จอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 90 การโจมตี!
PS ผมจะเข้าไปประชุมสัมนาที่กทม. 3 วันนะครับ อาจจะไม่ได้ลงในสามวันนี้ ยังไงก็รอหน่อยนะครับ หรือก็ลองอ่านเรื่อง ระบบจำลองวิถีเซียน ไปก่อน แนวพระเอกเจ้าเล่ห์ สนุกไม่แพ้กันครับ
-----------------------------------------------------------
หลังจากพลาดโอกาสในการแทงศีรษะของพยัคฆ์วิญญาณ ดวงตาของซุนเทาก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง เขาพึมพำอย่างเย็นชาว่า "สัตว์ตัวนั้นโชคดีจริงๆ!"
"เจ้า… กำลังเรียกร้องหาความตาย!"
ประกายแสงสีแดงปรากฏขึ้นในดวงตาของซูสือโม่ว มันตะโกนลั่น จากนั้นก็ก้าวข้ามระยะทาง 20 ฟุตไปหาซุนเทาในชั่วพริบตา!
นั่นคือก้าวไถสวรรค์
แม้จะดูธรรมดา แต่มันทำให้ซุนเทาตกใจจนเลือดขึ้นหน้า มันรู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอสูรโบราณ!
ซูสือโม่วปล่อยเจตนาสังหารอันรุนแรงออกมา มันชกไปที่แก้มของซุนเทา
ด้วยหลังมือ
ปัง!
ซุนเทาไม่สามารถต่อสู้กลับได้เลย สิ่งสุดท้ายที่มันรับรู้ก็คือการมองเห็นที่ดับวูบ จากนั้นก็ถูกซูสือโม่วชกล้มลงไป! ศีรษะกระแทกพื้น เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่รอบศีรษะ มันสลบไปพร้อมกับเลือดที่ไหลจากตา หู จมูก และปาก!
"เอ๊ะ?"
เสียงครั่นคร้ามดังมาจากเหนือสนามประลองวิญญาณ ที่ไกลเกินกว่าสายตาจะมองเห็น มีปีกคู่ยักษ์ที่มองเห็นได้เพียงวับๆ ปรากฏขึ้น พร้อมดวงตาคู่หนึ่งซึ่งจับจ้องทุกสิ่งที่อยู่ด้านล่างอย่างเยือกเย็น
"แปลกจริงๆ ทำไมโลหิตของเด็กคนนั้นถึง..."
มีเสียงพึมพำที่แทบจะไม่ได้ยินดังมาจากเหนือท้องฟ้า
ณ สนามประลองวิญญาณ...
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้น
นั่นเริ่มต้นจากการซุ่มโจมตีของซุนเทาที่ทำให้พยัคฆ์วิญญาณของซูสือโม่วบาดเจ็บ ซึ่งทุกคนยังยอมรับได้ว่าเป็นความจริง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถัดมาทำให้พวกมันทั้งหมดตกตะลึง
ในเวลาที่อ้วนน้อยต้องการจะป้องกัน มันก็สายเกินไปแล้ว
ไม่มีใครคาดคิดว่าซูสือโม่วจะลงมือโจมตีซุนเทา ไม่ใช่แค่นั้น ซุนเทาถูกซูสือโม่วชกสลบไปด้วยหมัดเดียว และไม่มีใครรู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!
"ประมาท! นั่นต้องเป็นเพราะประมาทแน่ๆ!"
นั่นคือความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของทุกคน
ซุนเทาเป็นนักรบขอบเขตสกัดปราณระดับ 8 จากยอดเขาวิญญาณ ความเป็นไปได้อย่างเดียวที่คนผู้นี้จะพ่ายแพ้ต่อนักรบขอบเขตสกัดปราณระดับ 6 จากยอดเขาสรรพาวุธด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ต้องเป็นเพราะความประมาทแน่นอน
"จบแล้ว จบสิ้นแล้ว! พี่ชายละเมิดกฎของสำนักและลงมือกับศิษย์ด้วยกันนอกสนามประลอง! ตอนนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าซุนเทายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นี่มันร้ายแรงมาก!"
อ้วนน้อยเกาหูและแก้มด้วยความวิตกกังวล พยายามคิดหาทางออก
"อวดดี!"
"หน้าด้าน!"
"ซูสือโม่ว เจ้ากล้าละเมิดกฎของสำนักและทำร้ายสหายร่วมสำนักด้วยกันเอง เจ้านั่นแหละที่กำลังเรียกร้องหาความตาย!"
ศิษย์จำนวนมากของยอดเขาวิญญาณวิ่งออกมาจากฝูงชนและล้อมรอบซูสือโม่ว ด่าทอมันอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
เฟิงห่าวอวี้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ จ้องมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยแววตาเยาะหยัน และคิดในใจว่า "ดูเหมือนข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องทำด้วยตัวเองแล้ว ช่างเป็นคนโง่เสียจริง ฮ่าฮ่า"
สีหน้าของซูสือโม่วไม่เปลี่ยนแปลง มันมองศิษย์ของยอดเขาวิญญาณที่ล้อมรอบด้วยสายตาเยือกเย็น จากนั้นก็คุกเข่าลงและใช้ยาพอกทาบาดแผลให้พยัคฆ์วิญญาณ
พยัคฆ์วิญญาณทนทุกข์ทรมานจากบาดแผล และจ้องมองซูสือโม่วด้วยดวงตากะพริบ มันรู้สึกถึงความอบอุ่นในหัวใจ
เหลิ่งโหรวที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้เห็นเหตุการณ์นั้นด้วย นางพยักหน้ารับรู้
ไม่ว่ายังไง การที่ซูสือโม่วสามารถควบคุมสติอารมณ์ได้ต่อหน้าศิษย์ของยอดเขาวิญญาณกว่าพันคน ถือเป็นหลักฐานที่แสดงว่าคนผู้นี้มีจิตใจที่เข้มแข็งมาก
นางยอมรับว่าแม้แต่ตัวนางเองก็ไม่สามารถทำใจได้เท่าซูสือโม่ว
"ทุกคน อย่าพึ่งรีบร้อนสิ เฮ้ย พวกเจ้าทุกคนนี่!"
อ้วนน้อยกระโดดออกมาและโค้งคำนับให้ทุกคน แล้วหัวเราะคิกคัก "ถ้าพวกเจ้าลงมือ แปลว่าแม้แต่พวกเจ้าก็ละเมิดกฎของสำนักด้วยใช่ไหม?"
เมื่อได้ยินดังนั้น ศิษย์หลายคนของยอดเขาวิญญาณก็ดูลังเลใจ ยืนนิ่งอยู่ชั่วขณะด้วยความรู้สึกอับอาย ไม่กล้าโจมตี
สายตาของเฟิงห่าวอวี้เปล่งประกาย มันก้มลงพร้อมกระซิบบางสิ่งกับศิษย์ของยอดเขาวิญญาณคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ
ศิษย์คนนั้นพยักหน้ารับ แล้วขี่กระบี่บินพุ่งไปที่วังของยอดเขาวิญญาณ
แววตารังเกียจวาบผ่านดวงตาของเหลิ่งโหรวเมื่อนางเห็นเหตุการณ์นั้น
นางไม่ต้องคาดเดาอะไรต่อ เฟิงห่าวอวี้คงสั่งให้คนผู้นั้นไปกล่าวโทษเพื่อให้ผู้อาวุโสในสำนักมาจัดการกับซูสือโม่วแน่ๆ
"ซูสือโม่ว เจ้ากล้าดื้อดึงลงมือกับพวกเราในบริเวณยอดเขาวิญญาณ เจ้าคิดว่ายอดเขาวิญญาณอ่อนแอขนาดนั้นเลยหรือ?"
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน เฟิงห่าวอวี้ก็เอ่ยขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินประโยคนั้น หัวใจของอ้วนน้อยก็หวีดร้อง
เป็นคนเจ้าเล่ห์อะไรเช่นนี้!
คำพูดนั้นชัดเจนว่าเป็นการยั่วยุอารมณ์ให้ซูสือโม่วต่อสู้กับศิษย์ของยอดเขาวิญญาณ!
ยิ่งเรื่องรุนแรงเพียงใด การลงโทษซูสือโม่วก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น!
แท้จริงแล้ว หลังจากที่เฟิงห่าวอวี้พูดประโยคนั้น ศิษย์ของยอดเขาวิญญาณบางคนที่เคยลังเลใจก็ดูมีท่าทางมุ่งมั่นมากขึ้น ค่อยๆ วางมือลงในถุงเก็บของ และพร้อมจะโจมตีอีกฝ่ายได้ตลอดเวลา
ในที่สุด ศิษย์คนหนึ่งของยอดเขาวิญญาณก็ไม่อาจอดทนต่อไปได้ ด้วยความมั่นใจในพละกำลังของตนที่เคยฝึกเคล็ดวิชาขัดเกลาร่างกาย มันพ่นลมหายใจแรง แล้วก้าวเข้าไปหาซูสือโม่ว เอื้อมมือจะไปดึงผมของอีกฝ่ายพลางส่งเสียงเรียก "ซูสือโม่ว! พวกเรากำลังถามเจ้าอยู่นะ! เป็นใบ้หรือ!"
"ไสหัวไป!"
โดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง ซูสือเหวี่ยงแขนออก แม้ท่าทางจะดูอ่อนแอ แต่เสียงดังราวกับแส้ก็ดังขึ้น!
เพี๊ยะ!
ก่อนที่ฝ่ามือของศิษย์ของยอดเขาวิญญาณจะแตะต้องซูสือโม่วได้ มันก็ถูกฝ่ามือของอีกฝ่ายเหวี่ยงเข้าไปในกลุ่มคนแล้ว! ฟันของมันแตกร้าว และสำลักโลหิตออกมาจนหมดสติล้มลงกับพื้น
ทุกคนตกตะลึง!
อ้วนน้อยเกือบร้องไห้ออกมา
มันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างที่มันทำล้วนล้มเหลวสิ้น!
การโจมตีของซูสือโม่วรวดเร็วจนไม่มีใครสามารถตั้งรับได้ทัน!
ตอนนี้มันทำให้ศิษย์ทั้งหมดของยอดเขาวิญญาณโกรธแค้นแล้ว
ศิษย์จากยอดเขาวิญญาณจำนวนมากเรียกอาวุธบินของตนออกมา ลอยอยู่รอบตัวและพร้อมจะโจมตีอีกฝ่ายได้ตลอดเวลา!
ศิษย์จากยอดเขาสรรพาวุธกว่าสิบคนล้อมรอบซูสือโม่ว พร้อมกับเรียกอาวุธบินออกมา ชี้อาวุธใส่กันและกัน สงครามกำลังจะปะทุขึ้น!
เฟิงห่าวอวี้มองดูด้วยสายตาเยาะเย้ยราวกับพึงพอใจ
"อย่าสู้กันเลย อย่าสู้กันเลย!"
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ อ้วนน้อยก็ยิ่งรู้สึกลำบากใจมากขึ้น มันหยิบขวานใหญ่ออกจากถุงเก็บของ แล้วดึงยันต์ออกมาด้วยมือซ้าย จากนั้นก็ตบลงบนหลังของซูสือโม่ว
ทันใดนั้น มีกำแพงแสงปรากฏรอบตัวของซูสือโม่ว
นั่นเป็นเครื่องรางป้องกัน
แทนที่จะใช้กับตนเอง อ้วนน้อยกลับยกให้แก่ซูสือโม่ว
การกระทำของอ้วนน้อยทำให้ซูสือโม่วรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
สิ่งที่อ้วนน้อยทำคงจะทำให้สหายศิษย์ร่วมสำนักของมันไม่พอใจแน่นอน
"เจ้าอ้วนบ้า! เจ้าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่!" ศิษย์ของยอดเขาวิญญาณคนหนึ่งร้องด่า
ทันใดนั้น สีหน้าของอ้วนน้อยก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด รอยยิ้มบนใบหน้าหายไป มันส่งเสียงร้องดังลั่น "พวกเจ้านั่นแหละที่บ้า! ข้าพเจ้าอยู่ฝ่ายไหนก็ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า!"
เสียงร้องจากอ้วนน้อยทำให้ศิษย์ของยอดเขาวิญญาณหลายคนงุนงง
ตั้งแต่มันเข้ามาเป็นศิษย์ของสำนัก ก็ไม่มีใครเคยเห็นมันโกรธเคืองมาก่อน มันยิ้มแย้มแจ่มใสและเป็นมิตรกับทุกคนเสมอ ความจริงมันมีเพื่อนมากกว่าเฟิงห่าวอวี้ด้วยซ้ำ
เมื่อรู้สึกตัวว่าตนเองกระทำสิ่งที่ไม่เหมาะสม อ้วนน้อยก็เม้มริมฝีปาก "ข้าพเจ้าอ้วน แต่แล้วไงละ! แต่ข้าพเจ้าเกลียดคนที่มาเรียกว่าข้าพเจ้าว่าเจ้าอ้วน..."
ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องดังมาจากที่ไกล
"ทุกหยุดวิวาทเดี๋ยวนี้!"
แสงสายหนึ่งพุ่งมาแล้วปรากฏอยู่เหนือศีรษะของทุกคน ผู้ฝึกเทพยุทธ์ขอบเขตก่อตั้งรากฐานระดับต้นขี่อาวุธบิน ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังศิษย์ที่รายงานเรื่องนี้ไปก่อนหน้า
"คารวะ ศิษย์พี่เฉินอวี้"
"ท่านมาได้ทันเวลาพอดี ศิษย์พี่เฉินอวี้ โปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกข้าพเจ้าด้วยเถิด ซูสือโม่วจากยอดเขาสรรพาวุธได้ละเมิดกฎของสำนัก ทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก!"
ศิษย์ของยอดเขาวิญญาณหลายคนประสานมือทักทายพร้อมกล่าวทักท้วง เมื่อพวกมันรู้จักบุรุษผู้นั้น
อ้วนน้อยกระซิบเร่งรีบว่า "พี่ชาย อย่าไปทำอะไรให้คนผู้นี้ไม่พอใจเลย มันคือศิษย์ชั้นในและดูแลเรื่องระเบียบวินัยของสำนัก ชื่อเฉินอวี้ มันต้องมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้ท่านแน่นอน เพราะมันสนิทกับเฟิงห่าวอวี้ ท่านโปรดอดทนไปก่อน"
เมื่หยุดไปครู่หนึ่ง อ้วนน้อยก็พูดต่อไปด้วยความกังวล กลัวว่าซูสือโม่วอาจจะไม่เข้าใจถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ "พวกเราไม่สามารถขัดใจศิษย์ชั้นในได้ ไม่อย่างนั้นเมื่อเราขึ้นเป็นศิษย์ชั้นในในภายหลัง ก็จะได้รับโทษสถานหนัก นอกจากนี้ มันยังเป็นคนดูแลด้านระเบียบวินัยด้วย"