บทที่ 7 ระวังเด็กประหลาดชุดดำ
บทที่ 7 ระวังเด็กประหลาดชุดดำ
.
ฉันกลัวมากจนลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียง
ภายในห้องมืดสนิทไม่มีแสงไฟ จากตรงที่ฉันนั่งแทบมองไม่เห็นร่างมืดๆที่ยืนอยู่นอกประตูเลย
“นั่นใคร?”
ฉันถามเสียงสั่น
เงาดำไม่ส่งเสียง และเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ
เมื่อเข้ามาใกล้!
นั่นคือหลิวปิน!
“จื่อหยง ผมเหงามาก คุณอยากมาอยู่กับผมไหม?”
หลิวปินพูดกับฉันด้วยสีหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงของเขาเย็นชาไร้อารมณ์ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาบีบคอของฉัน
“ไม่ - -”
ฉันพยายามดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
วินาทีต่อมา ฉันก็ผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงอีกครั้ง
เหงื่อเย็นเปียกโชกไปทั่วร่าง ฉันหอบหายใจเร็วราวกับเพิ่งวิ่งมาราธอนมา
ฉันจ้องมอง พร้อมกับอ้าปากหายใจ
แค่ฝันไป
สัญญาณเตือนที่ผิดพลาด
ฉันปาดเหงื่อเย็นออกจากศีรษะ และเตรียมกลับไปนอนอีกครั้ง ทันใดนั้นร่างกายของฉันก็แข็งทื่อราวกับถูกไฟฟ้าช็อต
ทีวีไม่รู้ว่าถูกเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่! !
CCTV5 - การแข่งขันฟุตบอลกำลังเล่นอยู่บนหน้าจอ
หัวใจฉันเต้นราวกับรัวกลอง
ฉันไม่ชอบดูการแข่งขันฟุตบอล และหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหลิวปิน ฉันก็มักหลีกเลี่ยงช่องนี้โดยสัญชาตญาณ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ก่อนนอนฉันปิดทีวีไปแล้ว
ในใจของฉันรู้สึกหนาวสั่น หัวใจที่ผ่อนคลายในที่สุดก็กลับมาวิตกกังวลอีกครั้ง
เป็นไปได้ไหมว่าหลิวปินกลับมาแล้ว?
ความคิดนี้ทำให้ฉันหนาวสั่น
ไม่รู้ว่าหลอนไปเองหรือเปล่า แต่ห้องที่ไม่ค่อยอบอุ่นแต่เดิม กลับกลายเป็นเย็นเยียบราวกับเปิดเครื่องปรับอากาศ
ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างตัวสั่น อดทนต่อความกลัว ไปถอดปลั๊กไฟทีวีออก
ฉันกลับไปนอนและพยายามบังคับตัวเองให้หลับ แต่ความอยากปัสสาวะอย่างแรง เป็นเหมือนเข็มที่คอยทิ่มแทง ทรมานฉันซ้ำๆ
ฉันนอนไม่หลับและพลิกตัวไปมา ด้วยความอยากปัสสาวะอย่างเร่งด่วน
ฉันดูโทรศัพท์ - ตีสามสิบห้านาที
พี่ซุนบอกว่าหลังตีสอง ถึงจะต้องกลั้นปัสสาวะจนหายใจไม่ออก ก็ห้ามเข้าห้องน้ำเด็ดขาด
คนสามารถตายจากการกลั้นปัสสาวะได้ไหม?
ฉันไม่รู้ แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจตาย
ฉันเหลือบมองกองขวดที่เต็มไปด้วยปัสสาวะของหลิวปินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของเตียง ตั้งแต่เกิดเหตุก็ไม่มีใครไปแตะต้องพวกมันเลย
เดิมทีฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่า คนๆหนึ่งจะต้องกลัวขนาดไหน? ถึงขนาดไม่กล้าออกไปปัสสาวะที่ห้องน้ำ
ฉันลุกขึ้นอย่างลังเล และเดินไปที่ฝั่งตรงข้ามของเตียง แล้วหยิบขวด ‘ที่ใช้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง’ ขึ้นมา
หลังจากเปิดฝา กลิ่นเหม็นก็ลอยขึ้นมาเตะจมูก
ฉันเกือบจะอ้วก
ฉันปิดฝาและก้าวถอยหลัง
บัดซบ!
ทำไมฉันต้องกลัวด้วย?
ก็แค่ไปห้องน้ำไม่ใช่เหรอ?
ฉันรู้สึกโกรธ และแอบด่าตัวเองว่าขี้ขลาด แล้ววางขวดลงบนพื้นอย่างแรง
ฉันดูเวลาอีกครั้ง – ตีสามยี่สิบสองนาที
ไม่สนแล้ว ตายเป็นตาย!
ฉันสวมเสื้อผ้า แล้วเดินออกจากห้อง
ข้างนอกมีอากาศเย็นไหลอย่างต่อเนื่อง ผสานไปด้วยกลิ่นฟอร์มาลินและน้ำยาฆ่าเชื้อที่ทำให้ผู้คนรู้สึกง่วงนอนและรู้สึกเหมือนไม่เป็นความจริง
ไฟเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวบางจุดชำรุด ฉันเดินไปบนทางที่บางส่วนก็มืดบางส่วนก็สว่าง เสียงฝีเท้าดังก้อง บางครั้งฉันก็ได้ยินเสียงคนไข้ครางเบาๆออกมาจากวอร์ด
เมื่อมาถึงห้องน้ำ ฉันรีบปลดเข็มขัดด้วยความเร็วที่สุดในชีวิต แล้วแก้ไขปัญหาอย่างเร่งรีบ
เนื่องจากอั้นนานไปหน่อย จึงใช้เวลาเกือบหนึ่งนาทีกว่าจะเสร็จ
ฉันถอนหายใจด้วยความรู้สึกสบายตัวอย่างอธิบายไม่ถูก หลังจากจัดการทุกสิ่งเรียบร้อย ในขณะที่หันหลังกลับเพื่อเตรียมจะจากไป ทันใดนั้น ฉันก็เผชิญหน้ากับใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
ใบหน้ามีริ้วรอยอยู่เต็มไปหมด และมีดวงตาฝ้าฟาง กำลังมองตรงมาที่ฉัน
“อ๊าก - -”
ฉันกลัวมากจนแทบล้มทั้งยืน
“หมอ… หมอเถียน?”
เจ้าของใบหน้ามีบางสิ่งบางอย่างที่คุ้นเคยเล็กน้อย พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และค้นหารูปถ่ายของเจ้าของใบหน้านี้ในโทรศัพท์ด้วยความตกใจ
จากนั้นฉันก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
ปรากฏว่าเป็นเหล่าเหอ ผู้ป่วยห้อง 108
“หมอเถียน อย่าทำให้ฉันกลัว ฉันแก่แล้ว และเหลือเวลาอีกเพียงครึ่งหลังของชีวิต ถ้าคุณทำให้ฉันกลัว ฉันอาจเป็นเผลอผายลมออกมาก็ได้” เหล่าเหอบ่นพร้อมกับตบหน้าอก
ฉันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และพูดว่า “ผมนี่แหละที่กลัว ทำไมตอนเดินเข้ามาถึงไม่ส่งเสียง”
เหล่าเหอยิ้มเคอะเขิน บอกว่าต้องการเข้าห้องน้ำ และรู้สึกกลัวเล็กน้อย แล้วเขาก็ถามฉันว่าจะรอเขาที่นี่ได้ไหม?
หัวใจของฉันเต้นรัว และรู้สึกว่าคำขอนี้ฟังดูคุ้นเคยอย่างประหลาด
คืนนั้น ‘หลิวปิน’ ก็ขอให้ฉันรอที่นี่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ก่อนที่ฉันจะตอบตกลง เหล่าเหอก็เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว
โชคดีที่รอไม่นานเขาก็ออกมา
เราเดินออกมาข้างนอกด้วยกัน เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง ฉันก็ถามเขาว่าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?
“สองปีแล้ว” เหล่าเหอกล่าว
“คุณอยู่ที่นี่มาสองปีแล้ว ยังคงกลัวอยู่อีกเหรอ?” ฉันหัวเราะเยาะเขา
“คุณคิดผิดแล้ว ยิ่งคุณอยู่ในสถานที่แบบนี้นานเท่าไหร่ ความกล้าก็ยิ่งหดหายลงเท่านั้น” เหล่าเหอโบกมือ
“ทำไม?” ฉันถามอย่างสงสัย
เหล่าเหอลูบมือแล้วถามว่ามีบุหรี่ไหม?
ฉันหยิบบุหรี่ออกมาจุดให้เขา
เหล่าเหอดูดควันแล้วเป่าออกมาเป็นวงแหวน “อย่ามองที่อายุของฉัน ความจริงฉันไม่เชื่อเรื่องเทพเจ้าหรือภูติผีอะไรเลย… เฮ้อ ถ้าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่มาสองปีกว่า และได้พบเห็นสิ่งแปลกๆมากมายเหลือเกินแล้ว ฉัน…”
“มีอะไร บอกผมเร็วๆ!” ฉันใจร้อนเล็กน้อย
“หมอเถียน ขอถามหน่อย คุณเชื่อไหมว่าโลกนี้มีผี?” เหล่าเหอกล่าว
ฉันตกตะลึง
คำถามนี้ตอบยากจริงๆ
เชื่อไหมเหรอ ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่าฉันจะผ่านการศึกษาภาคบังคับมา 9 ปี แต่การขจัดความเชื่อโชคลางและปลดปล่อยจิตใจก็ไม่ใช่เรื่องตลก
แต่ถ้าบอกว่าไม่เชื่อ อันที่จริงฉันก็ไม่แน่ใจ ท้ายที่สุดแล้ว การทำงานในสถานที่ที่มืดมนเช่นนี้ ใครจะรู้ว่าจะมีสนามแม่เหล็กที่ ‘ไม่รู้จัก’ อยู่ที่ไหนบ้าง?
คำตอบที่ฉันให้กับเหล่าเหอก็คือ “เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง”
เหล่าเหอเปิดปากหัวเราะ โชว์ฟันเหลืองเป็นแถว “ถูกต้องแล้ว อย่าเชื่อทั้งหมด และอย่าไม่เชื่อทั้งหมด …ถ้าเชื่อทั้งหมด คุณจะกลัวการทำงานที่นี่อย่างแน่นอน ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงาน แต่ถ้าไม่เชื่อเลย มันก็ไม่ควร เพราะท้ายที่สุดแล้วเหนือหัวสามฟุตก็มีเทพเจ้าอยู่ มีกฎเกณฑ์บางประการที่ยังไงก็ต้องปฏิบัติตาม”
ฉันขัดจังหวะอย่างหมดความอดทนเล็กน้อย “เหล่าเหอ อย่าเปลี่ยนเรื่องได้ไหม? ช่วยบอกผมหน่อยว่าคุณเจอสิ่งแปลกๆ อะไรบ้างในตึก D?”
เหล่าเหอเงียบไป หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลดเสียงลงและพูดอย่างโศกเศร้า:
“ระวังเด็กประหลาดชุดดำด้วย!”
ฉันตกตะลึง
อะไรนะ?
ฉันกำลังจะถามต่อไป แต่เหล่าเหอก็หันหลังกลับเข้าไปในวอร์ดแล้ว
เหล่าเหอคนนี้ ดูกังวลมากและลังเลอยู่นานก่อนที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับเด็กประหลาดชุดดำ
เด็กประหลาดชุดดำเป็นใครกันแน่?
ฉันพึมพำอย่างสับสน และกลับไปที่ห้องพักพนักงาน
“ตูเรสขโมยบอลจากแดนหลัง ส่งให้กลิชี่ทางซ้าย กลิชี่รับบอลด้วยความเร็วสูง ส่งต่อให้นาสรีรับบอล นาสรีเลี้ยงบอล เยี่ยม! โดนขวาง! ผ่านได้! โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เข้ามาจากด้านหลัง กำจัดฝ่ายป้องกันออกไป…”
เสียงตื่นเต้นดังเข้ามาในหู
ฉันหันไปมอง สิ่งที่พบทำให้หนังศีรษะของฉันชาวาบอย่างฉับพลัน…
ทีวี ไม่รู้ว่าถูกเปิดขึ้นอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่! !
เสียงของพิธีกรการแข่งขันของ CCTV เริ่มตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เป็นไปไม่ได้!
เห็นได้ชัดว่าฉันดึงปลั๊กทีวีออกแล้ว!
ทำไมทีวีถึงเปิดอีกครั้ง?
เป็นไปได้ไหมว่า…มีคนเข้ามา?
ฉันเปิดไฟทั้งหมดในห้องทันที และเริ่มตรวจสอบว่ามีอะไรหายไปหรือไม่
เมื่อฉันเดินไปที่ข้างเตียงของหลิวปิน ฉันพบว่าผ้านวมที่พับไว้อย่างเรียบร้อย ตอนนี้ได้ถูกแผ่ออกและบนเตียงก็ดูยุ่งเหยิงราวกับว่ามีคนเพิ่งขึ้นไปนอนบนนั้น
ใบหน้าของฉันเปลี่ยนไปทันที ความคิดน่ากลัววาบขึ้นมาในใจของฉัน
หลิวปินกลับมาแล้ว!