Chapter 1074 ข้าเป็นศิษย์นิกายนิรันดร ข้าคือซูเซียวโม่.
เป้าหมายที่ให้ซูเซียวโม่แฝงตัวเข้าในนิกายไท่เสวียนเซิ่งตั้งแต่แรก ไม่ใช่เพราะสืบสวนเรื่องลู่เชียนเชียนและฟางหลิงยวีหรอกรึ?
ตอนนี้ จุนซ่างเซียวที่มาสนับสนุน และพบเข้ากับโจทย์ คู่แค้นของศิษย์หญิงใหญ่ ความโกรธที่มากล้น ไม่สามารถระงับเอาไว้ได้ในทันที!
ข้าจะทุบนาง!
เวลานี้เขาได้เสียอาการไปในทันที.
ดังนั้น พลังวิญญาณของเขาที่ปะทุ ฉุดร่างของฟางหลิงยวี ลอยกระเด็นกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น แม้แต่ลืมว่าตัวเองนั้นใช้สถานะตาเฒ่าจุนเทียนอยู่.
ว่าแต่ลืม แล้วมันอย่างไรล่ะ?
ข่มเหงศิษย์หญิงใหญ่ของข้า นอกจากนี้ยังใช้แผนการยืมมีดฆ่าคนล่อสัตว์วิญญาณมาสังหารศิษย์คนที่สามอีก.
บิดาจะให้นิกายไท่เสวียนเซิ่งได้รับรู้ ว่าจะมีใครสามารถช่วยไม่ให้ข้าจัดการสตรีผู้นี้อีก.
จุนซ่างเซียวไม่ได้บ้าคลั่งใด ๆ แต่เป็นนิสัยปรกติของเขาเท่านั้น.
“ตูมมม!”
“ตูมมม!”
“ตูมมม!”
หลังจากถูกทุบอย่างบ้าคลัง ฟางหลิงยวีก็หมดสติไปในทันที.
การทุบสตรีนี้ แม้แต่ในอดีตเจ้าวังเก้าพิษ โกวเซิ่งก็จัดการมาแล้ว ไม่มีอ่อนโยนแม้สตรีนั้นจะงดงามอย่างไรก็ตาม.
“......”
ซูเซียวโม่ที่หมดคำจะพูดเหมือนกัน.
เจ้านิกายที่โกรธเกรี้ยวเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเส้นทางสายลับของเขาก็จบสิ้นแล้ว!
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร!
การที่ลอบเข้ามาในนิกายไท่เสวียนเซิ่งแม้แต่ได้กลายเป็นศิษย์สายในได้ก็ตาม เรื่องนี้ก็ควรจะพอแค่นี้.
“พรึด โครม!”
ฟางหลิงยวีที่ถูกโยนลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยโคลน.
อาวุโสฉู่ที่มองอีกฝ่ายทุบศิษย์ตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนท้ายที่สุดจะไม่สามารถทนได้ พร้อมกับตะโกนเสียงดัง “ตาเฒ่าจุนเทียน เจ้าทำเกินไปแล้ว!”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวไปปรากฏที่ด้านหน้าของนาง กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ได้ยินมาว่าเจ้าต้องการจะทำลายพลังบ่มเพาะศิษย์เปิ่นจั้ว ก่อนหน้านี้อย่างงั้นรึ?”
“ไม่ได้การแล้ว!”
อาวุโสฉู่ที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.
“ตูมมมมม---”
หมัดที่เต็มไปด้วยอำนาจกระบี่ต่อยร่างของนางกระเด็นชนกำแพงทันที!
“วึง วึง วึง!”
ภายใต้กลิ่นอายที่ทรงพลังและแข็งแกร่ง ทั่งทั้งถ้ำอสูรมังกรที่สั่นไหวอย่างรุนแรง.
สัตว์วิญญาณมากมายที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทรงพลังแข็งแกร่ง ต่างก็ตื่นตกใจวิ่งหนีลึกเข้าไปในทันที.
ซูเซียวโม่คาดเดาไม่ผิด ภายในถ้ำความจริงนั้นมีสัตว์วิญญาณมากมายอย่างคาดไม่ถึง ด้วยพลังของเจ้านิกายจะทำให้พวกมันวิ่งหนีหายไปหมด.
“นังแก่ผี.”
จุนซ่างเซียวที่ดึงหมัดกลับมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ศิษย์ของเปิ่นจั้วหากใครกล้าทำลายพลังบ่มเพาะ นิกายไท่เสวียนเซิ่งจะต้องถูกลบจากยุทธภพแน่.”
คำพูดเหล่านั้นดูน่าเกรงขามอหังการสุด ๆ!
เขาที่เอ่ยกล่าวออกมาด้วยสถานะของตัวตนของเจ้านิกาย.
อาวุโสฉุ่ที่บาดเจ็บติดอยู่ในผนังในใจที่เต็มไปด้วยความสงสัย ตาเฒ่าจุนเทียนไม่ใช่ผู้ฝึกตนไร้สังกัดหรอกรึ? ทำไมไม่ใช่คำว่าศิษย์ส่วนตัว(徒)? ทำไมถึงใช้คำว่าศิษย์นิกาย(弟子) กัน?
ศิษย์คนโต ที่เขาเอ่ยก่อนหน้านี้ หมายถึงซูจินถังหรือไม่?
เซี่ยซุยอวิ๋นที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต ไม่คาดคิดเลยว่าอาจารย์ของโกวเซิ่งจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แม้แต่สามารถทุบอาวุโสฉู่ที่เป็นปราชญ์ยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย!
“เซียวโม่.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วจะพาเจ้าไปทวงความยุติธรรมจากนิกายไท่เสวียนเซิ่งเอง!”
“......”
ใบหน้าของซูเซียวโม่ที่เผยท่าทางเอ๋อเหรอออกมาทันที.
เจ้านิกาย ท่านเรียกชื่อข้าผิดแล้ว นี่ต้องการให้ข้าจบการเป็นสายลับตอนนี้เลยรึ?
จากนี้ข้าก็เป็นสายลับต่อไปไม่ได้อีกนะสิ.
เขายังมีเซี่ยซุยอวิ๋นที่ยังใส่ใจ จะอธิบายนางอย่างไร?
เขาเพิ่งที่จะได้สนิทสนมกับนาง ทว่าหากว่าไม่สามารถใช้สถานะสายลับได้แล้ว ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรล่ะ?
กล่าวตามตรงซูเซียวไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับสถานะสายลับจะถูกเผย ทว่าเขาต้องการที่จะสารภาพจัดการเรื่องของเซี่ยซุยอวิ๋นก่อน.
เขาต้องการนำนางออกมา.
เขาต้องการนำนางกลับนิกายนิรันดร!
ซูเซียวโม่เชื่อว่าเจ้านิกายจะไม่ปฏิเสธ.
อย่างไรก็ตาม เซี่ยซุยอวิ๋นจะเห็นด้วยรึไม่? นั่นล่ะคือปัญหา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องปลอมตัวอยู่เพื่อที่จะกล่อมนางก่อน.
เขาได้วางแผนไว้ดีแล้ว.
อย่างไรก็ตาม มันกับไม่ได้เป็นไปตามที่คิด!
การที่เจ้านิกายเผยเรื่องออกมาตอนนี้ สิ่งที่เขาวางไว้ ก็จะไม่มีเวลาพอที่จะดำเนินการ!
“เซียวโม่?”
เซี่ยซุยอวิ๋นจ้องมองเขาด้วยความสงสัย.
ซูเซียวโม่ที่ได้แต่ก้มหน้า แม้แต่คำรามในใจ “เจ้านิกายจะไม่ให้ข้าเป็นสายลับต่อแล้วสินะ!”
หากเป็นพวกราชาสัตว์จื่อหลิน แม้นว่าเขาจะไม่ร่วมมือ ก็ไม่ใช่ปัญหา ทว่าต่อหน้าเจ้านิกาย เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยจริง ๆ!
“เสี่ยวโม่.”
จุนซ่างเซียวกล่าวตอบกลับ “ไม่จำเป็นต้องซ่อน บอกสถานะที่แท้จริงของเจ้าไป.”
“......”
ใบหน้าของซูเซียวโม่ถึงกับแข็งไปในทันที.
ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถขัดขืนได้แล้วจริง ๆ!
“เจ้านิกาย ข้า....”ซูเซียวโม่ที่ลังเล เขาเกรงว่าเอ่ยสถานะจริงไปแล้ว จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซี่ยซุยอวิ๋นไปจนหมด.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “สตรีผู้นี้คงจะเป็นเซี่ยซุยอวิ๋น ในเมื่อเจ้าชอบนาง ก็ควรจะเผยความรู้สึกจริงด้วยสถานะจริง หากใช้เพียงแค่สถานะตัวปลอมมันแทบจะไร้ความหวังและอนาคต.”
“......”
ซูเซียวโม่ที่ใบหน้ากลายเป็นตะลึงงัน.
คำพูดของเจ้านิกาย บางทีคงไปปรึกษาเหล่าเหว่ยมาอย่างงั้นรึ?
ไม่เลย!
เหล่าเหว่ยสามารถสอนเขาได้ แต่ไม่มีทางสอนจุนซ่างเซียวได้!
“ข้าเข้าใจ...”ซูเซียวโม่ที่กำหมัดแน่น ก่อนที่จะจ้องมองไปยังสตรีของเขา เอ่ยออกมาว่า“ข้าขอโทษ....ข้า...ข้า.....”
คำพูดกุกกัก เห็นชัดเจนว่ามันยากจะเอ่ยออกมา.
คำพูดที่ราวกับมันติดอยู่ที่ลำคอ!
เซี่ยซุยอวิ๋นที่สังหรณ์ใจไม่ดี กล่าวเสียงสั่น“เจ้าต้องการพูดอะไร?”
“ฟิ้ว!”
ซูเซียวโม่ที่พูดไม่ออก ทำได้แค่ยกมือขึ้น พร้อมกับนำหน้ากากแปลงกาย เผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา.
ใบหน้าที่นางคุ้นเคยในเวลาต่อมาได้กลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว เซี่ยซุยอวิ๋นที่ยืนงงเป็นไก่ไม้ ก่อนที่จะยกมือขึ้นปิดปาก น้ำตาไหลออกมาพร้อมกับโอดครวญ“เจ้า...เจ้าไม่ใช่ซูจินถัง!”
“ข้าไม่ใช่ซูจินถัง.”
“ข้าไม่ใช่โกวเซิ่ง.”
เห็นนางสะอื้นต่อหน้า หัวใจของซูเซียวโม่ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด กล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “ข้าเป็นศิษย์นิกายนิรันดร ข้าคือซูเซียวโม่!”
ในเวลานั้น เซี่ยซุยอวิ๋นก็เข้าใจทันทีว่าหน้าที่แปลกประหลาดนี้เคยเห็นที่ใหน ที่จริงเขาก็คือศิษย์ที่โดดเด่นด้านท่าเท้าในงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรนี่เอง.
อาวุโสฉู่ที่โกรธตะโกนออกมาเสียงดัง“แท้จริงแล้วเจ้าคือสายลับ!”
ซูเซียวโม่ไม่ได้สนใจนังแก่ผีแต่อย่างใด เขาที่มายืนอยู่ด้านหน้าเซี่ยซุยอวิ๋นเอ่ยออกมาว่า“ข้าหลอกทุกคนในนิกายไท่เสวียนเซิ่ง ทว่าข้าไม่เคยหลอกลวงเจ้า เพราะว่าหัวใจข้า......”
“เผลี๊ยะ!!!!!!!!!”
เสียงตบที่ดังสนั่นก้องไปทั่วถ้ำ.
เซี่ยซุยอวิ๋นที่ขบฟัน ดวงตาที่มีน้ำตาไหลแววตาเผยความเกลียดชัง.
สตรีที่เย็นชายอมที่จะละลายมัน ไม่แม้แต่ลังเล กล่าวรับว่าเป็นคู่รักกัน ต่อหน้าศิษย์พี่ฟาง.
คนที่นางยอมรับคือซูจินถัง โกวเซิ่งคนนั้นต่างหาก ไม่ใช่ซูเซียวโม่ศิษย์นิกายนิรันดร!
ตอนนี้ซูจินถังและโกวเซิ่งมันไม่มีอีกแล้ว.
ภาพของอีกฝ่ายได้สลายหายไปแล้ว.
ไม่มีอีกแล้ว.
ความเจ็บปวดรวดร้าวที่หัวใจ มันมากมายยิ่งกว่าซูเซียวโม่หลายร้อยหลายพันเท่า!
“ขอโทษ! ข้าขอโทษ!”
ในเวลานี้ใบหน้าของซูเซียวโม่ที่มีรอยฝ่ามือสีแดงประทับอยู่.
เขาที่ปล่อยให้เซี่ยซุนอวิ๋นตบ โดยที่ไม่ใช้พลังต้านใด ๆ ใบหน้าของเขาแม้นว่าจะเจ็บ ทว่ากับรู้สึกเศร้า กังวลใจ แม้แต่เจ็บปวดที่หัวใจมากกว่าอีก.
เขาคิดแล้วว่าวันหนึ่งจะมาถึง ไม่คิดเลยว่าเมื่อถึงวันนั้นมันจะเจ็บปวดเศร้าขนาดนี้!
เซี่ยซุยอวิ๋นที่จ้องมองเขาด้วยความโกรธ ร้องไห้สะอื้นออกมาเป็นระยะ ๆ.
สิบแปดมงกุฏ!
เจ้าคนหลอกลวง!
ซูเซียวโม่ที่เจ็บปวดมากขึ้นและก็มากขึ้น.
เขาที่ต้องการจะยกมือขึ้นโอบกอดนางไว้ ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเขาเอง เขาก็ไม่มีความกล้าแล้ว.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่ได้แต่สายหน้า.
หากรู้ว่าเจ้าจะมีความรู้สึกที่จริงจังขนาดนี้ เปิ่นจั้วคงไม่ขอให้เจ้าเข้ามาเป็นสายลับ.