Chapter 1084 เผ่าวิญญาณปรากฏตัว
หลิวหว่านซีที่เป็นกังวลจริง ๆ ว่าเย่ซิงเฉินจะไปนอนเล้าปศุสัตว์อีกครั้ง ไม่เพียงแค่ล๊อกเอาไว้อย่างแน่นหนา ยังให้เหล่าเจิ้นวางค่ายกลเอาไว้ด้วย.
จากนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้วรึ?
สาวน้อยประมาทประเมินการเมาของเป่ยอาหนิวน้อยเกินไป.
หลังจากงานเลี้ยงจบแล้ว เขาก็เดินส่ายไปมา พบว่าไม่สามารถไปต่อได้ จึงเริ่มทำลายค่ายกล.
หลังจากที่หลี่ชิงหยางได้ยินเสียง ก็พบว่าศิษย์น้องเย่เข้าไปด้านในแล้ว ตอนนี้ซุกร่างเข้าไปในเล้าแกะ เหล่าสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ที่หวาดผวาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในมุมตัวสั่นงันงก.
แม่จ๋า!
ทำไมมนุษย์เข้ามาอยู่ที่นี่ล่ะ!
“เฮ้อ.”
หลี่ชิงหยางที่เข้าไปแบกเย่ซิงเฉินพลางส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกไปว่า“แล้วไม่ดื่มเพียงเล็กน้อยเล่า?”
จุนซ่างเซียวก็รับรู้เรื่องนี้เช่นกันและสงสัยเป็นอย่างมาก.
เจ้าเด็กนี่เมาทีไร ก็มักจะเข้าไปนอนในเล้าสัตว์?
จนกระทั่งเขาได้สอบถามเรื่องราวกับฮุยเอ๋อก็เข้าใจแจ่มแจ้ง เป่ยอาหนิวเป็นคนที่ยากจนมาก ๆ ตั้งแต่เด็กเขาที่เคยอาศัยนอนอยู่ทุกแห่งมาหมดแล้ว โดยเฉพาะเล้าแกะ ดังนั้นจึงรู้สึกคุ้นเคยและผูกพันธ์กับเล้าปศุสัตว์เป็นอย่างมาก.
เช้าวันถัดมา.
เย่ซิงเฉินที่นั่งอยู่ในสวนไร้ความรู้สึกใด ๆ.
เขาที่เมาค้างปวดหัวเมื่อวาน ทว่ามันกับไม่ได้เจ็บปวดที่เขาไปนอนในเล้าแกะก่อนถูกคนนำออกมา เขาแทบอยากร้องตะโกนออกมาดัง ๆ ทำไม!
......
“เจ้านิกาย.”
ภายในห้องโถง นายน้อยหยวนที่ดีดลูกคิด เอ่ยออกมาว่า“เมื่อวานพวกเราได้รับศิลาวิญญาณเทียม รวมทั้งหมด 5.6 ล้าน.”
“ไม่เลว ไม่เลว.”
จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม.
กับแร่และสมุนไพรที่มอบให้นิกายไท่เสวียนเซิ่ง และเงินที่ได้รับมากจากการเชิญแขก ก็พอกล้อมแกล้มทดแทนกันได้.
ศิษย์ 78,000 คน ใครแต่งข้าก็ต้องส่งบัตรเชิญไปให้ครบเลย.
นายน้อยหยวนเอ่ยเพิ่ม “เกี่ยวกับการเตรียมการงานเลี้ยง ใช้ไปทั้งหมดห้าล้านเงิน.”
“ไม่มีค่าให้กล่าวถึง.”
เทียบห้าล้านศิลาวิญญาณกับห้านล้านเงิน มันช่างแตกต่างกันนัก.
หลังจากงานหมั้นจบลง เซี่ยซุยอวิ๋นก็ตามบิดามารดากลับนิกายไท่เสวียนเซิ่ง เวลานี้นางมีสถานะหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา ก็คือคู่หมั้นศิษย์ลำดับสามของนิกายนิรันดร.
ชื่อเสียงของนิกายนิรันดรในยุทธภพ และตัวตนที่น่าเกรงขามของจุนซ่างเซียว ดูเหมือนทำให้นางมีสถานะที่สูงขึ้น กลายเป็นศิษย์สายในที่โดดเด่นที่สุดในนิกายไท่เสวียนเซิ่งไปในทันที.
“ซุยอวิ๋น!”
ก่อนจากไป ซูเซียวโม่ที่มาส่งนางที่เชิงเขา ก่อนที่จะยื่นมือคว้าข้อมือของนางเอาไว้ “เจ้านิกายเห็นด้วยให้เจ้าอยู่ที่นี่ ทำไมเจ้าถึงปฏิเสธเล่า?”
“ข้าเป็นศิษย์นิกายไท่เสวียนเซิ่ง จะให้อยู่นิกายนิรันดรได้อย่างไรล่ะ.”
ต่อหน้าบิดามารดา คนผู้นี้กับกล้ากุมมือนาง ทำให้เซี่ยซุยอวิ๋นรู้สึกเขินอายเป็นอย่างมาก.
ซูเซียวโม่ที่เอ่ยกล่าวอย่างไม่อาย “เจ้าเป็นสตรีของข้า หลังจากนี้ก็ต้องแต่งงานกัน ทำไมไม่เข้าร่วมนิกายนิรันดรก่อนเลยเล่า.”
“และ.”
เขาที่กล่าวอย่างจริงจัง “ที่นี่อาจจะทำให้เจ้ายกระดับวิถียุทธ์ได้เร็วกว่าปรกติก็ได้.”
“ข้ามีกายาน้ำแข็ง บ่มเพาะในนิกายไท่เสวียนเซิ่งเหมาะสมกว่า เจ้าควรรอ....ไว้ให้แต่งงานค่อยว่ากันอีกครั้ง.”เซี่ยซุยอวิ๋นที่ใบหน้าแดงกล่ำก่อนที่จะหันหลังก้าวจากไป.
นิกายนิรันดรไม่สงสัยว่ามีทรัพยากรมากมายที่ช่วยยกระดับวิถียุทธ์ ทว่าเพราะนางมีกายาและวิชาบ่มเพาะพิเศษ ย่อมเหมาะกับนิกายไท่เสวียนเซิ่งมากกว่า ต้องไม่ลืมว่าสิ่งก่อสร้างและสภาพแวดล้อมต่าง ๆ นั้นได้ออกแบบมาให้เหมาะกับการฝึกฝน และวิชาบ่มเพาะของนาง.
เหมือนกับลู่เชียนเชียนในอดีต เพื่อเพิ่มพลัง ถึงกับจากนิกายไปชั่วคร่าว เดินทางไปยังจังหวัดตงเป่ยลู่ที่มีอากาศหนาวเย็นเพื่อบ่มเพาะ.
“ตกลง.”
ซูเซียวโม่ที่โบกมือลา ตะโกนเสียงดัง “ซุยอวิ๋น ข้าจะไปหาเจ้าที่นิกายไท่เสวียนเซิ่งบ่อย ๆ!”
แม้นว่าจะกล่าวออกมาอย่างมาดมั่นอาลัยอาวรณ์ ทว่าหลังจากส่งเซี่ยซุยอวิ๋นเสร็จ เขาก็เข้าหอคอยเก็บประสบการณ์ ดินแดนลับกาลอากาศและเขตแดนลับเป็นตายเพื่อบ่มเพาะทันที.
ด้วยพลังบ่มเพาะแล้ว เขาที่ไล่หลังหลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและอีกหลายคนไม่น้อย จนเห็นอย่างชัดเจน ทำให้เวลานี้เขาต้องวางความรักเอาไว้ก่อน ต้องฝึกฝนเพิ่มระดับให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้.
......
ความขัดแย้งระหว่างนิกายนิรันดรและนิกายไท่เสวียนเซิ่ง หลังจากที่ซูเซียวโม่และเซี่ยซุยอวิ๋นเกี่ยวดองหมั้นหมายกันแล้ว ทุกอย่างก็จบลง ถือว่าเป็นจบอย่างสมบูรณ์แบบ.
“ถางจู่ลี่.”
จุนซ่างเซียวที่ไปยังโถงฝนพรำ เอ่ยออกมาว่า”ให้แจ้งไปยังทุกคนสืบหาฟางหลิงยวีให้เร็วที่สุด.
ลู่เชียนเชียนไม่สังหารสตรีผู้นี้ เพียงแค่ทำลายข้อมือและพลังบ่มเพาะเท่านั้น ทว่าเขาที่คิดว่านี่ยังคงเป็นปัญหา โจรร้ายทั้งสองนั้น ก็ยังคงเป็นอันตรายที่อาจจะนำปัญหามาได้.
“รับทราบ.”
ลี่ลั่วฉิวที่กระจายข่าวไปยังสายข่าวทันที.
ยวีหลิงหยุนขึ้นรับตำแหน่งเจ้านิกาย ฟางหลิงยวีและอาวุโสฉู่ก็จากไปเงียบ ๆ ไม่มีข่าวคราวใดเลย.
“เจ้านิกาย.”
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ลี่ลั่วฉิวที่เข้ามารายงาน“ฟางหลิงยวีราวกับหายไปในอากาศ ข้าหาทุกแห่งบนจังหวัดทั้งเก้าแล้วแต่ไม่เจอเลย.”
“บัดซบจริง ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ถามต่อ “มีข่าวเกี่ยวกับเผ่าวิญญาณหรือไม่?”
“ไม่มีเช่นกัน.”ลี่ลั่วฉิวเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เผ่านี้ซ่อนตัวได้ดีจริง ๆ สืบสวนต่อไป หากมีอะไรผิดปรกติเพียงเล็กน้อยให้รีบแจ้งข่าวกลับมา.”
“อืม.”
“ให้อาวุโสเจียงมองหาฟางหลิงยวีด้วย.”
“อาวุโสเจียงหลังจากงานหมั้นจบก็ออกจากนิกายไป.”
“ไปหาพี่สาวอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
ระดับพลังของกายาวิญญาณบรรพกาล ทำให้เขาสามารถตรวจค้นได้กว้างขึ้น แม้แต่สามารถมองผ่านม่านพลังค่ายกลได้ด้วย.
“เก้าจังหวัด แม้นว่าจะใหญ่ ทว่าด้วยเครือข่ายข้อมูลและระดับพลังของเขาไม่น่าจะหลุดสายตาไปได้.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “หากว่ายังมีชีวิตอยู่จะหาไม่เจอได้อย่างไร หรือว่าข้ามทะเลไปยังสามจังหวัดแล้ว.”
ลี่ลั่วฉิวเอ่ยสนับสนุน “ข้าก็คิดเช่นนั้น.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “รอให้อาวุโสเจียงกลับมา ข้าควรจะพาเขาข้ามทะเลไปยังจังหวัดตงไห่ยวี เผื่อว่าอาจจะโชคดี.”
“คนที่คิดถึงศิษย์และอาวุโสเช่นนี้ บางทีคงมีท่านเพียงคนเดียวแล้ว.”ลี่ลั่วฉิวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วดีเพียงนี้ ต้องรักแล้ว.”
......
ภายในถ้ำที่มืดมิด
อาวุโสฉู่ที่นั่งสมาธิ ใบหน้าซีดเซียว กำลังโคจรพลังบ่มเพาะอยู่ หากแต่ยากจะที่จะเชื่อมต่อกับจุนตานเถียนได้.
พลังบ่มเพาะของนางยังมีระดับปราชญ์แน่นอน เพียงแต่ชีพจรทั่วร่างที่เสียหาย จึงทำให้ไม่สามารถนำพลังมาใช้ได้.
แน่นอน.
หากว่ามีสมบัติฟ้าดินแล้วล่ะก็ บางทีคงจะสามารถฟื้นฟูชีพจรกลับคืนมาได้.
ที่ด้านข้างฟางหลิงยวี ไม่เพียงแค่ข้อมือถูกเฉือน แกนวิญญาณที่จุดตานเถียนก็แตกสลาย สูญเสียพลังยุทธ์ไปอย่างสิ้นเชิง.
“น่ารังเกียจนัก!”
อาวุโสฉู่ที่โกรธเกรี้ยวไม่ยินดี “หากรู้ว่าลู่เชียนเชียนเข้าร่วมนิกายนิรันดร น่าจะไล่ล่าไปสังหารนางก่อนซะ!”
“อาจารย์.”
ฟางหลิงยวีที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ตอนนี้ก็ยังไม่สาย.”
ความเกลียดชังของนางนั้นไม่ได้ด้อยกว่าอาวุโสฉู่ เพราะว่าในอดีตนางอิจฉาพาลู่เชียนชียนมีกายาเหมันต์ที่ทรงพลังกว่านาง ทำให้นางวางแผนร้ายจัดการอีกฝ่ายช้า ๆ จนท้ายที่สุดก็กำจัดออกจากนิกายไปได้!
“เฮ้อ.”
อาวุโสฉู่ที่ส่ายหน้าไปมา “ศิษย์ข้า พวกเราจะทำได้อย่างไร?”
“อาจารย์.”ฟางหลิงยวีที่ประคองแขนของนาง “พลังบ่มเพาะของท่านมอบให้ศิษย์เถอะ ศิษย์จะไปแก้แค้นแทนท่านเอง.”
“มอบพลังบ่มเพาะให้กับเจ้าอย่างงั้นรึ?”
อาวุโสฉู่ที่แววตาตื่นตะหนก.
“แก๊ก!”
ในเวลานั้น ฟางหลิงยวีที่ยื่นมือออกไปปะทับที่หน้าผากของนาง แววตาของนางที่มีแสงสีเขียว ราวอับอสุรกาย ที่ตื่นขึ้นมาจากขุมนรก!
“เจ้า....เจ้าจะทำอะไร!”
“อ๊ากกกก -----”
เสียงของนางที่ดังก้องไปทั่วถ้ำ พลังที่แปลกประหลาดกำลังดูดซับพลังบ่มเพาะทั้งหมดของนางไป.
หลังจากเสร็จสิ้น ฟางหลิงยวีที่ยืนอยู่กับที่ ขณะนางยกมือขึ้น ชีพจรแกนวิญญาณของนางที่ฟื้นฟูกลับสู่ปรกติ นางที่เอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ“จริง ๆ! จริง ๆ ด้วย!”
“สาวน้อย.”
เสียงที่มืดมิดดังก้องในหูของนาง “ตอนนี้เชื่อหรือยัง?”
ฟางหลิงยวีที่ทำใจให้เย็นลง “หากข้ากลืนกินพลังอีก จะช่วยเพิ่มพลังบ่มเพาะให้ข้าได้อีกอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด.”
เสียงที่มืดมิดดังขึ้น “ทว่าหากว่าเจ้าต้องการแข็งแกร่งขึ้นเร็ว ๆ เจ้าจะต้องไปที่จังหวัดเป่ยโม่ มันมีวิธีช่วยทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอยู่!”
“จังหวัดเป่ยโม่รึ?”
ฟางหลิงยวีที่ครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะออกเดินทางทันที.
ส่วนอาวุโสฉู่ ตอนนี้กลายเป็นศพแห้งนอนอยู่ในถ้ำ ท่าทางที่หมดสภาพดูน่าเกียจ ก่อนตาย บ่งบอกได้ว่านางเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก.
ทำลายพลังบ่มเพาะลู่เชียนเชียน นางก็ยังรอดชีวิตมาได้ กล่าวได้ว่าโชคดีแล้ว แต่ท้ายที่สุดก็ต้องมาตายด้วยศิษย์รักของตน แม้แต่ถูกสูบพลังบ่มเพาะ ตายอย่างอนาถอีกด้วย.
......
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
ฟางหลิงยวีจากไปไม่นาน คนของหอฝนพรำก็ปรากฏขึ้นที่ถ้ำดังกล่าว หลังจากพบศพแห้งตาย.
เพราะได้ถูกกำชับมาก่อนแล้ว พวกเขาที่ไม่กล้าละเลย รีบแจ้งข่าวเกี่ยวกับศพแห้งเหี่ยว กลับนิกายนิรันดรทันที.
จุนซ่างเซียวหลังจากรีบมาตรวจสอบ แววตาของเขาที่กลายเป็นเย็นชาเอ่ยออกมาว่า“เผ่าวิญญาณ!”