Chapter 1075 เพื่อศิษย์ จึงมาพูดคุยเรื่องแต่งงาน
ซูเซียวโม่และเซี่ยซุยอวิ๋นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ก่อนหน้านี้เขาวางแผนเอาไว้มากมายเพื่อคิดแผนเผื่อเรื่องนี้เอาไว้ ก่อนจะใช้สถานะจริง เขาจะค่อย ๆ ทำให้นางยอมรับสถานะใหม่.
ทว่าการที่จุนซ่างเซียวมาในครั้งนี้ กับทำให้เขาต้องเผยออกมาในทันที.
โกวเซิ่ง.
เจ้าต้องการเป็นโสดอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ทำไปสิ ทำไมถึงได้ต้องทำให้ศิษย์กลายเป็นหมาโสดไปด้วยล่ะ!
“เซี่ยซุยอวิ่น!”
ในเวลานั้น ซูเซียวโม่ที่ยื่นกระบี่เจิ้นหยางให้กับนาง กล่าวอย่างจริงจัง“ข้าจะแสดงความจริงใจให้กับเจ้าได้เห็น หากเจ้าไม่เชื่อก็แทงเข้ามาได้เลย!”
“......”
จุนซ่างเซียวที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
ศิษย์ของข้า เล่นใหญ่ไปไหม!
“ฟิ้ว!”
เซี่ยซุยอวิ๋นที่รับกระบี่เจิ้นหยางมา ยกกระบี่ชี้ไปที่อกของเขา จนกระทั่งมันสัมผัสกับเสื้อของเขาก็หยุดลง.
นางเกลียดตัวเอง ทำไมถึงไม่กล้าลงมือ!
“พรึด ซี่!”
ซูเซียวโม่ที่ก้าวไปด้านหน้า อกของเขาที่ถูกกระบี่เสียบเข้ามา โลหิตที่ไหลอาบไปทั่วเสื้อผ้า.
เซี่ยซุยอวิ๋นที่ใบหน้าเปลี่ยนสี เร่งรีบถอยกระบี่ออกมาอย่างรวดเร็ว.
หากแต่ซูเซียวโม่ยกมือขึ้นคว้าคมกระบี่ไว้ เอ่ยออกมาว่า“คนที่รักและจริงใจอยู่ต่อหน้าแล้ว แต่ข้ากับไม่หวงแหน เมื่อสูญเสียไปถึงได้ตระหนัก ว่าโลกทั้งโลกมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หากสวรรค์ให้โอกาสกับข้าอีกสักครั้ง ข้าจะบอกับนางว่าข้ารักนาง.”
“ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง!”
คมกระบี่ที่บาดมือ โลหิตที่หยดลงพื้นเป็นระยะ ๆ.
ซูเซียวโม่ที่ก้าวเดินต่อไปด้านหน้า ให้กระบี่แทงลึกเข้ามา เผยให้เห็นความเจ็บปวด“หากว่ามันยังไม่สายไป ข้าหวังจะพูดเช่นนี้.....ชั่วนิรันดร!”
คำพูด ท่าทาง.
ถูกจังหวะและเวลาอันถูกต้อง!
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ“โชคดี พูดออกมาได้ไม่เลว!”
กับคำว่ารัก เหล่าเหว่ยไม่จำเป็นต้องสอน เขาสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง.
ผลที่ได้ไม่เลว.
เซี่ยซุยอวิ๋นที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวนั้น ร่างของนางที่นิ่งงันไป.
นางที่คิดถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ก่อนที่จะปล่อยวางกระบี่ ก่อนที่จะนั่งซบหน้าร้องไห้.
......
นิกายไท่เสวียนเซิ่ง.
ด้านหน้าเจ้านิกายและเหล่าอาวุโสที่รวมกันที่ห้องโถง.
ที่ลานยุทธ์ศิษย์เผยอาวุธครบมือตั้งท่าระวัง ดูเหมือนจะอยู่ในสภาวะวิกฤติแล้ว!
ที่ทางเข้า.
ฟางหลิงหยวีและศิษย์สายในสี่คน ถูกพลังวิญญาณยกลอยอยู่บนอากาศ.
ที่น่าอนาถที่สุดคงเป็นอาวุโสฉู่ ที่ตอนนี้ถูกมันแขนขาอยู่ที่ทางเข้ากำลังดิ้นรนไปมาไปมา.
เหล่าอาวุโสนิกายไท่เสวียนเซิ่งเวลานี้แต่ละคนดวงตาลุกวาว.
กับนิกายระดับต้น ๆ การที่ศิษย์และคนระดับสูงถูกจับมัดเอาไว้ที่ทางเข้า ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและหากข่าวกระจายออกไปจะต้องสร้างความอับอายอย่างแน่นอน!
“ตาเฒ่าจุนเทียน!”
เจ้านิกายไท่เสวียนเซิ่งที่กล่าวออกมาด้วยความโกรธ “เจ้าทำเช่นนี้ต้องการอะไร!”
จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่ด้วยรูปร่างชายชราที่เหมือนกับปราชญ์ ยืนมือขัดหลังเอ่ยออกมาว่า“ศิษย์นิกายของเจ้าต้องการทำลายศิษย์เปิ่นจั้ว อาวุโสของเจ้าต้องการทำลายพลังบ่มเพาะศิษย์เปิ่นจั้ว วันนี้เปิ่นจั้วจึงต้องการมาทวงความยุติธรรมโดยเฉพาะ.”
ทวงความยุติธรรม?
ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว.
หากไม่เพราะว่าอีกฝ่ายแผ่กลิ่นอายปราชญ์สองวิถียุทธ์และกระบี่ออกมา เหล่าตัวตนระดับสูงนิกายไท่เสวียนเซิ่งคงลงมือไปแล้ว!
“แน่นอน.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวออกมา“เปิ่นจั้วก็มีเรื่องที่จะหารือด้วยเช่นกัน ขอให้อาวุโสเซี่ยรับปาก.”
อาวุโสเซี่ยที่ยืนอยู่หน้าห้องโถงด้วยท่าทางงงงวย.
“ศิษย์ลำดับสามและหลานสาวของเจ้าพวกเขามีความรู้สึกให้กันและกัน เปิ่นจั้ว....”ในเวลานั้น จุนซ่างเซียวที่เผยใบหน้าที่แท้จริง คืนกลับสู่รูปลักษณ์เดิม พร้อมกับเผยยิ้มออกมา “จึงต้องการพูดคุยเรื่องแต่งงานกันโดยเฉพาะ.”
“จุน......จุนซ่างเซียว!”
เหล่าคนระดับสูงของนิกายไท่เสวียนเซิ่งที่ใบหน้าเปลี่ยนสีไปในทันที.
โดยเฉพาะกลุ่มอาวุโสที่เข้าไปในพิภพสงคราม ต้องดวงตาเบิกกว้างกลมโต เห็นชัดเจนว่าคาดไม่ถึงอย่างแรง คนที่เรียกตัวเองว่าตาเฒ่าจุนเทียน คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้านิกายนิรันดร!
ศิษย์เขาล่ะ?
ศิษย์ลับดับสาม?
เฮ้ย!
ซูจินถังคือสายลับรึ?!
“ทุกท่าน.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า.“ที่ผ่านมานี้ต้องขอบคุณที่ช่วยดูแลศิษย์ของเปิ่นจั้ว.”
คำพูดของเขา ราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็กกระจ้อยร่อยเท่านั้น.
แม้นว่าเหล่าคนระดับสูงของนิกายไท่เสวียนเซิ่งจะไม่อ่อนแอ ทว่าก็รู้สึกโลหิตไหลซิบ ๆ จากหัวใจเช่นกัน!
“อาวุโสเซี่ย.”
จุนซางเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วได้เผยสถานะแล้ว ต้องการบอกเจ้าและนิกายไท่เสวียนเซิ่ง ศิษย์ของเปิ่นจั้วคู่ควรจะคบกับสตรีคนใดก็ได้ในพิภพนี้.”
เรื่องก่อนหน้านี้เขาเกือบทำให้ซูเซียวโม่และเซี่ยซุยอวิ๋นตัดขาดกัน มันเป็นเรื่องผิดพลาดจากเขา ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิด ดังนั้นจึงต้องการส่งเสริมพวกเขาทั้งสอง.
นิกายไท่เสวียนเซิ่งไม่ได้ขัดขวางให้ศิษย์มีความรัก นิกายนิรันดรเองก็เช่นกัน หากทั้งสองมีใจให้กัน พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามปรามใด ๆ.
คำพูดของจุนซ่างเซียวเอ่ยมานี้ จุนซ่างเซียวเพียงต้องการให้พวกเขารับ ไม่สามารถต้านได้!
คำพูดดังกล่าวนี้ก็จะผูกพัน ให้พวกเขาเอ่ยกล่าวเรื่องแต่งงานแทน ไม่ต้องเอ่ยเกี่ยวกับการที่ซูเซียวโม่ปลอมตัวเข้ามาเลยรึ?
“แน่นอน.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “อาวุโสเซี่ยสามารถที่จะปฏิเสธได้ ทว่าต้องรู้ด้วยว่าผลจะเป็นอย่างไร เปิ่นจั้วคงไม่อยู่เฉยที่จะทวงหนี้กับนิกายไท่เสวียนเซิ่งของเจ้า.”
ข่มขู่!
เป็นคำพูดที่ไม่ให้ปฏิเสธเลย!
อาวุโสเซี่ยที่กลายเป็นอัปลักษณ์.
เจ้านิกายนิรันดรนั้นทรงพลังมาก เจ้านิกายและคนระดับสูงต่างก็รู้ซึ้งเรี่องนี้ดี ยิ่งก่อนหน้านี้พวกเขาได้เห็นกับตาในพิภพสงคราม และทวีปชิงหยุนยังติดหนี้เขาอีกด้วย เมื่อเอ่ยเช่นนี้จะให้เขาเลือกอะไรได้อีกล่ะ?
“หากศิษย์ของข้าและศิษย์ของนิกายท่านเกี่ยวดองกัน ก็เป็นเหมือนกับญาติพี่น้องกัน ความแค้นใด ๆ ในอดีตก็จะหายไปทั้งหมด.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เขาต้องการให้ซูเซียวโม่และเซี่ยซุยอวิ๋นครองคู่กัน แม้นว่าจะใช้วิธีเผด็จการไปหน่อยก็ตาม.
เจ้านิกายไท่เสวียนเซิ่งได้ยินคำพูดดังกล่าว แววตาที่ส่ายไปมา.
กล่าวตามตรง เขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับจุนซ่างเซียวเช่นกัน ต้องไม่ลืมว่าเขาได้รับข้อมูลจากปากของอาวุโสที่เข้าไปในพิภพสงครามแล้ว ว่าความแข็งแกร่งอีกฝ่ายนั้นทำให้พิภพใหญ่ต่างก็หวาดผวาไปตาม ๆ กัน!
หากเซี่ยซุยอวิ๋นแต่งกับศิษย์ของอีกฝ่าย ก็ทำให้นิกายทั้งสองเกี่ยวดองกัน เป็นผลดีกับนิกายไท่เสวียนเซิ่งด้วยซ้ำ!
“อาวุโสเซี่ย.”
อาวุโสสามที่กล่าวเสียงเบา “เพื่อนิกายแล้ว ท่านต้องพิจารณาให้ดี.”
นี่ไม่ใช่แค่การบอกกล่าว แต่เป็นการย้ำเตือน.
“เจ้านิกายจุน!”
หลังจากที่อาวุโสเซี่ยครุ่นคิด ก็ยกมือประสานไปด้านหน้า"เรื่องแต่งนั้นไม่สามารถจะทำเป็นเล่นได้ จะต้องถามซุยอวิ๋นก่อน.”
เขาไม่กล้าเอ่ยตัดสินใจ ทว่าเลือกที่จะถามหลานสาวของตัวเองก่อน ต้องไม่ลืมว่านี่เป็นความสุขทุกข์ของนาง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะละเลยคำขู่อีกฝ่ายเช่นกัน.
“แม่นางเซี่ย.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าเห็นด้วยหรือไม่?”
ทุกคนที่จับจ้องมองไปที่ประตู เซี่ยซุยอวิ๋นที่ดวงตาแดงบวม ก้าวเข้ามา.
ซูเซียวโม่ที่ก้าวตามหลังนางมา ด้วยท่าทางไม่ค่อยสู้ดีนัก.
“เจ้านิกายจุน.”
เซี่ยซุยอวิ๋นที่หยุดที่หน้าประตู จ้องมองมาที่เขา“หากข้าไม่เห็นด้วย ท่านต้องการที่จะล่วงเกินนิกายที่เสวียนเซิ่งของข้าอย่างงั้นรึ?”
“เป็นเช่นนั้น.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวออกมาทันที.
“ทำไม?”
“เพราะลู่เชียนเชียน นางคือศิษย์หญิงใหญ่ของเปิ่นจั้ว.”
เซี่ยซุยอวิ๋นที่เผยยิ้มอย่างขมขื่น “แท้จริง แต่แรกแล้วเพราะศิษย์พี่ลู่ถูกทำลายพลังบ่มเพาะและไล่ออก ท่านจึงส่งเขาเข้ามาเป็นสายลับสืบข่าว.”
“ถูกทำลายพลังบ่มเพาะรึ?”
แววตาของจุนซ่างเซียวที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ก่อนที่จะจ้องมองไปยังซูเซียวโม่ กล่าวด้วยความเคร่งขรึม“หมายความว่าอย่างไร?”
“......”
ซูเซียวโม่กลายเป็นเงียบ.
เรื่องเกี่ยวกับที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่ถูกทำลายพลังบ่มเพาะ เขาปกปิดไม่กล้าบอกเจ้านิกาย กลัวว่าจะระเบิดลง ท้ายที่สุด.....กับถูกเซี่ยซุยอวิ๋นกล่าวออกมาอย่างไม่ตั้งใจ!
งามใส้ จบสิ้นแล้ว.
บางทีนิกายไท่เสวียนเซิ่งเวลานี้คงเลือดสาดจริง ๆแล้ว!