ตอนที่แล้วบทที่ 102 ชอบอาเยว่ (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 104 ชอบอาเยว่ (5)

บทที่ 103 ชอบอาเยว่ (4)


ตลอดทั้งวันคล้ายกับเวลาจะผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ส่วนมากเสิ่นเยว่จะรู้สึกจิตใจไม่สงบ คล้ายกับมีเพียงเวลาก่อนนอนตอนนี้ ถึงจะสามารถรวบรวมสมาธิอ่านได้สักพัก

"อาเยว่?"

ขณะที่ไม่รู้ตัว ท่านลุงก็กลับมาถึงเรือน

"ท่านลุง!" เสิ่นเยว่กำลังจะลุกขึ้น ทว่าเหลียงโหย่วเหวยโบกมือส่งสัญญาณในนางนั่งลง ส่วนตนก็เดินผ่านม่านเข้ามา

ประจวบเหมาะที่นางชงชาอ่อนมา เสิ่นเยว่รินน้ำชาให้เหลียงโหย่วเหวย

เหลียงโหย่วเหวยรับไป จิบเบาๆ แล้วเอ่ยถาม "อ่านหนังสือหรือ?"

"เจ้าค่ะ" เสิ่นเยว่ปิดหนังสือ ปรากฏชื่อหนังสือบนหน้าปก

เหลียงโหย่วเหวยยิ้ม "นี่เป็นหนังสือที่เจ้าอ่านตอนไปโรงเรียนก่อนหน้านี้"

เขาจำได้

เสิ่นเยว่ยิ้ม "ทบทวนจึงได้รู้สิ่งใหม่"

เหลียงโหย่วเหวยยิ้มพลางพยักหน้า

คล้ายกับเมื่อพูดถึงโรงเรียนในอดีต ทันใดนั้นเสิ่นเยว่ก็นึกถึงสวี่หลี เมื่อก่อนที่ท่านลุงเป็นที่ปรึกษาให้จิงจ้าวอิ่น อยู่ภายใต้การปกครองของโอรสสวรรค์ ย่อมรู้เรื่องในราชสำนักเป็นอย่างดี เสิ่นเยว่ลังเลอยู่ชั่วขณะ ทว่ายังเอ่ยถาม "จริงสิท่านลุง ท่านรู้เรื่องสวี่ไท่ฟู่หรือไม่?"

เหลียงโหย่วเหวยชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงกล่าว "เหตุใดจู่ๆ จึงถามเรื่องไท่ฟู่?"

เสิ่นเยว่พูดเสียงเบา "ก่อนหน้าที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ในจวนกั๋วกง ข้าบังเอิญได้ยินมา แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดสวี่ไท่ฟู่จึงลาออกจากการเป็นขุนนาง"

เหลียงโหย่วเหวยทอดถอนใจ คล้ายกับกำลังชั่งใจอยู่ชั่วครู่ถึงเล่าให้เสิ่นเยว่ฟัง "เป็นเรื่องหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นสวี่ไท่ฟู่เป็นราชครูขององค์รัชทายาทองค์ก่อน อีกทั้งยังได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาท ว่ากันว่าด้วยคำสั่งของไท่ฟู่ เรื่องต่างๆ ในราชสำนักล้วนผ่านการพิจารณาจากเขา หรือพูดได้อีกนัยหนึ่งว่า สวี่ไท่ฟู่เป็นขุนนางผู้ช่วยจัดการงานปกครองขององค์รัชทายาทในภายภาคหน้าที่ฝ่าบาททรงประทานให้ ดังนั้น แม้สวี่หลีจะอยู่ในตำแหน่งไท่ฟู่ แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องรอง อีกทั้งยังเป็นขุนนางที่อายุน้อยที่สุดในราชสำนัก..."

"หลังจากนั้นล่ะเจ้าคะ?" เสิ่นเยว่ประหลาดใจ "ต่อมาเหตุใดสวี่หลีจึงลาออกจากการเป็นขุนนางเจ้าคะ?"

เหลียงโหย่วเหวยทอดถอนใจ "เพราะองค์รัชทายาทด่วนจากไป"

เสิ่นเยว่จำได้แม่นยำ องค์รัชทายาทองค์ก่อนด่วนจากไป ในตอนนั้นนางยังอยู่ที่จิ้นโจว เพราะต้องไว้ทุกข์ จึงสวมเสื้อผ้าสีเรียบไปหนึ่งเดือน...

คล้ายกับกำลังพูดถึงจุดที่ทำให้รู้สึกปลง เหลียงโหย่วเหวยลุกขึ้นแล้วจึงพูดต่อ "ตอนนั้นองค์รัชทายาทยังอายุน้อย เป็นไท่ฟู่ที่อบรมสั่งสอน ไท่ฟู่สนิทสนมกับองค์รัชทายาทยิ่ง หลังจากองค์รัชทายาทสวรรคตก่อนวัยอันควร ฝ่าบาทจึงทรงแต่งตั้งให้ไท่ฟู่เป็นขุนนางฝ่ายขวา แต่ไท่ฟู่ปฏิเสธ และไม่ใช่การปฏิเสธโดยอ้อม เขาโต้แย้งกับฝ่าบาทในท้องพระโรง!"

"โต้แย้ง?" เสิ่นเยว่ประหลาดใจ

สวี่หลีในความทรงจำ ส่วนมากจะอ่อนโยน ก่อนหน้าแม้จะเคยกลั่นแกล้งนางที่โรงเรียน แต่ก็อ่อนโยนราวกับหยก แม้แต่วันนั้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ในจวนกั๋วกง สวี่หลีก็พานางเดินเข้าไปในจวนกั๋วกงท่ามกลางผู้คน สวี่หลีมีเพียงปกป้องนางเอาไว้ ในตอนที่ทหารรักษาพระองค์เข้ามาขวาง ก็พูดเพียง 'ถอยไป' ยากที่จะจินตนาการถึงตอนที่สวี่หลีโต้แย้งกับฮ่องเต้ในท้องพระโรงได้...

เหลียงโหย่วเหวยกล่าวต่อ "ภายหลังทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้เรื่องเหล่านี้ดี เพียงไม่ได้กล่าวออกมาและจงใจหลบเลี่ยง"

"เพราะสวี่หลีหักหน้าฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้มิได้กล่าวโทษ ทั้งยังปกป้องสวี่หลี?" เสิ่นเยว่คาดเดา มิเช่นนั้นเหตุใดสวี่หลีจึงอยู่ที่โรงเรียนได้อย่างสบายใจ ทั้งยังสามารถเปิดร้านหนังสือจือหย่วนได้อีก?

เหลียงโหย่วเหวยพยักหน้า "มิผิด ในตอนนั้นไท่ฟู่ทูลขอให้ฮ่องเต้ทรงตรวจสอบเรื่องการตายขององค์รัชทายาทที่ด่วนจากไป จึงเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในราชสำนัก ตอนนั้นฮ่องเต้สีหน้าเปลี่ยน พระองค์เองก็เสียใจ จึงไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้อีก หลังจากนั้นจึงทรงแต่งตั้งไท่ฟู่เป็นขุนนางฝ่ายซ้าย ทั้งยังรั้งตำแหน่งราชครูขององค์ชายสาม ถือได้ว่าเป็นการไว้หน้าทั้งสองฝ่าย"

"องค์ชายสาม?" เสิ่นเยว่ประหลาดใจ มิใช่องค์ชายสามคอยให้ท้ายผู้ที่อยู่ใต้อำนาจ ให้ใช้อำนาจบาตรใหญ่รังแกประชาชนในเมืองหลวงหรือ?

เหลียงโหย่วเหวยพยักหน้าอีกครั้ง "ใช่ องค์ชายสาม แต่ไท่ฟู่ที่อยู่บันไดด้านล่างถอดหมวกขุนนางออก แล้วขอลาออกกลางท้องพระโรง"

สายตาเสิ่นเยว่สั่นไหวเล็กน้อย

เหลียงโหย่วเหวยถอนหายใจ "เรื่องในราชสำนักก็เป็นเช่นนี้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องภายในเป็นอย่างไร พวกเราก็ไม่สามารถรู้ได้ สวี่ไท่ฟู่เป็นคนดีคนหนึ่งและมีความหยิ่งในศักดิ์ศรี ภายหลังฮ่องเต้เสด็จไปหาเขาอยู่หลายครั้ง เขาไม่กลับเข้าราชสำนัก แต่กลับให้คำปรึกษาแก่ฝ่ายตรวจการ ดังนั้นไท่ฟู่จึงยังมีชื่อเสียงในราชสำนัก เพียงแต่ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว..."

ดังนั้นที่สวี่หลีลาออกจากการเป็นขุนนาง ไม่เพียงเพราะองค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์อย่างไร้สาเหตุ บางทีอาจเพราะฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นราชครูขององค์ชายสาม สวี่หลีในตอนนั้นคงอายุยังไม่มาก ดังนั้นจึงไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ทั้งยังกล้าขัดแย้งกับฮ่องเต้ แต่เขาก็ยังสอนหนังสือแทนอาจารย์ได้ ทั้งยังเปิดร้านหนังสือในเมืองหลวง เกรงว่าคงเพราะฮ่องเต้ทรงปกป้องเขา ดังนั้นทหารรักษาพระองค์ครานั้นจึงให้ความเคารพ...

ดังนั้น ที่เขาบอกว่าลาออกจากราชสำนักแล้วมาสอนหนังสือแทนอาจารย์จึงเป็นความจริง...

"ตอนนี้ในราชสำนักเต็มไปด้วยความมืดมัว ไท่ฟู่เป็นขุนนางปัญญาชนที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม เพียงแต่ตอนนี้ไท่ฟู่ไม่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เป็นเพราะเรื่องที่ไท่ฟู่ลาออก ปัญญาชนที่มีอุดมการณ์ไม่น้อยจึงไม่ยอมเข้ารับราชการ ไม่รู้ว่าเมื่อไรความวุ่นวายในราชสำนักซีฉินจึงจะจบลง" เหลียงโหย่วเหวยกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

เสิ่นเยว่ตกตะลึงเล็กน้อย

"รีบนอนเถอะ ดึกมากแล้ว" เหลียงโหย่วเหวยยิ้มพลางกล่าว

"เจ้าค่ะ" เสิ่นเยว่ตอบกลับ

...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด