้ราวกับมีจิตใจของตัวเอง เมื่อวงกตอาคมปกป้องเกาะดูดซับแล้ว เริ่มกัดกร่อนจุดสำคัญในวงจรอาคมช้าๆ
ตอนนี้วงกตอาคมปกป้องเกาะก็เหมือนกับเครื่องจักรที่ชิ้นส่วนสำคัญเริ่มขึ้นสนิมช้าๆ ทุกครั้งที่ทำงาน อายุการใช้งานก็จะลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ
หลี่ฟานพบสาเหตุแล้ว แต่กลับไม่มีวิธีแก้ไขใดๆ
วงกตอาคมปกป้องเกาะซับซ้อนมาก ประกอบด้วยจุดสำคัญกว่าหมื่นจุด แต่ละจุดมักจะประกอบด้วยวงจรย่อยอีกหลายสิบวงจรด้วยกัน
ตำนานเล่าว่าตอนสร้างมันครั้งแรก ต้องใช้ปรมาจารย์ศาสตร์วงจรอาคมขั้นหล่อหลอมร่างทารกจากพันธมิตรหมื่นเซียนร่วมมือกันสร้าง
ตอนนี้ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว ไหนเลยจะเป็นสิ่งที่ผู้ฝึกเซียนที่พึ่งจะเริ่มต้นศาสตร์วงจรจะแก้ไขได้
อีกทั้งสาเหตุหลักของปัญหายังอยู่ที่ปราณซึ่งถูกวงกตดูดซับเข้าไปด้วย
ถึงแม้จะซ่อมวงจรให้เรียบร้อยชั่วคราว แต่หากปราณดุร้ายภายนอกไม่เปลี่ยนแปลงไป ก็เหมือนดับไฟแต่ยังคงตักน้ำมันใส่อยู่ดี
"หากอยู่บนเกาะไท่อันต่อไป ก็มีแต่รอความตายเท่านั้น ต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้"
"แต่ไม่รู้ว่าภายนอกเกิดเหตุการณ์ผิดปกติอะไร ปราณดุร้ายอาละวาดอยู่ทั่วไป การออกไปตอนนี้ก็เหมือนเดินไปสู่ความตาย"
ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง ดูเหมือนตอนนี้จะตกอยู่ในสถานการณ์ตันไปหมด
"นี่หรือคือคำสาปแห่งฟ้าดินที่กล่าวถึงกัน…" หลี่ฟานจ้องมองท้องฟ้าภายนอกวงกต รู้สึกราวกับตัวเองตกอยู่ในใยแมงมุม ดิ้นไม่หลุดและกำลังใกล้ตาย
แต่เขาก็ไม่ได้เลือกใช้ท่วงทำนอง【หวนเจิน】ในทันที
การ【หวนเจิน】กลับไป ต้องเสียเวลานานเกือบสิบปีในการเติมพลัง ยังไม่พูดถึงว่าหากไม่หาต้นตอของปัญหาให้เจอ ครั้งหน้าคงก็หนีความตายไปไม่พ้นอยู่ดี
แม้จะหนีไกลจากทะเลชงอวิ่น จะมั่นใจได้หรือไม่ว่าจะไม่พบเจอวิกฤตใหม่อีก?
ต้องรู้ว่า ธรรมชาติแห่งโลกนี้มีความอาฆาตแค้นต่อผู้ฝึกเซียนแผ่กระจายอยู่ทุกหนแห่ง
หลี่ฟานไม่คิดว่าการย้ายที่ฝึกฝนจะทำให้หลีกเลี่ยงมันได้
ดังนั้น หากไม่ถึงคราวสุดท้าย เขาจะยังไม่ยอมแพ้และสละโลกนี้ไปเสียทีเดียว
ในช่วงเวลาต่อมานี้ หลี่ฟานทั้งฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ทั้งมองหาทางผ่านวิกฤตไปพร้อมกัน
ทว่าพลังปราณดุร้ายภายนอกนั้น ไม่เพียงไม่มีท่าทีสงบลงเลย ยิ่งเวลาผ่านไป กลับรุนแรงบ้าคลั่งมากขึ้น
วงกตอาคมปกป้องเกาะก็เสียหายเร่งเร้าภายใต้การกัดกร่อนนี้ กลายเป็นสภาพที่อาจพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
"ช่างเถิด คงจะหมดหนทางแล้ว" หลี่ฟานรู้สึกเศร้าสร้อยใจอยู่บ้าง
เขารู้สึกไม่พอใจนัก หากต้องจบชีวิตนี้ไปอย่างไร้ความหมายเช่นนี้
แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
"หวนเจิน!"
หลี่ฟานมองไปยังเกาะไท่อันอีกครั้งด้วยความอาลัย ก่อนจะร่าย【หวนเจิน】และกำลังจะสิ้นสุดชีวิตนี้
แต่แล้วเขาก็หยุดชะงัก
เพราะเมื่อมองมนุษย์ปุถุชนที่กำลังฟื้นตัวด้านล่าง หลี่ฟานกลับนึกขึ้นมาได้ว่าพลังปราณดุร้ายภายนอกนั้น ดูเหมือนจะไม่ได้มุ่งร้ายต่อมนุษย์ปุถุชน
จากคำบอกเล่าของคนบนเกาะนั้น ภายนอกวงกตเพียงแค่อากาศร้อนขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ได้มีอันตรายใดๆ เป็นพิเศษ
"ธรรมชาติกำลังหมายมั่นจะสังหารเพียงผู้ฝึกเซียน หากเป็นมนุษย์ปุถุชนคงไม่เป็นอะไร"
ถ้าข้าทำลายพลังฝึกฝนทั้งหมด แปรสภาพเป็นมนุษย์ธรรมดาชั่วคราวไม่ใช่ว่าจะมีชีวิตรอดหรอกหรือ?
หลี่ฟานนึกถึง《คัมภีร์แห่งความจริงดั้งเดิมขั้นสูงสุด》ขึ้นมาได้
ด้วยคัมภีร์วิเศษนี้ แม้สลายพลังฝึกฝน ก็ไม่เสียสูญระดับภายในไปมากนัก เพียงหาที่ปลอดภัยแล้ว ไม่นานก็จะกลับสู่ขั้นเดิมได้อีกครั้ง
"นี่คือความหมายที่แท้จริงของคำว่าตายแล้วเกิดใหม่กระมัง" เมื่อคิดหาทางออกได้ หลี่ฟานก็อดที่จะชื่นชมยินดีไม่ได้
หลังจากนั้น เขาก็คิดพิจารณามากขึ้นตามธรรมชาติ
ขณะนี้เขากำลังฝึกฝนคัมภีร์วิชายุทธ์สองคัมภีร์ด้วยกัน
ก็คือ《คัมภีร์ยุทธ์เซี่ยวเอี๋ยนสุ่ย》ที่แลกเปลี่ยนมาจากพันธมิตรหมื่นเซียน กับ《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》ของสำนักโบราณเทียนจี
หนึ่งเป็นวิถีใหม่ อีกหนึ่งเป็นวิถีเก่า
วิธีฝึกฝนของวิถีใหม่นั้น เป็นการช่วงชิงฟ้าแผ่นดิน
ด้วยเหตุนี้เอง จึงก่อให้ฟ้าดินเกิดเคืองแค้น
ดังจะเห็นว่าบัดนี้ ฟ้าดินได้สร้างการสังหารมากมาย โดยมีเป้าหมายคือผู้ฝึกเซียนที่ฝึกฝนวิถีใหม่
หากข้าเพียงสลาย《คัมภีร์ยุทธ์เซี่ยวเอี๋ยนสุ่ย》เท่านั้น แต่รักษาขั้นภายในของ《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》เอาไว้ จะเป็นอย่างไร?
บางทีธรรมชาติแห่งการสังหารในโลกจะอ่อนลงบ้างหรือไม่?
หลี่ฟานเป็นคนตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
เมื่อวงกตอาจพังทลายได้ทุกเมื่อ เขาจึงตัดสินใจในทันที ปล่อยปราณวิญญาณไหลเวียนในกาย และเริ่มฝึก《คัมภีร์แห่งความจริงดั้งเดิมขั้นสูงสุด》
"ลึกล้ำเหนือรูปนาม หวนคืนสู่ต้นกำเนิด..."
พร้อมกับการฝึกคัมภีร์ ปราณวิญญาณธาตุน้ำที่หลี่ฟานได้มาจากการฝึก《คัมภีร์ยุทธ์เซี่ยวเอี๋ยนสุ่ย》ก็ค่อยๆ สลายไปดั่งน้ำแข็ง กลายเป็นพลังงานบริสุทธิ์มาสถิตอยู่ในตันเถียนของเขา
ไม่ถึงครึ่งวัน 《คัมภีร์ยุทธ์เซี่ยวเอี๋ยนสุ่ย》ก็ถูกสลายจนหมดสิ้น
และหลี่ฟานไม่รู้สึกอึดอัดใจแต่อย่างใด
"《คัมภีร์แห่งความจริงดั้งเดิมขั้นสูงสุด》นี้วิเศษยิ่งนัก" หลี่ฟานพึมพำด้วยความตื่นตะลึง แล้วบินตรงไปยังขอบเขตวงกตอาคมปกป้องเกาะ
"ดูเหมือนวิธีนี้จะได้ผลจริงๆ!"
เมื่อรับรู้ได้ว่าการสังหารจากฟ้าดินที่แผ่คลุมอยู่ภายนอกลดลงฮวบฮาบ หลี่ฟานก็ดีใจยิ่งนัก
"น่าเสียดายที่《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》ก็ยังคงเป็นคัมภีร์ฝึกฝนวิถีใหม่ที่ช่วงชิงฟ้าแผ่นดินอยู่ แม้ว่าเพราะเจตนาของคัมภีร์จะทำให้ธรรมชาติแห่งความเคียดแค้นลดลงไปไม่น้อย แต่มันก็ยังไม่หายไปอย่างสิ้นเชิง"
เมื่อรับรู้ว่าหากออกไปตอนนี้ก็ยังคงเสี่ยงต่อชีวิต หลี่ฟานจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เลือกที่จะสลายพลังต่อไป
อีกไม่นาน พลังงานบริสุทธิ์ในตันเถียนของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอีกส่วน
พลังงานทั้งสองก่อนหน้านี้เกิดจากคัมภีร์วิชายุทธ์ที่แตกต่างกัน แต่ตอนนี้กลับหลอมรวมอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ขัดแย้งเลยสักนิด
"ตาม《คัมภีร์แห่งความจริงดั้งเดิมขั้นสูงสุด》บรรยายไว้ว่า พลังงานบริสุทธิ์ที่สลายมาได้นี้ สามารถคงอยู่ในตันเถียนได้เป็นร้อยปีทีเดียว" หลี่ฟานกลับไปเป็นมนุษย์ปุถุชนอีกครั้ง
แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจเป็นพิเศษ
"เพียงกลับไปยังเกาะหมื่นเซียน ไม่นานก็จะฝึกฝนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก"
เมื่อถึงเวลานี้ หลี่ฟานไม่ลังเลอีกต่อไป เขาประคองเรือไท่เหยียน บินออกจากวงกตอาคมด้วยความเร็วเบาๆ
พลังปราณดุร้ายรุนแรงอาละวาดอยู่รอบตัว ทำให้ท้องฟ้าไกลออกไปเป็นสีส้มแดง
แต่หลี่ฟานกลายเป็นมนุษย์ปุถุชนแล้ว ปราณพลังอันคลุ้มคลั่งนี้จึงเพียงแค่พัดผ่านไป ไม่ได้เข้าโจมตีอะไร
หลี่ฟานถอนหายใจโล่งอก เลือกทิศทางแล้วเร่งความเร็วเรือไท่เหยียนเต็มที่ บินตรงไปยังเกาะหมื่นเซียน
ระหว่างทาง หลี่ฟานผ่านเกาะมากมายหลายเกาะ
มนุษย์ปุถุชนบนเกาะเหล่านี้ตายหมดสิ้น ไม่เหลือลมหายใจแห่งชีวิตใดๆ
หลี่ฟานตกใจในใจ
เขาจึงยิ่งเร่งความเร็วในการเดินทางให้รวดเร็วขึ้นไปอีก
สามเดือนต่อมา
หลี่ฟานมาถึงที่ตั้งของเกาะหมื่นเซียน
เขาเปิดแผนที่ขึ้นมาเปรียบเทียบถึงสี่ห้าครั้ง แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เกาะหมื่นเซียนอันใหญ่โตในอดีตหายไปอย่างสิ้นเชิง
เหลือเพียงหลุมดำขนาดมหึมา ว่างเปล่า ทอดยาวขวางกลางมหาสมุทร
------------
PS: วันเสาร์-จันทร์ ผมจะไม่ได้อยู่สามวัน เข้าไปอบรมที่ กทม. ถ้าไม่มีอะไรอ่านช่วงนี้ ลองไปอ่าน จอมปราชญ์นิรันดร์ ดูก่อนก็ได้นะครับ เรื่องนี้พระเอกจะเก่งมาก และเป็นพวกเดินหน้าชน ยอมหักไม่ยอมงอ พบเจออุปสรรคมากหลาย เฉียดตายตลอด สนุกครับ พบกันวันอังคาร
NOS+