ตอนที่แล้วจอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 85 แววตาพยัคฆ์วิญญาณและพยัคฆ์ดารา!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 87 วิกฤติ

จอมปราชญ์นิรันดร์ บทที่ 86 พลังโลหิต


ซูสือโม่วนอนนิ่งสงัดบนเตียงหิน และตั้งใจฟังเสียงประหลาดที่ก้องกังวานผ่านห้องถ้ำ รู้สึกถึงสัมผัสของการไหลในไขกระดูก การรับรู้ผ่านมาเป็นชุดเข้าหามันราวกับเมล็ดพืชที่กำลังงอกขึ้น

นี่คือเหตุผลที่คัมภีร์ลับ12ราชันอสูรมหาแดนทุรกันดารยากขึ้นในการฝึกเทพยุทธ์ -- นั่นคือกระบวนการนำคุณสมบัติภายนอกมาเป็นภายใน

ผิวหนังเป็นสิ่งแรกที่จะถูกทำให้แข็งแกร่งขึ้น ตามด้วยเนื้อ เอ็น กระดูก หลังจากนั้นไขกระดูกจะถูกชำระ -- นั่นคือส่วนของการชำระไขกระดูก

เคล็ดวิชาภายนอกเรียนรู้ได้ง่ายกว่าค่อนข้างมาก

นั่นเพราะนอกจากพระสูตร วิธีการหายใจและหายใจออกเป็นฐานแล้ว ยังมีการฝึกวิชาสังหารเพื่อชำระผิวหนัง เนื้อ เอ็น และกระดูก

ยกตัวอย่างเช่น กระบวนท่าตรีกาสร การฝึกเทพยุทธ์อย่างต่อเนื่องจะชำระผิวหนัง ขณะที่สามกระบวนท่าอาชาศักดิ์สิทธิ์จะช่วยชำระกระดูก

อย่างไรก็ตาม จากส่วนการชำระไขกระดูกเป็นต้นไป คัมภีร์ลับไม่มีเคล็ดวิชาสังหารอีกต่อไป -- ทั้งหมดจะต้องพึ่งพาพลังความเข้าใจของซูสือโม่วในการเข้าถึงความลึกซึ้งของพระสูตร

นั่นไม่ใช่เพราะคัมภีร์ลับไม่สมบูรณ์ แต่เป็นเพราะว่าคนหนึ่งคนจะไม่สามารถชำระไขกระดูกได้ด้วยการใช้เคล็ดวิชาร่างกายเพียงอย่างเดียว!

ไขกระดูกอยู่ภายในกระดูก เคล็ดวิชาภายนอกสามารถชำระกระดูกได้เท่านั้น และไม่สามารถเข้าถึงลึกลงไปได้

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงต้องใช้วิธีอื่นเพื่อใช้พลังงานรูปแบบอื่นเพื่อชำระไขกระดูก

และ...พลังงานนั้นไม่ใช่อย่างอื่นนอกจากเสียงพยัคฆ์และพยัคฆ์ดารา!

ที่จริงแล้ว ซูสือโม่วคุ้นเคยกับเสียงแบบนี้ สมัยที่อยู่ในเมืองผิงหยาง ซูเสี่ยวหนิงเคยเลี้ยงลูกแมวไว้ตัวหนึ่ง

ลูกแมวตัวนั้นสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ และไม่เคยส่งเสียง อย่างไรก็ตาม เสียงคำรามดังออกมาจากภายในร่างมันเป็นครั้งคราว คล้ายกับเสียงของพยัคฆ์และพยัคฆ์ดารา

แต่แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นพยัคฆ์หรือพยัคฆ์ดาราวิญญาณ ทั้งคู่ต่างไม่มีความรู้ในพระสูตรของส่วนการชำระไขกระดูก และดังนั้นไขกระดูกของพวกมันจะไม่มีวันแข็งแกร่งกว่าของซูสือโม่ว

เสียงของพยัคฆ์และพยัคฆ์ดาราเป็นแค่จุดเปลี่ยนของส่วนการชำระไขกระดูก

ความลึกซึ้งที่แท้จริงอยู่ในพระสูตร

ซูสือโม่วทบทวนพระสูตรของส่วนการชำระไขกระดูกและเริ่มเลียนเสียงพยัคฆ์และพยัคฆ์ดารา

"ฟู่...ฟู่...ม้ม...มมม..."

ผ่านการเลียนแบบและความพยายามซ้ำๆ ร่างกายของซูสือโม่วเริ่มส่งเสียงสั่นพิเศษเป็นของตัวเองด้วย

การสะท้อนของเสียงทำให้ไขกระดูกเหลวในกระดูกของมันไหล ปั่นป่วนด้วยความเร็ว ขณะที่โลหิตถูกผลิตขึ้นไหลเข้าสู่เลือดและเส้นเลือดของซูสือโม่ว

ความหมายที่แท้จริงของการชำระไขกระดูกคือการเปลี่ยนเลือด

ผ่านการสั่นสะเทือนของไขกระดูก เลือดใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเลือดเดิมของซูสือโม่วจะก่อตัวขึ้น!

ตามส่วนการชำระไขกระดูก ความสำเร็จขั้นต้นก็เพียงพอที่จะสังหารผู้ฝึกเทพยุทธ์ขอบเขตก่อตั้งรากฐานระยะแรก ที่ความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ สามารถสังหารผู้ฝึกเทพยุทธ์ขอบเขตก่อตั้งรากฐานระยะกลางได้อย่างง่ายดายและสามารถเทียบเคียงกับผู้ฝึกเทพยุทธ์ขอบเขตก่อตั้งรากฐานระยะสุดท้าย!

นั่นคือความน่ากลัวของการเปลี่ยนเลือดในการชำระไขกระดูก!

ไม่ว่าจะเป็นการชำระร่างกาย เอ็น หรือกระดูก สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นพลังภายนอกท้ายที่สุด

จากส่วนการชำระไขกระดูกนี้ ซูสือโม่วจะฝึกพลังที่มาจากภายใน -- พลังโลหิต!

เมื่อครั้งที่ถูกไล่ล่าโดยผู้ฝึกเทพยุทธ์ขอบเขตก่อตั้งรากฐานของนิกายฮวนสี่ในเทือกเขาชางหลาง มันรอดมาได้ในขณะที่เกือบตายด้วยการแปลงร่างวานรโลหิต

เหตุผลที่การแปลงร่างวานรโลหิตสามารถได้รับพลังมหาศาลในเวลาสั้นๆก็เพราะ พลังโลหิต

นั่นเป็นเหตุผลที่ซูสือโม่วอ่อนแอลงหลังการแปลงร่างวานรโลหิต -- มันยังไม่ได้เริ่มส่วนการชำระไขกระดูกตอนนั้นและร่างกายของมันยังรับภาระมหาศาลไม่ได้

จากนี้ เหตุการณ์แบบเดียวกันจะไม่เกิดขึ้นอีก

หลังจากส่วนการชำระไขกระดูก การแปลงร่างวานรโลหิตจะไม่เป็นประโยชน์ต่อซูสือโม่วอีกต่อไป

เพราะท้ายที่สุด แค่การสำเร็จขั้นต้นของส่วนการชำระไขกระดูก ทุกช่องโลหิตในร่างมันจะส่งพลังน่าสยดสยองออกมา!

ในชั่วพริบตา คืนได้ผ่านไป

มันจับทางคร่าวๆ ของเสียงพยัคฆ์และพยัคฆ์ดาราได้แล้ว

ลุกขึ้นยืน ซูสือโม่วมีความปิติยินดีเต็มเปี่ยมหัวใจและความผิดหวังก่อนหน้าก็จางหายไปสิ้น

ในที่สุดมันก็ก้าวหน้าในส่วนการชำระไขกระดูกได้หลังจากติดอยู่นานมาก

มองพยัคฆ์และพยัคฆ์ดาราวิญญาณ ซูสือโม่วยิ้ม ความคิดที่จะสังหารพวกมันหายไปด้วย

ไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองอสูรต่างมีส่วนทำให้มันมีความเข้าใจใหม่ในส่วนการชำระไขกระดูก

พยัคฆ์และพยัคฆ์ดาราตื่นมานานแล้วเช่นกัน เมื่อเห็นซูสือโม่วยิ้ม ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงแล่นผ่านไขสันหลังจนสั่นสะท้าน

ทั้งคู่ไม่เคยเห็นซูสือโม่วยิ้มเลยก่อนหน้านี้

แต่ตอนนี้ มันกลับยิ้ม....

"จบกันแล้ว จบแล้ว! มนุษย์คนนั้นกำลังจะลงมือกับข้า!" พยัคฆ์วิญญาณร้องไห้ภายใน

สำหรับพยัคฆ์ดาราวิญญาณ มันรู้สึกผิดมากกว่า

มันเกือบตายคาที่เพราะเจตนาสังหารเมื่อคืนก่อน ตอนนี้มันก้มหัวต่ำ ไม่กล้ามองซูสือโม่ว

ซูสือโม่วเดินออกมา โอบพยัคฆ์วิญญาณไว้ในมือซ้ายและพยัคฆ์ดาราวิญญาณไว้ในมือขวา ก่อนจะออกจากถ้ำและมุ่งหน้าไปยอดเขาด้านหน้า

ข้ามหมอกหนาทึบ มาถึงด้านหน้าสำนัก วางพยัคฆ์วิญญาณทั้งสองลง "พวกเจ้าไปได้แล้ว"

พยัคฆ์วิญญาณ: "..."

พยัคฆ์ดาราวิญญาณ: "..."

ทั้งสองตัวตกตะลึงและไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

คนผู้นี้ปล่อยพวกมันไปง่ายๆแบบนี้เลยหรือ?

หลังจากผ่านไปสักพัก อสูรทั้งสองตัวนอนแผ่คว่ำบนพื้น นอนนิ่งอย่างว่าง่ายเหมือนลูกแมว

ซูสือโม่วยิ้มและโบกมือ "ไปได้แล้ว ห้ามไปทำร้ายใครจากนี้ไปนะ"

คราวนี้ สัตว์อสูรรู้สึกถึงท่าทีสบายๆในน้ำเสียงของซูสือโม่ว

ดูเหมือนมนุษย์คนนี้จะจริงใจปล่อยพวกมันไปจริงๆ ใช่ไหม?

พยัคฆ์ดาราวิญญาณลุกขึ้นอย่างช้าๆและขยับเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าซูสือโม่วไม่มีปฏิกิริยา มันก็มุ่งหน้าออกไปสู่ระยะไกล

หลังจากก้าวไปได้สองสามก้าว พยัคฆ์ดาราวิญญาณรีบหันหลังกลับและคลายกังวลเมื่อเห็นซูสือโม่วยังไม่ได้ตามมา

ถึงอย่างนั้น พยัคฆ์ดาราวิญญาณก็ไม่กล้าวิ่ง เพียงเดินห่างออกไปเรื่อยๆด้วยก้าวเล็กๆ หันหลังกลับมองเป็นระยะ

พยัคฆ์วิญญาณไม่ขยับและมองซูสือโม่วพร้อมกับอ้าปากเล็กน้อย

ซูสือโม่วถาม "ทำไมเจ้าไม่ไป?"

พยัคฆ์วิญญาณทำหน้ายิ้มกว้างอย่างยั่วยวนและแม้แต่กระดิกหาง

ทันทีที่ทำแบบนั้น หัวใจของพยัคฆ์วิญญาณเต้นข้ามจังหวะ ก่นด่าตัวเองในใจ "บ้าเอ๊ย! ข้าคือราชาแห่งป่า! ทำไมข้าถึงได้กระดิกหางเหมือนสุนัขด้วย!"

"ถ้าเจ้าไม่ไป ข้าพเจ้าจะไปเอง"

พูดจบ ซูสือโม่วก็หันหน้าไปทางหมอก

ลังเลครู่หนึ่ง พยัคฆ์วิญญาณก็ตามอีกฝ่ายไป

"หืมม?"

มองพยัคฆ์วิญญาณข้างหลัง ซูสือโม่วยิ้ม "ทำไม? เจ้าอยากตามข้าพเจ้าหรือ"

มันรีบพยักหน้า

พยัคฆ์วิญญาณโศกเศร้าภายใน "นี่เรื่องตลกบ้าอะไรกัน? มนุษย์คนนี้วิปลาส ใช้ให้ข้าร้องออกมาซ้ำแล้วซ้ำอีก แล้วจะปล่อยพวกเราไปง่ายๆได้ยังไง? นี่เป็นกับดัก! คนผู้นี้กำลังวางกับดัก! ถ้าเราหนีจริงๆ มันต้องฆ่าพวกเราแน่!"

พยัคฆ์วิญญาณหันไปมองพยัคฆ์ดาราวิญญาณที่เดินจากไปอย่างระแวดระวังและโศกเศร้าในใจ "น้องพยัคฆ์ดารา โชคดีนะ เจ้าคงกำลังจะตาย"

ไม่มีทางที่ซูสือโม่วจะรู้ว่าพยัคฆ์วิญญาณคิดอะไรอยู่ แต่เมื่ออีกฝ่ายแน่วแน่ขนาดนี้ มันก็พาอีกฝ่ายข้ามค่ายกลหมอกไป

ระหว่างทาง พยัคฆ์วิญญาณรอให้ซูสือโม่วหันไปฆ่าพยัคฆ์ดารา

อย่างไรก็ตาม ตอนที่ข้ามค่ายกลหมอกแล้ว ซูสือโม่วก็ไม่ดูเหมือนว่าจะตั้งใจหันกลับ

เพิ่งตอนนั้นที่พยัคฆ์วิญญาณรู้ว่าซูสือโม่วตั้งใจจะปล่อยพวกมันไปจริงๆ!

"ชีวิตบัดซบ!"

พยัคฆ์วิญญาณสาปแช่งภายในโกรธจัดกัดฟัน

"เดี๋ยว ข้าเป็นคนขุดหลุมแล้วกระโดดลงไปเองหรือ? ทั้งยังกลบตัวเองด้วย...!"

"ยังมีโอกาส! อีกโอกาส!"

พยัคฆ์วิญญาณให้กำลังใจตัวเอง พร้อมที่จะวิ่งหนีทันทีที่มีโอกาส

เวลานั้น แก่นทองคำสมบูรณ์แบบผู้หนึ่งพุ่งผ่านอากาศ เมื่อคนผู้นี้เห็นซูสือโม่วอยู่ด้านล่าง ก็พึมพำอย่างประหลาดใจและเปลี่ยนทิศทาง ลอยลงมาต่อหน้าคู่มนุษย์-พยัคฆ์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด