บทที่ 40 : บังอาจรังแกสตรีของข้า ช่างรนหาที่ตาย!
บทที่ 40 : บังอาจรังแกสตรีของข้า ช่างรนหาที่ตาย!
ออร่าอันกว้างใหญ่ปะทุขึ้นบนท้องฟ้า…..ยามสิ่งมีชีวิตผู้ทรงพลังทั้งสองได้ประจันหน้าด้วยกัน
เย่ว์รู่ชวงเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว แถมเธอยังมีร่างเต๋าเก้าทุกข์ยาก…..แม้ว่าจะไม่มีเย่หวู่ชาง, อนาคตของเธอก็ไร้ขีดจำกัดและไม่มีใครสามารถเทียบได้
ยิ่งกว่านั้น ด้วยความช่วยเหลือจากเย่หวู่ชาง…..ความแข็งแกร่งของเธอก็ยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากกว่าเดิม
แม้ว่าเธอจะมีการฝึกฝนเพียงขั้นสูงสุดของอาณาจักรปราการสวรรค์ ….แต่ด้วยเจตนาดาบขั้นที่สองและร่างเต๋าเก้าทุกข์ยากที่น่าสะพรึงกลัว
เธอจึงสามารถจัดการเซี่ยไห่ได้ตลอดเวลาที่ปะทะกัน
ฉากนี้ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง
ทันใดนั้น, ผู้แข็งแกร่งระดับสูงทั้งสองคนก็บินขึ้นไปต่อสู้กันบนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงต้าเซี่ยโดยตรง
เเละสถานการณ์นี้ได้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมนับไม่ถ้วน
ผู้อาวุโสขอบเขตอาณาจักรพระราชวังสีม่วงหลายคนจากกองกำลังตระกูลอื่นๆต่างตื่นขึ้นมาทีละคนและมองดู
เมื่อพวกเขาเห็นฉากนี้พวกเขาก็ตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน
ตั้งแต่เมื่อใดที่อาณาจักรปราการสวรรค์สามารถปราบปรามอาณาจักรพระราชวังสีม่วงได้?
“ความแข็งแกร่งช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ……สัตว์ประหลาดเช่นนี้มีอยู่ในต้าเซี่ยของเราตั้งเเต่เมื่อไหร่!”
“นี่คือเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆจากตระกูลเย่ว์เมื่อตอนนั้นงั้นเหรอ?......จากอัจฉริยะไปสู่ความสูญเปล่า ประสบกับความพ่ายแพ้นับไม่ถ้วน แต่ในที่สุดตอนนี้เธอก็ได้มาถึงจุดสูงสุดของอาณาจักรปราการสวรรค์แล้ว!”
“ดูเหมือนว่านางจะอายุยังไม่สามสิบด้วยซ้ำ หากนางสามารถบุกทะลวงเข้าสู่อาณาจักรพระราชวังสีม่วงได้ก่อนอายุสามสิบปี……แม้แต่ในโลกภายนอก นางก็จะถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะระดับสูงที่หาตัวจับได้ยาก!”
“ข้าได้ยินมาว่าสตรีนางนี้แต่งงานกับตระกูลเย่เเละกลายเป็นฮูหยินใหญ่ ……แถมยังเป็นนายหญิงคนโปรดของผู้นำตระกูลเย่ เย่หวู่ชาง!”
“ตระกูลเย่ในตอนนี้กลับมีอัจฉริยะที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นถึงสองคนโดยไม่คาดคิด….พวกเขามีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างมหาศาล!”
“ข้าคิดว่าตระกูลเย่น่ากลัวพอแล้วเมื่อมีเย่หวู่ชาง, แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเย่ว์รู่ชวงจะเพิ่มน่ากลัวของตระกูลนี้ขึ้นไปอีกขั้น!”
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เย่หวู่ชางสังหารคนในขอบเขตครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วง
ในจิตใจของผู้คน ความแข็งแกร่งของเย่หวู่ชางนั้นไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินไป
แม้ว่าพวกเขาจะเคยได้ยินข่าวการพัฒนาของเขายามเมื่อเข้าสู่อาณาจักรปราการสวรรค์….. แต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังกับอีกฝ่ายมากไปนัก
ดังนั้น หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของเย่ว์รู่ชวงในเวลานี้…..พวกเขาจึงเเอบคิดว่าเย่ว์รู่ชวงแกร่งกว่าเสียอีก
“ตระกูลเย่ได้รับห่านทองคำไปแล้วจริงๆ!”
“ใช่เเล้ว, เมื่อมีนางอยู่……อนาคตของตระกูลเย่ก็ไร้ขีดจำกัด!”
“แต่ก็ไม่แน่นะ, ตอนนี้นางทำให้ผู้อาวุโสในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงขุ่นเคืองแล้วไม่ใช่หรือไง? ราชวงศ์จะเก็บเธอไว้หรือไม่นั้น……ตอนนี้ชะตากรรมของเธอยังไม่แน่นอน!”
"แต่ยามนี้, ข้าว่าผู้ที่ควรจะเสียใจมากที่สุดน่าจะเป็นตระกูลเย่ว์ ฮ่าฮ่าฮ่า!"
อย่างที่ทุกคนพูด เมื่อพวกเขาเห็นพรสวรรค์ที่น่าสะพรึงกลัวของเย่ว์รู่ชวง พวกตระกูลเย่ว์ก็รู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการกระทำที่พวกเขาทำกับเธอ
พวกเขาเสียใจที่ไม่สนใจคำพูดของเธอก่อนจะเข้าพิธีแต่งงานกับเย่หวู่ชาง…..แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตระกูลก็ตามที
หากตระกูลของพวกเขามีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่, ย่อมไม่จำเป็นที่ต้องพึ่งพาองค์ชายสิบสี่อีกต่อไป!
ปัญหาคือ พวกเขากลับทำให้เย่หวู่ชางขุ่นเคือง…..เเละเมื่อดูจากทัศนคติที่ไม่แยแสของทั้งคู่ที่มีต่อเย่ว์ไห่ในครั้งที่แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สนใจเขาเลย
ตอนนี้ความเจ็บปวดในใจของเขานั้นยากเกินกว่าจะทานทน
…….
อีกด้าน
เย่ว์รู่ชวงนั้นไม่รู้เกี่ยวกับความคิดของผู้นำตระกูลเย่ว์…..และถึงแม้ว่าเธอจะรู้ เธอก็ไม่สนใจ, เธอได้ก้าวผ่านตระกูลเย่ว์ไปเรียบร้อยแล้ว
เเละตอนนี้, ในขณะที่เธอกำลังต่อสู้
เธอก็ได้ใช้เซี่ยไห่ ผู้ฝึกตนอาณาจักรพระราชวังสีม่วงคนนี้เป็นหินลับมีดเพื่อลับทักษะดาบของเธอ
ถึงกระนั้นเซี่ยไห่ก็ทำอะไรไม่ได้…..หากเขาทำผิดพลาดเล็กน้อย ,เขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตเลยด้วยซ้ำ
แม้ว่าเขาจะปะทุพลังออกมาด้วยกำลังทั้งหมดที่เขามี….. แต่ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวนี้ กลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายด้วยดาบของเย่ว์รู่ชวง
ในที่สุด, หลังจากที่เย่ว์รู่ชวงฝึกฝนทักษะดาบทั้งหมดกับเขาจนไม่ได้ประโยชน์อะไรแล้ว…..เธอก็ไม่จำเป็นต้องรีรออีกต่อไป
เธอบีบบังคับฝ่ายตรงข้ามต้องถอยกลับด้วยคมดาบ
เย่ว์รู่ชวงมองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา และพูดเบาๆว่า
"เจ้าไม่ได้พิเศษอันใดเลย!"
หลังจากพูดจบเธอก็ไม่เอ่ยวาจาใดอีกต่อไป, ดาบยาวในมือของเธอเลื่อนลงมา….ก่อนที่เหวี่ยงดาบฉีกทิ้งนภากว้าง
บูม~~~~~~!
ทันใดนั้น ปราณดาบสูงหลายร้อยเมตรก็เจาะทะลุท้องฟ้า เปล่งรัศมีของเจตนาดาบที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ภายใต้เจตนาดาบนี้, มันดูทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวอย่างน่าเหลือเชื่อ
ทุกคนตกใจกับดาบที่น่าสะพรึงกลัวนี้
ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าแม้แต่สวรรค์ก็พร้อมจะถูกแบ่งครึ่งด้วยปราณดาบนี้
ปราณดาบที่น่าสะพรึงกลัวได้แบกรับจิตวิญญาณอันไร้ขอบเขตและหลอมรวมเจตนาดาบเข้าด้วยกัน….ฉีกท้องนภา ทำลายล้างอุปสรรคทั้งหมด และฟาดฟันไปยังเซี่ยไห่
เเละพลังอันน่าสะพรึงกลัวของปราณดาบนี้…..ส่งผลให้เซี่ยไห่อึดอัดเป็นอย่างยิ่ง
ในเวลานี้เขาไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งและความรู้สึกเหนือกว่าอีกต่อไป…..หากแต่ในจิตใจของเขากลับเต็มไปด้วยความกลัวสุดขั้วหัวใจ
"บูมมม~~~~!"
เสียงคำรามดังก้องไปทั่วเมืองต้าเซี่ย
การโจมตีเต็มกำลังของนาง ได้ปะทะกับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ หมัดศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิของเซี่ยไห่อย่างรุนแรง
บูมมมม~~~~!
การปะทะกันของการโจมตีทำให้ทั้งเมืองหลวงสั่นสะเทือน
พลังงานวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนแผ่กระจายไปทุกทิศทุกทาง…..จากนั้นได้ทำลายอาคารจำนวนมากไปพร้อมๆกัน
“อ่อค~!”
ขณะที่ทุกคนตกตะลึงกับพลังอันน่าสะพรึงกลัวของการโจมตีนี้….เซี่ยไห่ก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่เเละมันทำให้ทุกคนตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคาดคิดว่า เซี่ยไห่จะพ่ายแพ้ในการปะทะครั้งนี้
เเละเมื่อมองไปที่เซี่ยไห่ซึ่งล้มลงอยู่กับพื้นขณะกุมจับหน้าอกของตนเองไว้……เย่ว์รู่ชวงก็ไม่ได้โจมตีเขาอีกต่อไป
เธอมองดูเขา ราวกับเป็นนางฟ้าที่ลงมาพิพากษามนุษย์ผู้ต่ำต้อยและพูดว่า
"ยามนี้ เจ้าจะหยุดได้เเล้วหรือไม่?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, ดวงตาของเซี่ยไห่ก็มืดมนและโหดเหี้ยมเป็นพิเศษ
การพ่ายแพ้ให้กับสตรีนางหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เยาว์ในอาณาจักรปราการสวรรค์ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่งสำหรับเขา
เเละเขาจะกล้ำกลืนความอับยศเช่นนี้ได้อย่างไร?
สายตาของเขากวาดสายตาไปที่เซี่ยจือซวน ก่อนเขาพูดอย่างเย็นชาว่า
"สตรีที่ต้องการขึ้นครองบัลลังก์นั้นคือการละเมิดธรรมเนียมร้ายแรง…….ออกมาเถอะ พวกเจ้าทุกคน!"
หลังจากเขาพูดสิ่งนี้ รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวหลายสิบจุดก็ปะทุออกมาจากภายในเมืองต้าเซี่ย
ยิ่งไปกว่านั้น, แต่ละรัศมีเหล่านี้ยังน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่น่าเชื่อ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาล้วนอยู่ในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงทั้งหมด
ในหมู่พวกเขามีผู้ฝึกตนสามคนที่อยู่ขั้นที่หกหรือเจ็ดของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง…..ในขณะที่ส่วนที่เหลืออยู่ที่ขั้นที่สามหรือสี่
ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนตกตะลึงกับฉากนี้มาก
นี่คือรากฐานของต้าเซี่ย, มันช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
เเละเมื่อเห็นเช่นนี้, ใบหน้าของเซี่ยจือซวนก็ซีดลงเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้คาดหวังว่าบรรพบุรุษจำนวนมากจะต่อต้านการขึ้นครองบัลลังก์ของเธอ
“บรรพบุรุษที่เคารพ, พวกท่านจะไม่ให้โอกาสจือซวนจริงๆเหรอ?” เธออดไม่ได้ที่จะถาม
เเต่เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็เงียบไป……บางคนถึงกับก้มศีรษะลง
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะอธิบายอะไรได้
แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมรับการให้สตรีขึ้นครองบัลลังก์
ทันใดนั้น, ชายชราจากอาณาจักรพระราชวังสีม่วงขั้นที่เจ็ดถอนหายใจและพูดว่า
"จือซวน, ไม่เคยมีสตรีคนใดปกครองราชวงศ์ต้าเซี่ยมาก่อน…..เพราะฉะนั้นเจ้ายอมแพ้เสียเถอะ!"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเซี่ยจือซวนก็ซีดลงอีกครา
เธอวางแผนเรื่องการครองราชบัลลังก์มาเป็นเวลานาน
ในความเป็นจริง เธอนั้นรู้สึกถึงพลังในร่างที่กำลังพร่ำบอกว่าหากเธอสามารถขึ้นสู่บัลลังก์….เธอจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่น, การที่เธอขึ้นครองบัลลังก์จะสั่นสะเทือนโลกทั้งใบ
แต่ตอนนี้ ตำแหน่งที่ดูเหมือนอยู่ใหล้แค่เอื้อม…..กลับอยู่ไกลเกินกว่าจะคาดฝัน
แผนการที่ถูกวางไว้มาหลายปีกำลังจะกลายเป็นความว่างเปล่าเนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เซี่ยไห่กลับไม่ได้สนใจเรื่องทั้งหมดนั้น…..เขาจ้องมองไปที่เย่ว์รู่ชวงด้วยความเกลียดชังอันไร้ขอบเขต
“จะพูดอะไรกันให้มากความ?......จัดการพวกมันซะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เคลื่อนตัวไปทางเย่ว์รู่ชวงโดยตรงอีกครั้ง
เมื่อเห็นเขาเคลื่อนไหว บรรพบุรุษเฒ่าจำนวนมากในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงก็อดรู้สึกกระดากใจไม่ได้….หากแต่พวกเขากลัวว่าเซี่ยไห่จะตายด้วยน้ำมือของเย่ว์รู่ชวง ดังนั้นพวกเขาจึงเคลื่อนไหว
ชั่วครู่ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวมากกว่าหนึ่งโหลก็ปะทุออกมาอย่างรุนแรง
แม้แต่เย่ว์รู่ชวงก็รู้สึกกดดันอย่างมาก จนทำให้การเคลื่อนไหวของเธอเชื่องช้าลง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของเซี่ยไห่ ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และความแข็งแกร่งในหมัดของเขาเพิ่มขึ้นสามส่วน
"ตาย!"
เห็นได้ชัดว่าเมื่อต้องตกอยู่ภายใต้ความอัปยศอดสูครั้งใหญ่ในช่วงก่อนหน้านี้…..หากเขาไม่ฆ่าเย่ว์รู่ชวง หัวใจแห่งเต๋านี้คงมิอาจมั่นคงอีกต่อไป
เมื่อเห็นสิ่งนี้ทุกคนก็ส่ายหัวไปมาด้วยความสะเทือนใจ
อัจฉริยะกำลังพังทะลาย!
อย่างไรก็ตาม, เมื่อทุกคนคิดว่าเย่ว์รู่ชวงจะต้องตายอย่างเเน่นอน
หากแต่เมื่อต้องเผชิญกับการกดขี่นี้…..เย่ว์รู่ชวงกลับไม่รู้สึกกังวลใจแต่อย่างใด
ต่อหน้าต่อตาทุกคน เธอหยิบตราหยกออกมาแล้วบดขยี้มันโดยตรง
ในทันทีที่ตราหยกแตกสลาย, สวรรค์และโลกก็สั่นสะเทือนทันที
เเละทันใดนั้น, เสียงเย็นชาก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า สะท้อนไปในอากาศราวกับฟ้าร้องคำราม
“บังอาจรังแกสตรีของข้า ช่างรนหาที่ตาย!”
………………