บทที่ 6 คำเตือนของลุงหวัง
บทที่ 6 คำเตือนของลุงหวัง
.
“กรี๊ด~”
ฉันได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้ป่วยหญิง ตามมาด้วยเสียงอุทานด้วยความหวาดกลัวของผู้ป่วย
หลิวปิน!
ผู้เสียชีวิตที่นอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลคือ หลิวปิน!
ฉันเห็นเขาตัวงอ ริมฝีปากเป็นสีม่วง ใบหน้าซีด ดวงตาเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกมาได้ทุกเมื่อ สองมือเหยียดไปข้างหน้าราวกับพยายามจะจับอะไรบางอย่าง
สมองของฉันว่างเปล่าไปชั่วขณะ ร่างกายของฉันรู้สึกราวกับมีคนราดน้ำเย็นลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้าจนชาไปทั้งตัว
“พี่… พี่หลิว?”
ฉันใช้เวลานานมากกว่าจะบีบเสียงที่เหมือนไม่ใช่เสียงของตัวเองออกมาจากลำคอ และยื่นมืออันสั่นเทาออกไปผลักตัวเขา
มือของฉันสัมผัสกับความชื้นที่มีกลิ่นเหม็น
เมื่อเห็นใบหน้าของหลิวปินได้ชัดเจน ฉันก็เห็นกลุ่มน้ำหนาแน่น ไม่ว่าจะยังไหลอยู่ หรือแข็งตัวไปแล้ว และมีหนอนนับไม่ถ้วนกำลังไต่ยั้วเยี้ยอยู่บนนั้น
แม้แต่มือของฉันที่เพิ่งไปสัมผัสเขาก็ยังมีหนอนและของเน่าเหม็นติดมาด้วย
คลื่นไส้ หวาดกลัว ตกใจมาก หลากหลายอารมณ์กรูกันโผล่ออกมา…
ฉันเดินเซถอยกลับไปสองสามก้าว ขาอ่อนแรงจนทรุดนั่งลงกับพื้น
……
ฉันไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนโทรเรียกตำรวจ และไม่รู้ว่าตำรวจมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันยังลืมสิ่งที่ตำรวจถามฉันในห้องสอบสวนด้วย
เมื่อออกจากสถานีตำรวจก็รุ่งสางแล้ว
ฉันหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบอย่างมึนงง
ความคิดของฉันยังคงจมอยู่กับฉากที่พบเจอเมื่อคืน
หลิวปินเสียชีวิตแล้ว
เขาตายอย่างอธิบายไม่ได้…
ผลการชันสูตรศพ: หัวใจวาย
เวลาเสียชีวิต: มากกว่าสี่สิบชั่วโมง
นั่นหมายความว่าอะไร?
มันหมายความว่า ตอนที่หลิวปินโทรหาฉันเมื่อคืนก่อน
เขาได้ตายไปแล้ว
ตอนอยู่ที่สถานีตำรวจ ฉันได้เปิดข้อความที่หลิวปินส่งมาให้ตำรวจดู แต่ที่แปลกก็คือ ข้อมูลได้หายไปอย่างอธิบายไม่ได้ ไม่เหลืออะไรอยู่เลย
คำอธิบายของฉัน ทำให้ตำรวจสงสัย แม้ว่าพวกเขาจะไม่คิดว่าฉันเป็นฆาตกรก็ตาม แต่ฉันคิดว่าพวกเขาคงคิดว่าฉันมีปัญหาทางจิต
ใช่ ไม่ว่าจะมองยังไงก็ไม่ปกติ
คนตายโทรมาหาฉันสองวันติดกัน หมายความว่าไง?
แน่นอนว่ายังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับหลิวปินอีกมากมาย
ทำไมเขาถึงไปเสียชีวิตที่ 401?
ไม่สำคัญว่าจะถูกฆาตกรรมหรือฆ่าตัวตาย ทำไมต้องเลือก 401?
นอกจากนี้ประตูวอร์ดในอาคาร D สามารถล็อคได้จากด้านนอกเท่านั้น ด้านในไม่สามารถล็อคประตูได้
แต่ประตูถูกล็อคหลังจากหลิวปินเสียชีวิต เขาทำได้ยังไง?
หรือว่าเขาล็อคประตูด้านนอกแล้วโยนตัวเองเข้าไปในวอร์ด 401?
มีคนไม่มากที่มีกุญแจ
เท่าที่ฉันรู้ มีดอกหนึ่งที่ฉัน หลิวฟูเฉียงมีดอกหนึ่ง และอีกหนึ่งอยู่ที่พี่ซุน
ดังนั้นผู้ต้องสงสัยอาจจะมีแค่หลิวฟูเฉียงกับพี่ซุนใช่ไหม?
ฉันสูบบุหรี่หมดมวนโดยไม่รู้ตัว เมื่อฉันหยิบอีกมวนออกมา เขาก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ --- นั่นคือใบหน้าหลังการตายของหลิวปิน มันเป็นแบบเดียวกับคนไข้ในวอร์ด 305 ทุกประการ!
ใช่แล้ว ฉันเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย!
สาเหตุของการเสียชีวิตคือ ภาวะหัวใจวาย และอิริยาบถหลังความตาย กิริยาท่าทาง ทุกอย่างเหมือนกันทุกประการ!
ตัวงอ มือทั้งคู่ยื่นไปข้างหน้า ดวงตาเกือบทะลักออกจากเบ้า ใบหน้าแสดงความหวาดกลัว
ทั้งคู่เหมือนกัน ราวกับพวกเขาได้เห็นบางสิ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่งก่อนตาย
พวกเขาเห็นอะไร?
ฉันกลืนน้ำลาย ไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป
อาคาร D อาคารโรงพยาบาลอันมืดมิดแห่งนี้ มันเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ ในใจของฉัน…
……
ตอนเย็นหลังจากที่ฉันไปโรงพยาบาลเพื่อส่งอาหารให้แม่ และเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาเข้ากะ ฉันจึงไปเดินเล่นใกล้ๆ
“จื่อหยง มาส่งอาหารให้แม่เหรอ”
ยามวัยชรายิ้มร่าทักทาย
“ครับ ลุงหวัง” ฉันตอบด้วยรอยยิ้ม
เพราะฉันมาที่โรงพยาบาลบ่อย จึงทำให้รู้จักยามของที่นี่ดี
ยามแซ่หวังคนนี้อายุ 60 เศษแล้ว ผู้คนที่นี่จึงเรียกเขาว่า ลุงหวัง เขาเป็นคนใจดีมีน้ำใจ และเป็นคนสูบบุหรี่จัดชนิดมวนต่อมวน เนื่องจากไม่ใช่คนตระหนี่ เขาจึงมักให้บุหรี่ดีๆของเขาให้ฉันสูบเสมอ
ลุงหวังกล่าวว่า “จื่อหยง โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่โชคร้ายมาก ไม่เหมาะกับการอยู่นานๆ ส่งอาหารเสร็จก็รีบกลับบ้านไปเถอะ”
ฉันยิ้มขมขื่น และบอกกับเขาว่า ฉันก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน แต่ฉันยังต้องทำงานที่นี่ตอนกลางคืน
“ทำงานเหรอ?” ลุงหวังดูงุนงง
“ตอนนี้ ผมกับลุงถือได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน” ฉันพูด
“คุณทำงานเป็นยามที่นี่ด้วยเหรอ? ประตูตะวันตกหรือประตูตะวันออกล่ะ?” ลุงหวังเริ่มสนใจ
“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นยามที่ตึก D” ฉันตอบ
“อะไรนะ ตึก D?”
สีหน้าของลุงหวังเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน และดึงตัวฉันไปใกล้ๆ แล้วลดเสียงลง “คุณ… คุณทำงานเป็นยามกะกลางคืนในตึก D จริงๆเหรอ?”
“ครับ มีอะไรเหรอครับ?” ฉันรู้สึกสับสนเล็กน้อยกับปฏิกิริยาของลุงหวัง
เป็นไปได้ไหมว่า เขารู้ความลับบางอย่างของตึก D?
“เฮ้อ จื่อหยง คุณยังเด็ก ไม่รู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี คุณทำงานเป็นยามกะกลางคืนใช่ไหม? ฟังคำแนะนำของผมนะ รีบไปลาออกเดี๋ยวนี้!” ลุงหวังถอนหายใจแล้วกล่าวเตือน
“ทำไมล่ะครับลุงหวัง?” ฉันถามอย่างรวดเร็ว
ลุงหวังลังเล สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดเล็กน้อย และขอให้ฉันอย่าตั้งคำถามอีกต่อไป
ฉันรีบหยิบบุหรี่ออกมาจุดให้ลุงหวัง
เขาโบกมือปฏิเสธและพูดอย่างจริงจัง “สรุปคือ หากคุณยังอยากมีชีวิต จงรีบลาออกโดยเร็วที่สุด!”
คำพูดของลุงหวัง ทำให้ฉันตกตะลึง
เป็นไปได้ไหมว่าที่ตึก D มีความลับที่น่ากลัวซ่อนอยู่จริงๆ?
ฉันไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ และอยากจะถามต่อไป แต่ลุงหวังหันหลังกลับแล้วเดินจากไป
……
เมื่อไปถึงอาคาร D หลิวฟูเฉียงได้ออกไปก่อนเวลาแล้ว
ทั้งอาคารว่างเปล่า แม้ว่าอุณหภูมิภายนอกจะมากกว่า 30 องศา แต่ภายในให้ความรู้สึกเหมือนเป็นฤดูหนาว
หลังจากเล่นโทรศัพท์สักพัก ฉันก็ออกไปลาดตระเวนตามปกติ
เนื่องจากเมื่อคืนฉันไม่ได้นอนทั้งคืน ทำให้รู้สึกง่วงจนมึนงง จึงรีบปีนขึ้นเตียง เข้านอนแต่หัวค่ำ
เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง
ด้านนอกมีลมพัดแรง หลังจากนั้นไม่นาน ฝนก็ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว เสียงเม็ดฝนกระทบกับกระจก ราวกับถูกกระสุนปืนรัวยิงใส่ ท้องฟ้ามืดมิดราวกับจะพังทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
แต่ฉันเหนื่อยมาก จนแม้แต่ฝนที่ตกหนักอย่างกะทันหัน ก็ไม่สามารถหยุดฉันไม่ให้นอนหลับได้
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ที่ฉันตื่นขึ้นด้วยความง่วงงุน ด้วยเสียงเคาะประตูที่ดังรัว
ปังปังปังปัง!
ปังปังปังปัง!
เสียงมีความเร่งด่วนมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา “สี่ทุ่มสี่สิบหกนาที”
ดึกแล้วใครยังอยู่ข้างนอกอีก?
ฉันลุกจากเตียงด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วเดินไปเปิดประตู
ลมเย็นพัดผ่านจนรู้สึกหนาวเยือก
ข้างนอกมืดมิด ไม่มีใครอยู่เลย
ฉันยืดคอเล็กน้อย มองออกไปที่ทางเดิน แต่ไม่มีใครอยู่จริงๆ
ฉันกลับขึ้นเตียงและหลับไปอย่างรวดเร็ว
ปังปังปังปัง!
ปังปังปังปัง!
เสียงเคาะประตูรัวๆดังขึ้นอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ ไอ้บ้าตัวไหนเล่นตลกฟ๊ะ?
ฉันสบถด่าอยู่ในใจ แต่ยังคงหลับตา ไม่สนใจอีกต่อไป
ครืน!
ฟ้าแลบแปลบปลาบ ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม
ในเวลานี้เองที่ประตูห้องพักพนักงานถูกบางอย่างกระแทกเปิดออกอย่างแรง…
.
*******
ผู้แปล - จะใช้คำว่าตึกกับบทสนทนา และความคิด ถ้าเป็นประโยคแบบอื่นจะใช้คำว่าอาคาร