บทที่ 102 ชอบอาเยว่ (3)
ตอนที่ซื้อปฏิทินปีใหม่ จู่ๆ เสิ่นเยว่ก็นึกถึงกิจกรรมนอกชั้นเรียนเทศกาลล่าปา ภาพที่ซุ่ยซุ่ยและเถาเถาซื้อปฏิทินปีใหม่คล้ายกับปรากฏขึ้นตรงหน้า เสิ่นเยว่เหม่อลอยโดยไม่ตั้งใจ ก่อนจะพลิกดูปฏิทินในมือแล้วอุทานออกมา "วันนี้วันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนสิบสองแล้วหรือ?"
จวงซื่อยิ้มพลางกล่าว "ไม่ถูกต้องหรือ? อีกไม่กี่วันก็ปีใหม่แล้ว"
เสิ่นเยว่ชะงักไป นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวอู่พูดว่า อยากให้นางฉลองปีใหม่และจุดดอกไม้ไฟกับเขา...
สายตาเสิ่นเยว่สั่นไหวเล็กน้อย
จวงซื่อเข้าไปเลือกบทกลอนคู่ด้านในร้าน เสี่ยวซือที่เพิ่งกลับมาที่ร้านไม่รู้ว่าเสิ่นเยว่มาพร้อมกับท่านป้า เห็นนางยืนอยู่หน้าโต๊ะจึงยิ้มพลางเข้ามาต้อนรับ "แม่นางมาซื้ออั่งเปาหรือ? ทั้งหมดนี้เป็นอั่งเปาที่เตรียมไว้สำหรับเด็กๆ ด้านบนมีปีนักษัตร"
สายตาเสิ่นเยว่ถูกดึงดูดไป
เสี่ยวซือหยิบถุงอั่งเปาถุงหนึ่งออกมาให้
อั่งเปาในยุคนี้เป็นอั่งเปาของจริง
เสิ่นเยว่กล่าว "รบกวนท่านช่วยรวมให้ข้าได้หรือไม่?"
"ได้เลย!" เสี่ยวซือทำตามคำขอ
เมื่อกลับถึงเรือน เสิ่นเยว่ยังคงมองอั่งเปาในมืออย่างเหม่อลอย
เห็นอยู่ว่าปลายปีไม่ได้อยู่กับเด็กๆ แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้นางซื้อกลับมา
เมื่อมองภาพปีนักษัตรด้านบน ทำให้นึกถึงเด็กๆ คล้ายกับทำให้จินตนาการได้ถึงภาพเหตุการณ์ในตอนที่เด็กๆ ได้รับอั่งเปา
มุมปากเสิ่นเยว่บิดโค้งขึ้นเล็กน้อย
อีกสักพักก็เก็บลงในลิ้นชัก
......
อาหารเย็นวันนี้ถูกปากมาก ตามที่เหลียงเย่บอก เพราะนางกลับมา ท่านป้าจึงพยายามคิดทำอาหารอร่อยให้นาง
เสิ่นเยว่ยิ้มพลางกล่าว 'รู้ว่าโชคดีเพราะใครแล้วยังไม่รีบกินอีก'
ท่านลุงและหานเซิงต่างก็หัวเราะไม่หยุด
ท่านป้าและเหลียงเย่หัวเราะหนักยิ่งกว่า
ยามอยู่กับครอบครัว แท้จริงแล้วมีความสุขมาก เพียงแต่บางครั้งเสิ่นเยว่ก็นึกถึงเถาเถาและเสี่ยวอู่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน คนหนึ่งไม่ยอมกินผัก อีกคนกำลังอยู่ในช่วงวัยเติบโตอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่ได้กินอย่างเต็มที่...
เสิ่นเยว่กัดตะเกียบ
ไม่นานก็ค้นพบว่าตนเองเหม่อลอยอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไรของวันนี้
หลังอาหารเย็น เหลียงเย่และเสิ่นหานเซิงรับหน้าที่ล้างจาน
ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่ศาลาว่าการยุ่งมากที่สุด เหลียงโหย่วเหวยกินข้าวพร้อมครอบครัวเสร็จก็กลับไปทำงานต่อที่ศาลาว่าการ
เสิ่นเยว่เดินย่อยอาหารที่ลานเรือนกับท่านป้า
หลังย่อยอาหารเสร็จ ท่านป้าก็เริ่มสอนนางทำผม แต่งหน้า เสิ่นเยว่ถูกบีบบังคับให้ต้องเรียน
แท้จริงแล้วเรียนอะไรไม่สำคัญ ท่านป้ามีความสุขก็พอ
เมื่อท่านป้าออกไปจากห้อง เสิ่นเยว่ถึงนึกขึ้นได้ว่าวันหนึ่งผ่านไปเร็วยิ่งนัก
เมื่ออยู่กับครอบครัว เวลาผ่านไปคล้ายเร็วคล้ายช้า
เมื่อว่างจึงเริ่มคิด ตอนนี้ที่เถาเถาเข้านอนจะงอแงให้จัวหย่วนอุ้มหรือไม่ เสี่ยวอู่กำลังเล่นอย่างสนุกจนไม่ยอมนอนหรือไม่ วันนี้อาซื่อกับเสี่ยวชีทำสงครามเย็นกันหรือไม่ ซุ่ยซุ่ยยังนั่งอยู่บนก้อนหิน คิดถึงท่านพ่อท่านแม่เพียงคนเดียวหรือไม่ ชงชิงเพียงคนเดียวดูแลเด็กเหล่านี้จะเหนื่อยมากหรือเปล่า มีจัวซินอยู่ช่วยคงจะไหว แล้วก็...
จู่ๆ นางก็นึกถึงตอนที่คนบางคนไม่สบาย
คล้ายกับจะไม่ก่อความวุ่นวาย แต่ก็งอแงให้นางเล่านิทานให้ฟัง เมื่อฟังนิทานจบก็นอนหลับไปอย่าง 'ว่าง่าย' ไม่เหมือนเด็กในจวนคนอื่น...
สารภาพตามความจริง นางเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องรวมเขากับเด็กในจวนคนอื่น อีกทั้งยังนึกถึงประโยคนั้น 'ข้าเองก็เป็นเด็กโต ข้าคือเจ้าชิงจือ…'
เสิ่นเยว่ยิ้มโดยไม่รู้ตัว
เขาเป็นเด็ก เป็นเด็กโตที่แสบที่สุดในจวน
ทั้งยังหอมนาง...
เมื่อนึกถึงตรงนี้ สายตานางก็นิ่งไป นางไม่รู้สึกง่วงนอน จึงถือหนังสือไปนั่งที่ศาลาในลานเรือน
ที่ลานเรือนนิ่งสงบ ภายในศาลาอุ่น จึงไม่รู้สึกหนาว
เสิ่นเยว่ชงชาร้อน นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ในศาลา