บทที่ 52 พิทักษ์เกาะไท่อัน
"ผู้คนบนเกาะทั้งหมดหายตัวไป ส่วนเมืองที่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น กลับเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ไม่รู้ว่าขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ กิ่งก้านสาขาระโยงระยาง เหมือนป่าดิบดึกดำบรรพ์"
"กิ่งก้านของต้นไม้พวกนั้น ห้อยเต็มไปด้วยผลไม้หน้ามนุษย์เมล็ดแล้วเมล็ดเล่า"
"ลมโชยพัด ใบหน้าของผลไม้ก็เผยรอยยิ้มน่าขนลุกปรากฏ"
จากคำบอกเล่าของเหอเจิ้งเฮ่า หลี่ฟานรู้สึกเหมือนเห็นใบหน้ามนุษย์นับไม่ถ้วนกำลังยิ้มให้เขาอยู่
นึกถึงว่าเมื่อครู่ตัวเองเพิ่งกินผลไม้พวกนี้ไป หลี่ฟานอดขนลุกซู่ไม่ได้
ส่วนเหอเจิ้งเฮ่าก็เล่าต่อ
"หลังจากผู้พิทักษ์เกาะขั้นแก่นทองคำนั้นฟื้นจากความตกตะลึง ก็ลงไปสำรวจในเมือง"
"บนเกาะไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ล้วนกลายเป็นผลยิ้มทั้งสิ้น แต่ว่าทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ขึ้น แม้แต่ผู้พิทักษ์เกาะขั้นแก่นทองคำนั้นก็ไม่อาจคาดเดา จึงได้แต่รายงานเรื่องนี้ขึ้นไป"
"พันธมิตรหมื่นเซียนส่งคนมาตรวจสอบโดยเฉพาะ ได้ข้อสรุปอะไรออกมาก็ไม่มีใครรู้ จากนั้นต้นไม้ในเมืองก็ถูกตัดทิ้งหมด เมืองก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ส่วนผลยิ้มพวกนั้นก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงมีชีวิตอยู่ในเมืองต่อไปเหมือนเดิม"
"สืบทอดต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าจนถึงทุกวันนี้ พันธมิตรหมื่นเซียนก็สร้างวงกตมหัศจรรย์ขึ้นที่นี่ แต่งตั้งคนเฝ้าดูแล เก็บเกี่ยวผลไม้"
หลี่ฟานฟังจบก็อดพูดออกมาไม่ได้ "ถ้าอย่างนั้น ผลไท่อันพวกนี้ก็คือคนนี่เอง?"
แต่เหอเจิ้งเฮ่ากลับส่ายหน้า "จะเป็นคนได้อย่างไร พวกมันไม่มีสติปัญญาเป็นของตัวเองเลย ทำทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณ จะว่าไปแล้ว อย่างมากพวกมันก็แค่ยึดติดกับความเป็นมนุษย์เดิมไว้บ้างเท่านั้น"
หลี่ฟานครุ่นคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้โต้แย้ง
เรื่องนี้ลึกลับเกินไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะจัดประเภทผลไท่อันพวกนี้อย่างไรดี
แต่ว่า หลังจากที่ผลไม้พวกนี้ถูกค้นพบว่าเพิ่มพูนอายุขัยได้โดยผู้ฝึกเซียน เรื่องพวกนี้ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
ไม่ต้องพูดถึงผลไท่อันเลย แม้แต่มนุษย์ธรรมดา หากกินแล้วจะเพิ่มอายุขัย ก็คงหนีไม่พ้นชะตาถูกกินหรอก
หลี่ฟานตกอยู่ในภวังค์ความคิด
เหอเจิ้งเฮ่าเองก็นึกอะไรได้บางอย่าง จมอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปนานทั้งสองถึงได้ตื่นจากห้วงคำนึง
ต่อมา เหอเจิ้งเฮ่าก็สั่งสอนหลี่ฟานเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องระวังในฐานะผู้พิทักษ์เกาะ
หลี่ฟานก็จดจำไว้ทั้งหมด
"วงกตมหัศจรรย์ครอบคลุมทั้งเกาะ ทุกครั้งที่เปิดใช้จะดูดกลืนปราณชีวิตเล็กน้อยจากร่างของผู้คนที่อยู่ภายใน"
"ปริมาณที่ดูดมานั้นน้อยมาก จะไม่ส่งผลต่อผู้คนเท่าไหร่ แต่เมื่อรวมกันแล้ว น้อยๆ หลายๆ อันเข้า จำนวนก็ค่อนข้างมากโข"
"ปราณชีวิตพวกนี้ผ่านการแปรสภาพ ก็จะเพิ่มความเข้มข้นของพลังปราณภายในวงจรอาคมได้"
"ดังนั้นการฝึกฝนในวงกตปกป้องเกาะนี้ ถึงจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการเปิดโหมดช่วยฝึกฝนในกระจกเทียนเสวียน แต่ก็เร็วกว่าภายนอกทั่วไปมากทีเดียว"
สุดท้าย เหอเจิ้งเฮ่าเอ่ยเผยความลับที่รู้กันเฉพาะผู้ฝึกเซียนที่เคยเป็นผู้พิทักษ์เกาะเท่านั้นให้หลี่ฟานฟังด้วยท่าทีภูมิใจยิ่ง
หลังจากกำชับอีกหลายต่อหลายรอบ ย้ำให้หลี่ฟานรีบติดต่อเขาหากมีปัญหาอะไร เหอเจิ้งเฮ่าจึงจากไปอย่างไม่เร่งรีบ
หลี่ฟานถือตราพิทักษ์เกาะ ภายใต้พลังของวงกตมหัศจรรย์ สติสัมปชัญญะแผ่ปกคลุมทั่วทั้งเกาะในทันใด
ผู้คนธรรมดาทั่วเกาะ ผลไท่อันในแกนกลางวงจรอาคม ต่างยุ่งอยู่กับการใช้ชีวิตของตน
หลี่ฟานจ้องมองอยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจ
"ขูดกระดูกมนุษย์ทั่วใต้หล้า เพื่อเลี้ยงการฝึกฝน"
หากเป็นไปได้ หลี่ฟานก็อยากทำบางสิ่งบางอย่าง แต่น่าเสียดาย ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้ฝึกเซียนเล็กๆ ขั้นฝึกปราณเท่านั้น
สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ ก็มีแต่ตั้งใจฝึกฝนต่อไปเท่านั้นเอง
หลี่ฟานกดข่มความคิดในใจทั้งหลายลง
หลังจากนั้น หลี่ฟานก็ประจำการที่เกาะไท่อัน
ต้องยอมรับว่า งานเป็นผู้พิทักษ์เกาะนี้ค่อนข้างสบายเลยทีเดียว
ผู้คนบนเกาะไม่กล้ารบกวนท่านเซียนหากไร้กิจ
สิ่งที่หลี่ฟานต้องทำก็เพียงตรวจสอบว่าวงกตอาคมทำงานปกติดีหรือไม่เป็นระยะ และรีบเก็บเกี่ยวผลไท่อันที่สุกงอมไปเก็บรักษาไว้ เป็นต้น ก็เท่านี้เอง
เวลาที่เหลือ หลี่ฟานจัดสรรได้อย่างอิสระ
หลี่ฟานย่อมทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างขะมักเขม้น
เริ่มเรียนรู้จาก《100 เทคนิคการใช้พลังปราณ》 《ศาสตร์วิญญาณเบื้องต้น》
《ความลับการต่อสู้ด้วยวิชา - รุกก่อนได้เปรียบ》 《อยู่รอดคือชนะ》 《รวดเร็วคือไร้เทียมทาน》 และความรู้พื้นฐานในการฝึกฝนอื่นๆ หลี่ฟานค่อยๆ เรียนรู้วิชาเล็กๆ น้อยๆ ไปบ้าง
เช่น วิชาสะกดลมหายใจ วิชาแกล้งตาย วิชาควบคุมลม วิชาพละกำลังมหาศาล เป็นต้น
ระหว่างการเรียนรู้ หลี่ฟานอดที่จะอัศจรรย์ใจไม่ได้กับการผูกขาดความรู้ของพันธมิตรหมื่นเซียน
ความรู้เหล่านี้ที่ซื้อมาจากกระจกเทียนเสวียน ตัวเองเอาไปใช้ฝึกฝนไม่มีปัญหา
แต่หากจะเอาไปสอนต่อให้ผู้อื่นหลังจากฝึกฝนแล้ว ก็ทำไม่ได้
นอกจากว่าพลังของเจ้าจะเหนือกว่ากระจกเทียนเสวียน ถึงจะทำลายห้ามต่างๆ ที่แฝงอยู่ได้
สำหรับระดับพลังของกระจกเทียนเสวียนเทียบเท่ากับผู้ฝึกเซียนขั้นไหนกันแน่ หลี่ฟานไม่อาจรู้ได้
แต่ตามหลักแล้ว อย่างน้อยก็คงไม่ต่ำกว่าผู้ฝึกเซียนขั้นแปรสภาพวิญญาณ
พลังอำนาจของผู้ฝึกเซียนขั้นแปรสภาพวิญญาณนั้น เกินกว่าที่หลี่ฟานในตอนนี้จะคาดเดาได้
ดังนั้น ต่อให้มีความไม่พอใจมากเพียงใด สุดท้ายก็ได้แต่ยอมรับความจริงในปัจจุบันไปก่อน
หลังอ่านตำราเหล่านี้จบแล้ว หลี่ฟานเริ่มลองอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับการปรุงยา การสร้างสิ่งของ เรื่องวงจรอาคม เป็นต้น
เมื่อเทียบกับส่วนวิชาก่อนหน้า เนื้อหาเหล่านี้ซับซ้อนเกินไป
พันเส้นหมื่นทาง หลี่ฟานไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
เพียงแค่《ศาสตร์แห่งโอสถเบื้องต้น》ในส่วนพื้นฐานการปรุงยา เรื่องการกะประมาณอายุ ผลและคุณสมบัติของสมุนไพรนานาชนิด แค่อ่านให้ครบสักรอบ หลี่ฟานก็ใช้เวลาไปเต็มๆ สิบกว่าวัน
ยังไม่ต้องพูดถึงเนื้อหาต่อมา การเลือกและวิธีควบคุมเปลวไฟปรุงยา การเตรียมเตาปรุงยา และการปรุงยาจริง หลี่ฟานคาดว่าตัวเองต้องใช้เวลาอย่างน้อยปีครึ่งสองปีกว่าจะอ่านจบแน่ๆ
รู้ดีว่าศิลปะวิทยาเหล่านี้ต้องอาศัยปรมาจารย์ชี้แนะ หลากหลายความคิดวนเวียนอยู่ในใจ สุดท้ายหลี่ฟานก็ตัดสินใจยกเลิกไปก่อนชั่วคราววางเรื่องอื่นๆ ทิ้งไป เริ่มฝึกฝน《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》
คัมภีร์วิชานี้ของสำนักเทียนจีโบราณช่างอ่านเข้าใจยากเหลือเกิน แตกต่างจาก《คัมภีร์ยุทธ์เซี่ยวเอี๋ยนสุ่ย》ที่หลี่ฟานฝึกมาก่อนหน้าราวกับฟ้ากับเหว ไม่เหมือนเป็นคัมภีร์จากสำนักเดียวกันเลย
ถึงแม้จะใช้โอสถหลิ่วหลี่เพื่อเพิ่มความเข้าใจอยู่ตลอด หลี่ฟานก็ใช้เวลาเกือบครึ่งปีกว่าจะพอเริ่มต้นได้
ความยากลำบากในการฝึกฝนนี้ เคยทำให้หลี่ฟานเกิดความคิดที่จะไปที่กระจกเทียนเสวียน ฝึกฝน《ตราทองล้อมหยกพันกลไก》ในโหมดช่วยฝึกฝนขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ
แต่ในที่สุด ความคิดนี้ก็ถูกหลี่ฟานกดข่มไว้
สาเหตุหลักเลยคือ หลี่ฟานยังไม่ไว้ใจพันธมิตรหมื่นเซียนนัก
จากวิธีการของพวกเขา ชัดเจนอยู่แล้วว่าพันธมิตรหมื่นเซียนไม่ใช่พวกคนดีเสียเท่าไหร่
หากเรียกความสนใจจากผู้คนขั้นเทียนจี เปิดเผยคัมภีร์ขั้นหล่อหลอมร่างทารกออกไปก็ไม่เป็นไร แต่หากเปิดโปงการมีอยู่ของ【หวนเจิน】 นั่นสิถึงจะเรียกว่าหายนะแท้จริง
ดังนั้นหลี่ฟานถึงได้ยอมฝึกฝนอย่างเชื่องช้าต่อไป
เช่นนี้ ปีแรกก็ผ่านไป
หลี่ฟานกลับไปยังเกาะหมื่นเซียน รับค่าตอบแทนจากการทำหน้าที่แทนผู้พิทักษ์เกาะ 800 คะแนนผลงาน จากนั้นก็แลก《คัมภีร์ยุทธ์เซี่ยวเอี๋ยนสุ่ย》ของขั้นฝึกปราณระดับสูง
หลังจากฝึกฝนในโหมดช่วยฝึกฝนของกระจกเทียนเสวียนได้อีก 5 วัน เขาถึงได้กลับมายังเกาะไท่อันด้วยความอาลัยอาวรณ์
5 วันแห่งการฝึกฝนเร่งด่วน ทำให้หลี่ฟานรู้สึกแล้วว่าตัวเองใกล้จะถึงขั้นฝึกปราณระดับสูงเต็มทีแล้ว