ตอนที่ 72 ความอิจฉา
ตอนที่ 72 ความอิจฉา
ภาพวาดที่ต้องการเป็นภาพเหมือน ไอร่าจึงรับผิดชอบอันหนักหน่วงนี้ด้วยตนเอง
เธอเรียนศิลปะมาหลายปีแล้ว การวาดภาพบุคคลคงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอ
ไอร่าจุ่มนิ้วของเธอลงในเลือดสัตว์ และวาดภาพเซฟาโล่บนแผ่นหนังสัตว์
ก่อนที่เลือดจะแห้ง เธอหยิบหนังสะอาดอีกแผ่นมาวางบนภาพเหมือนภาพแรกเพื่อสร้างภาพเหมือนที่เหมือนกัน
สิ่งนี้ดำเนินต่อไปและต่อไป เธอใช้วิธีการเดียวกันนี้เพื่อสร้างภาพเหมือนสิบภาพ
คอนริและเชร์กำลังเฝ้าดูจากด้านข้าง พวกเขาประหลาดใจและเป็นกังวล
ไอร่าไม่เพียงแต่รู้จักศิลปะเท่านั้น แต่เธอยังสามารถอ่านและวาดรูปได้อีกด้วย เธอรู้มากเกินไป
เป็นผู้หญิงที่โดดเด่นขนาดนี้ พวกเขาทั้งสองกังวลว่าพวกเขาจะไม่คู่ควรกับเธอ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อยกระดับของสัตว์วิญญาณ เพื่อที่พวกเขาจะไม่ถูกหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ทิ้งห่างในอนาคต
ไอร่าไม่รู้ว่าท่าทีสบาย ๆ ของเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับชายหนุ่มทั้งสองคนของเธอ เธอส่งภาพวาดให้คอนริและพูดด้วยความเขินอายว่า “ข้าไม่ได้วาดภาพมานานแล้ว ฝีมือไม่ดีนัก อย่าหัวเราะเยาะเสียล่ะ”
คอนริและเชร์ดูภาพบุคคลและรู้สึกว่าภาพเหล่านั้นเหมือนจริง ใบหน้าของเซฟาโล่ชัดเจนมาก ใครก็ตามที่เห็นภาพเหล่านั้นจะต้องจำเขาได้อย่างแน่นอน
คอนริดูจะภูมิใจในตัวเอง
“เจ้าวาดได้ดี ไม่มีใครวาดได้ดีเท่าเจ้าแล้วล่ะ”
ไอร่าเขินอายเมื่อได้รับคำชม
คอนริเก็บภาพบุคคลอย่างระมัดระวัง จู่ ๆ เขาก็ถามว่า “ในอนาคต เมื่อเจ้าคลอดลูกของเรา เจ้าจะสอนพวกเขาวาดรูปด้วยได้หรือไม่”
หลังจากนั้นเขาก็หุบปากและรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ความรู้ทางภาษามีค่ามาก เฉพาะราชวงศ์และผู้ที่อาศัยอยู่ในวิหารในเมืองหลักเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้ความรู้เหล่านั้นได้ อสูรธรรมดาไม่กล้าที่จะฝันถึงมัน
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดไอร่าถึงมีความรู้มากมายขนาดนี้ แต่คงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอที่จะเรียนรู้ความรู้นั้น เขาจะขอให้เธอถ่ายทอดความรู้อันล้ำค่านั้นให้กับสัตว์อสูรตัวอื่นได้อย่างไร
คอนริกังวลและเตรียมพร้อมที่จะถูกปฏิเสธ
โดยไม่คาดคิดไอร่าตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด “ได้สิ ข้ารู้ไม่มากนัก แต่ข้าจะสอนให้เด็กเหล่านั้นอ่านหนังสือ”
ไม่เพียงแต่คอนริเท่านั้น แม้แต่เชร์ซึ่งมักจะไม่แสดงออกก็ยังดูประหลาดใจ
เธอตอบตกลงทันทีราวกับว่าเธอไม่สนใจความรู้อันแสนล้ำค่านั้นเลย
เธอโง่เกินไปหรือซื่อตรงเกินไป!
ถึงตาของคอนริที่ต้องลังเล “เหตุใดเจ้าถึงไม่พิจารณาดูอีกครั้ง อย่างไรเสีย ความรู้ก็มีค่ามาก...”
“เจ้าพูดเรื่องอะไร ความรู้เป็นสิ่งล้ำค่าก็จริง แต่จะล้ำค่าไปกว่าลูกหลานของเราได้หรืออย่างไร”
คอนริรู้สึกประทับใจกับคำพูดของเธอเป็นอย่างมาก
ไอร่าจับมือของเขาและเชร์ เธอพูดอย่างจริงจัง “ข้าจะสอนทุกสิ่งที่ข้ารู้ให้กับลูกของเรา ในอนาคตชีวิต”
คอนริและเชร์รู้สึกประทับใจกับคำพูดของเธอ
เมื่อพวกเขาพบกับไอร่าครั้งแรก พวกเขาคิดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่ารัก ยิ่งพวกเขาใช้เวลากับเธอนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งค้นพบจุดแข็งของเธอและแรงดึงดูดที่เธอมีต่อพวกเขามากขึ้นเท่านั้น พวกเขาตกหลุมรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกครั้งที่พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะใจดีกับเธอ พวกเขาก็ตระหนักว่ามันยังไม่เพียงพอ
พวกเขาต้องปฏิบัติต่อเธอให้ดีขึ้น ดีจนเธอจะไม่มีวันทิ้งพวกเขาไปอีก
...
ทุกอย่างในแผงที่พวกเขาตั้งขึ้นในวันนี้ถูกมักกะลีซื้อไปทั้งหมด แต่เธอยังมีผักและผลไม้มากมายอยู่ในพื้นที่จัดเก็บในวงแหวน
เมื่อไม่มีใครเห็น พวกเขาก็นำบางส่วนออกมาจากพื้นที่นั้นมาวางบนแผงขายของ
คอนรินำภาพบุคคลไปให้ผู้นำของเผ่าม้าป่า
คำสั่งที่ต้องการไม่ใช่สิ่งที่สามารถจัดการได้โดยชนเผ่าหมาป่าหินเพียงลำพัง พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเผ่าอื่น ในฐานะพันธมิตรที่เคยร่วมงานกับเผ่าหมาป่าหินมาก่อน เผ่าม้าป่ากลายเป็นเป้าหมายแรกที่คอนริพิจารณา
การเดินทางในครั้งนี้ใช้เวลานาน
เมื่อคอนริกลับมา ดวงอาทิตย์ก็เกือบจะตกแล้ว
เขามาพร้อมกับบูเค่อ ผู้นำเผ่าม้าป่า
บูเค่อมีคิ้วหนา ตัวสูง และแข็งแรง เขามีรูปดาวเป็นรูปม้าบนใบหน้าสีทองสัมฤทธิ์ของเขา ผมสั้นที่ราวกับเปลวเพลิงปลิวไปตามสายลม เขาดูเหมือนสัตว์อสูรผู้รักความสะอาด ตรงไปตรงมา และใจกว้าง
เขาเป็นสัตว์วิญญาณระดับหนึ่งดาว
คอนริกอดไอร่า และพูดอย่างภาคภูมิใจ “นี่คือคู่ครองของข้า นางตั้งท้องลูกของข้าแล้ว เจอกันครั้งหน้า เจ้าน่าจะได้เห็นกลุ่มลูกหมาป่าที่แข็งแกร่งและมีชีวิตชีวาอยู่ข้างหลังพวกเรา”
บูเค่อไม่ไว้ใจผู้ชายที่น่าอึดอัดว่าจะหาคู่ครองได้ ดังนั้นเขาจึงยืนกรานที่จะติดตามคอนริมาที่นี่เพื่อดูด้วยตาของตัวเอง
เมื่อเขาเห็นหญิงสาวตัวเล็กอยู่ข้าง ๆ คอนริ เขาก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉาจนลูกตาของเขาแทบจะหลุดออกมา
พวกเขาเป็นผู้นำและเป็นสัตว์อสูรวิญญาณด้วยกันทั้งคู่ แต่คอนริมีคู่ครองและมีลูกแล้ว ส่วนตัวเขายังเป็นโสด
ไม่มีทาง ไม่ยุติธรรม
ด้วยความสุภาพ ไอร่าพยักหน้าไปที่บูเค่อและทักทายเขา
แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นใบหน้าของหญิงสาวตัวเล็กทั้งหมด แต่ดวงตาของเธอก็สดใสและกลมโต เสียงของเธอนุ่มนวลและน่ารัก เธอคงจะเป็นผู้หญิงตัวน้อยที่น่ารักและสวยมาก ความอิจฉาของบูเค่อจึงเพิ่มขึ้น
หากไม่มีเชร์และคอนริอยู่ที่นั่น บูเค่อคงจะรีบรุดไปแย่งชิงหญิงสาวตัวน้อยคนนี้ไป
เชร์ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขัดขวางการจ้องมองอันเร่าร้อนของบูเค่อ “ข้าอยากจะรู้ว่าเหตุใดผู้นำเผ่าบูเค่อถึงมาหาพวกเรา” เขาถามด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรวิญญาณที่อยู่เหนือกว่าเขาสองระดับ บูเค่อก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมองไปทางอื่นอย่างขุ่นเคือง “ข้าได้ยินจากหมอมักกะลีว่าเจ้ากำลังขายผักและผลไม้คุณภาพดีทีเดียว ข้าเลยมาซื้อไปกินที่บ้าน”
ตามปกติ เชร์จะให้เขาลองกินผักก่อน
บูเค่อประทับใจทันทีกับผักและผลไม้ที่หวานและสดชื่น เขาโบกมือและใช้คริสตัลไร้สีสองอันเพื่อซื้อผักและผลไม้ทั้งหมดจากแผงขายของ
เมื่อเชร์หยิบคริสตัลไม่มีสีขึ้นมา เขาถามว่า “เจ้ามีคริสตัลสีอื่นหรือไม่”
แทนที่จะตอบ บูเค่อถามว่า “อยากได้สีอะไร”
“สีม่วงหรือสีทอง หากไม่มี สีเขียวก็ได้”
สีม่วงและทองต่างก็เป็นคริสตัลเกรดกลาง แต่สีเขียวเป็นคริสตัลเกรดต่ำ
มุมปากของบูเค่อกระตุก “เจ้านี่มันช่าง... เจ้ากำลังขอคริสตัลเกรดกลาง”
เชร์ยิ้ม “คริสตัลระดับกลางนั้นหายาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะได้มา เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนได้ตอนที่ไปเมืองอสูร ข้าแค่ไม่อยากจะเดินทางไกล หากเจ้ามี จะช่วยให้ข้าไม่ต้องวิ่งไปรอบ ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ”
มีเพียงสัตว์อสูรที่ปลุกวิญญาณของตนเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติเข้าไปในเมืองอสูรได้ อย่างไรก็ตาม หากพากเขาต้องการค้าขายในตลาดนั้นไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับสามดาวขึ้นไปเท่านั้น แต่ยังต้องมีผู้แนะนำที่น่าเชื่อถืออีกด้วย
คำพูดของเชร์ทำให้บูเค่อชัดเจนทันทีว่าสัตว์อสูรตัวผู้ตัวนี้ไม่เพียงแต่แข็งแกรง แต่ยังทรงพลังอีกด้วย