Chapter 1085 นักสืบขึ้นสู่เวที
หอยา.
ซุนปู่กงหลังจากตรวจสอบแล้ว เอ่ยออกมาว่า“เจ้านิกาย เป็นศพสตรี.”
“......”
จุนซ่างเซียวแทบยกเท้ากระทืบอีกฝ่าย.
แม้นว่าศพดังกล่าวจะแห้งเหี่ยว ทว่าก็ยังพอมองออกด้วยตาว่าเป็นศพสตรี.
เจ้าที่สำรวจควรจะกล่าวอะไรที่พิเศษที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ไม่ใช่รึอย่างไร?
“อายุอีกฝ่ายไม่สามารถที่จะระบุแน่ชัดได้ ทว่าก่อนตาย คนนี้น่าจะเป็นอาวุโสที่มีฝีมือคนหนึ่ง.”ซุนปู่กงเอ่ยเพิ่ม.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าพบอะไร?”
ซุนปู่กงที่สีคางไปมา เอ่ยออกไปว่า“หากศิษย์คาดเดาไม่ผิด ศพสตรีผู้นี้บาดเจ็บก่อน ชีพจรทั่วร่างของนางเสียหายอย่างหนัก.”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“คนบาดเจ็บและคนปกตินั้นแตกต่างกัน ยกตัวอย่าง....”ซุนปู่กงที่เริ่มสาธยาย เพราะว่าเขาได้รับความรู้จากหนังสือแพทย์ไม่น้อย.
“ร้ายกาจ ร้ายกาจ.”
หลังจากจุนซ่างเซียวได้รับฟังคำวิเคราะห์ของอีกฝ่าย ก็เอ่ยออกมาวา“ที่ผ่านมา ให้ไปศึกษาเรื่องสมุนไพรกับเหล่าเหว่ยจะไม่เสียเปล่า.”
เหล่าเหว่ยเอ่ย “ข้าที่เชี่ยวชาญการปลูกเท่านั้น เกี่ยวกับเรื่องแพทย์นั้น ล้วนแต่มาจากตำราของปราชญ์แพทย์ร้อยหน้าที่ทิ้งเอาไว้ต่างหาก.”
จุนซ่างเซียวตบไปที่ไหล่ซุนปู่กง กล่าวให้กำลังใจ“ศึกษาให้ดี รับรองว่าเจ้าต้องได้รับตำแหน่งรองเจ้าหอยาอย่างแน่นอน.”
“ครับ!”
ซุนปู่กงกล่าวรับเสียงดัง.
จากนั้นเขาก็ตรวจสอบไปที่ท้องของศพเอ่ยออกมาว่า“เจ้านิกาย ที่บริเวณนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นแรงจากภายนอก....รูปร่างของบาดแผล ดูเหมือนว่าถูกเตะเข้าอย่างแรงและโหดร้าย.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “ถึงกับเตะจนชีพจรฉีกขาดไปทั่วร่าง ใครที่มันมันถึงได้โหดร้ายอมหิตปานนั้น บางทีคงเป็นฝีมือของเผ่าวิญญาณละมั้ง?”
ระบบเอ่ย “โฮสน์ที่นิกายไท่เสวียนเซิ่ง ไม่ได้เตะคนอื่นจนพิการหรอกรึ?”
“......”
จุนซ่างเซียวที่จำได้ในทันที เป็นเขาที่เตะคนไปคราหนึ่ง ใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสี “ไม่ใช่ว่าศพสตรีผู้นี้คืออาวุโสฉู่หรอกรึ?”
อายุไม่แน่ชัด เป็นอาวุโสยอดฝีมือคนหนึ่ง.
ที่ท้องมีรอยเท้า ชีพจรเสียหายทั่วร่าง.
ยกเว้นชุดที่ใส่ ไม่ใช่ชุดเครื่องแบบของนิกายไท่เสวียนเซิ่ง ทุกอย่างดูเหมือนจะเข้าเค้าหมด!
“นังแก่ผีและฟางหลิงยวีออกจากนิกาย ไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบนิกายแน่นอน ดูเหมือนว่ามีโอกาสเป็นอย่างมาก.”จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิด จ้องมองไปยังรอบ ๆ ศพแห้ง กล่าวอย่างจริงจัง “บางทีคงเป็นอาวุโสฉู่จริง ๆ!”
เขาที่คาดเดาตามสภาพเงื่อนไขที่มีตอนนี้ จนกระทั่งลู่เชียนเชียนเดินเข้ามา เอ่ยออกไปว่า“ศพนี้มีอำนาจธาตุน้ำแข็งอ่อน ๆ คงจะเป็นผู้ฝีกยุทธ์ธาตุน้ำแข็ง.”
จุนซ่างเซียวที่ยืนยันได้ทันที “เป็นอาวุโสฉู่อย่างไม่ต้องสงสัย!”
นางตายแล้ว.
ฟางหลิงยวีล่ะ?
ข่าวที่ได้รับมาก่อนนี้ พวกเขาทั้งสองออกจากนิกายไท่เสวียนเซิ่งพร้อมกัน ก็หมายความว่าไปด้วยกันนั่นเอง.
“เจ้านิกาย.”
ซุนปู่กงที่ชี้ไปยังศีรษะของศพ เอ่ยออกไปว่าบางทีคงถูกดูดพลังวิญญาณจากตรงนี้.”
ขณะหันหน้ากลับไป แทบกระโดดโหย่ง.
เพราะว่าเจ้านิกายนั้นสวมชุดคลุมสีน้ำเงินสวมหมวกปีกกวาง พร้อมกับนำแว่นขยายออกมาส่อง.
ไปเปลี่ยนชุดตั้งแต่เมื่อไหร่? ความเร็วเหนือล้ำเกินไปแล้ว.
จุนซ่างเซียวที่ก้มลง ใช่แว่นขยายส่องไปศพ“จากการเคลื่อนไหว ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ขัดขืนเลย อธิบายได้ว่าผู้ตายถูกโจมตีทีเผลอ หรือไม่ได้ระวัง.”
“มีเหตุผล.”เซียวจุ้ยจื่อเอ่ย.
เซียวจุ้ยจื่อที่ตะโกนเสียงดัง “เจ้าเข้ามาทำบ้าอะไร ทำไมไม่เอาเวทย์เปลี่ยนรูปเครื่องเสียงไปเก็บก่อน!”
“แก๊ก!”
เซียวจุ้ยจื่อที่เปิดเพลงคลอ.
จุนซ่างเซียวที่จ้องมองที่ดวงตาอยู่ “ดูจากท่าทางแล้ว คงกำลังตกใจอย่างหนัก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงมือสังหารตัวเอง!”
ซุนปู่กงเอ่ย “เปิดเพลงอะไร เจ้านิกายพูดอะไรไม่ได้ยินเลย!”
“ความหมายของเจ้านิกายคือ”ลู่เชียนเชียนเอ่ย “คนที่สังหารอาวุโสฉู่คือ...ฟางหลิงยวีรึ?”
“ใช่!”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“......”
ซุนปู่กงแทบจะล้มคะมำ.
เจ้านิกายได้ยินเสียงเพลงก็เข้าใจทั้งหมดแล้วรึ? แม้แต่กล่าวสรุปกับศิษย์พี่หญิงใหญ่แล้ว เรื่องแบบนี้มันเหลือเชื่อไปแล้ว!
“เป็นแบบนี้นี่เอง!”เซียวจุ้ยจื่อสีคางไปมา.
ซุนปู่กงที่แทบจะบ้าคลั่ง.
โหยพี่ชาย เพียงแค่สืบสวน ต้องเปิดเพลงคลอด้วยรึ?!
จุนซ่างเซียวเอ่ยต่อ“เผ่าวิญญาณคงเข้าครอบงำร่างมนุษย์ จะต้องหาร่างที่เกลียดแค้นชิงชัง ไต่ลู่เป็นตัวอย่าง ฟางหลิงยวีที่ถูกเฉือนข้อมือโดยเจ้า ซ้ำยังไม่มีพลังบ่มเพาะ แน่นอนว่าคงเต็มไปด้วยความโกรธแค้นเหมาะที่จะสิงสู่มาก.”
“ดังนั้น.....”
เขาที่ถือแว่นขยายเอ่ยออกมาว่า“ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว!”
“ฟางหลิงยวีที่ถูกเผ่าวิญญาณยึดครอง จากนั้นก็ดูดซับพลังบ่มเพาะของอาวุโสฉู่ไป!”
ลู่เชียนเชียนที่ใบหน้าเย็นชา“อาวุโสฉู่เลี้ยงดูนางมาตั้งแต่เด็ก ๆ ดูแลนางราวกับธิดาในสายโลหิต การที่นางสังหารอีกฝ่ายไป จิตใจของนางอมหิตไปหรือไม่?”
จุนซ่างเซียวที่ไม่สนใจการกระทำของฟางหลิงยวี สิ่งที่เขาสนใจคือผลจากการคาดเดา นั่นก็คือเผ่าวิญญาณหมายเลขสามนั่นเอง!
“แปะ!”
เขาที่ปรบมือ ส่ายหน้าไปมา “เปิ่นจั้วมีเรื่องต้องทำแล้ว.”
ฟางหลิงยวีถูกสิงร่างโดยเผ่าวิญญาณ แม้นว่าจะไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่ก็มีแบะแสไม่น้อย ตอนนี้ต้องสืบสวนอย่างเร่งด่วน.
“ถางจู่ลี่.”
จุนซ่างเซียวที่ออกคำสั่งทันที “แจ้งไปยังสายข่าวทุกแห่ง จะต้องหาฟางหลิงยวีให้พบ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าเขาที่แห้งเหี่ยวหรือศพที่แห้งตาย!”
“รับทราบ!”
ลี่ลั่วฉิวที่ออกไปกระจายข่าวทันที.
ด้วยระบบข้อมูลข่าวสารที่มีประสิทธิภาพ เพียงเวลาไม่นานก็กระจายไปทุกจังหวัด.
“เจ้านิกาย!”
ในเวลาต่อมา ลี่ลั่วฉิวที่เข้ามารายงาน “ที่พื้นที่จังหวัดเป่ยโม่ พบผู้ต้องสงสัยแล้ว!”
“จังหวัดเป่ยโม่?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดูเหมือนว่าคงจะไปที่ช่องเชื่อมต่อมิติระหว่างพิภพ เผ่าวิญญาณหมายเลขสามต้องการทำอะไร?”
เผ่าวิญญาณหมายเลขหนึ่งที่ถูกอ้ายยาฝึกฝนเป็นเวลานาน ได้สารภาพออกมาจนหมด ดังนั้นโกวเซิ่งจึงค่อนข้างเข้าใจ.
ยกตัวอย่างที่จังหวัดเป่ยโม่ที่เขานำเย่ซิงเฉินและซ่างกวนซินเหยาไปยังพื้นที่ผนึกที่ราชันย์ค่ายกลทิ้งเอาไว้ ได้พบเข้ากับไต่ลู่ที่ถูกสิงโดยเผ่าวิญญาณหมายเลข 1 โดยบังเอิญ.
เป้าหมายของมัน หนึ่งคือกลับโลก และฟื้นฟูพลังบ่มเพาะ เพื่อควบคุมอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ หากว่าอีกฝ่ายสามารถติดต่อกับพิภพของตัวเองได้ บางทีคงจะบุกโจมตีทวีปชิงหยุนอีกก็ได้.
“ดูเหมือนว่า.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “เผ่าวิญญาณหมายเลขสามคงจะเหมือนกับหมายเลขหนึ่ง ต้องการกลับแผ่นดินของตัวเองให้เร็วที่สุด.”
“อิ อิ อิ!”
เขายกมือปิดหน้าหัวเราะอย่างผู้ร้าย “ในเมื่อมาแล้ว จะปล่อยให้หนีไปได้อย่างไร!”
“ฟิ้ว----”
บนท้องฟ้านิกายนิรันดร จุนซ่างเซียวที่บินออกไปด้วยความเร็ว มุ่งสู่พื้นที่จังหวัดเป่ยโม่.
ลี่ลั่วฉิวที่ส่ายหน้าไปมา “เผ่าวิญญาณที่สร้างปัญหาให้กับแผ่นดินในยุคโบราณ ตอนนี้เจอกับเจ้านิกาย กล่าวได้ว่าคงพินาศสิ้นอย่างแน่นอน.”
......
จังหวัดเป่ยโม่.
ทุกพื้นที่ ที่ฟางหลิงยวีผ่านต้องกลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งไปหมด.
ด้วยการถูกเผ่าวิญญาณหมายเลขสามล้างสมอง ถูกล่อลวงด้วยการเพิ่มพลังวิญญาณ ทำให้นางดูดซับพลังอย่างบ้าคลั่ง โดยที่ไม่รู้ว่ามันได้ทำให้ตัวเองเผยตำแหน่งออกมาแล้ว!
