บทที่ 48 หยกงามหลิ่วหลี่
น่าเสียดายที่ตอนนี้หลี่ฟานได้แค่คิดเท่านั้น
กระจกเทียนเสวียนเป็นสมบัติล้ำค่าของพันธมิตรหมื่นเซียน เป็นรากฐานที่ตั้ง
ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกเซียนเล็กๆ ขั้นฝึกปราณอย่างหลี่ฟานจะหวังแหวกวงล้อมแย่งชิงมาได้
ยังคงรับภารกิจ ตั้งใจสะสมคะแนนผลงานจะดีกว่า
สงบความอยากได้ในจิตใจ หลี่ฟานเปิดรายการภารกิจสะสมคะแนนผลงาน
คัดเลือกภารกิจที่เหมาะสำหรับผู้ฝึกเซียนขั้นฝึกปราณระดับต้นที่ไม่มีความเสี่ยงมากนัก
แค่กวาดตาดูก็เห็นว่าล้วนแต่เป็นภารกิจงานช่วยเหลือทั่วไป วิ่งส่งของ ค่าตอบแทนก็ส่วนใหญ่ให้แค่ 1-2 คะแนนผลงานเท่านั้น
แต่ก็กลับหายไปในพริบตา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่มีหลี่ฟานคนเดียวที่จับตามอง
เมื่อตัดเงื่อนไขความเสี่ยงต่ำออกไป ก็ปรากฏภารกิจใหม่ๆ ขึ้นมาอีกไม่น้อย
ภารกิจเหล่านี้ส่วนใหญ่ต้องไปตามเกาะต่างๆ ในทะเลชงอวิ่นเพื่อจัดการธุระบางอย่าง แต่เพราะคู่ค้าในภารกิจเป็นพวกมนุษย์ จึงไม่ต้องต่อสู้ อันตรายไม่สูงมากนัก
ภารกิจพวกนี้ค่าตอบแทนอยู่ที่ประมาณห้าถึงสิบคะแนน
แต่การใช้วงจรอาคมส่งตัวของเกาะหมื่นเซียนก็ต้องเสียคะแนนผลงานครั้งละหนึ่งคะแนนเช่นกัน
หักลบค่าส่งตัวไป-กลับออกไป สองคะแนน ค่าตอบแทนแต่ละภารกิจก็ไม่เหลือเท่าไหร่แล้ว
หากจะเก็บคะแนนให้พอพักในกระจกเทียนเสวียน แถมฝึกฝนตัวเองอย่างไม่ขาดตอน ช่างไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แม้ว่าเมื่อเพิ่มพลังยิ่งสูงขึ้น การสะสมคะแนนผลงานก็จะยิ่งง่ายขึ้นไปด้วย แต่หากระดับการฝึกฝนสูงขึ้น จำนวนคะแนนผลงานที่ต้องใช้เพื่อเปิดโหมดช่วยฝึกฝนก็ยิ่งสูงขึ้นเช่นเดียวกัน
เช่นนี้แล้ว ก็ยังต้องวิ่งวุ่นเพื่อคะแนนผลงานอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น การแลกวิชายุทธ์ก็ใช้คะแนนผลงานจำนวนมากเช่นกัน...
หลี่ฟานนึกฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมกระจกเทียนเสวียนถึงเปิดฟังก์ชั่นช่วยฝึกฝนแบบนี้
เหล่าผู้ฝึกเซียนที่ได้ลองใช้โหมดฝึกฝนขั้นสุดยอดนั้นไปแล้ว ยากจะปฏิเสธการที่จะลองใช้ซ้ำอีก
ยิ่งไปกว่านั้น หากใช้เวลาเท่ากัน การสะสมคะแนนผลงานแล้วเปิดโหมดช่วยฝึกฝนจะช่วยให้ความคืบหน้าการฝึกฝนโดยรวมเร็วกว่าการอดทนฝึกฝนตามลำพังอยู่ดี
วิชายุทธ์ ทรัพยากร โหมดช่วยฝึกฝน...
พันธมิตรหมื่นเซียนนี่ช่างกำหัวใจผู้ฝึกเซียนไว้ได้แน่นหนาเสียจริง
หลี่ฟานคิดในใจ ขณะเลือกภารกิจที่เหมาะสมไปพร้อมกัน
เรื่องสะสมคะแนนผลงานนั้นเป็นเรื่องรอง จุดประสงค์หลักของหลี่ฟานคือหาโอกาสออกไปข้างนอก เพื่อนำเรือไท่เหยียนที่ซ่อนอยู่ใน【หวนเจิน】ออกมา
ในเรือไท่เหยียนยังมีทองคำเงินอัญมณีฝังอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีสมบัติมหัศจรรย์แห่งฟ้าดิน ศิลาจารึกหยุดยั้ง อยู่อีกด้วย
คงจะแลกเป็นคะแนนผลงานได้ไม่น้อยเลย
ส่วนว่าทำไมไม่เอาออกมาบนเกาะหมื่นเซียน...
หลี่ฟานเป็นคนไม่โง่ แค่นี้ก็เหมือนประกาศตรงๆ ว่าบนตัวเขามีของวิเศษแปลกๆ ติดอยู่
หลี่ฟานเชื่อว่าทุกตารางนิ้วของเกาะหมื่นเซียน ต่างอยู่ในสายตาเฝ้ามองของขั้นเทียนจี
หากเรียกสายตาของผู้นั้นมาจับจ้อง ก็ต้องเดือดร้อนแน่
แม้ว่า【หวนเจิน】จะเปลี่ยนจากความเป็นจริงเป็นความว่างเปล่าได้ แต่ก็ต้องใช้จิตสำนึกของเขาควบคุม
หากมีคนเก่งกาจปรากฏตัว ใช้พลังจับจิตสำนึกของหลี่ฟาน ทำให้เขาคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาล่ะ?
เขาก็จะไร้ทางสู้ ต้องยอมให้ผู้อื่นชำแหละอย่างเลี่ยงไม่ได้
ต่อให้มีความเป็นไปได้แค่นิดเดียว หลี่ฟานก็ไม่คิดจะเสี่ยงทำเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น จากพลังอำนาจที่กระจกเทียนเสวียนแสดงออก เซียนยุคปัจจุบันต้องมีผู้แข็งแกร่งถึงระดับนั้นแน่ๆ
ไม่ว่าอย่างไร ความรอบคอบระมัดระวังคือหลักการสำคัญที่สุดในการกระทำทุกอย่างของหลี่ฟาน
...
ตอนนั้นเอง หลี่ฟานพลันสังเกตเห็นตัวอักษรคุ้นตาบางอย่างท่ามกลางกองภารกิจ
"เกาะหลิ่วหลี่"
เขาดีใจจนหัวใจแทบกระเด้งออกมา รีบรับภารกิจไว้ทันที
หลังจากนั้นจึงค่อยอ่านรายละเอียดภารกิจอย่างถี่ถ้วน
ที่แท้แล้ว ในพันธมิตรหมื่นเซียน หยกงามหลิ่วหลี่ ของเฉพาะจากเกาะหลิ่วหลี่ได้หมดไปแล้ว
ตามกฎแล้วต้องส่งมอบอีกทีในอีกครึ่งปีข้างหน้า
แต่ตำหนักปรุงยาต้องการอย่างเร่งด่วน จึงออกใบสั่งว่าจ้าง ให้ไปนำหยกงามหลิ่วหลี่จากเกาะหลิ่วหลี่อย่างน้อยยี่สิบเม็ด
ค่าตอบแทนขึ้นอยู่กับคุณภาพและปริมาณของหยกงามหลิ่วหลี่
หยกงามหลิ่วหลี่นี้ หลี่ฟานเคยได้ยินมาบ้างตั้งแต่มายังเกาะหลิ่วหลี่ บางครั้งจะเกิดขึ้นในร่างปลาหลิ่วหลี่
แต่ไม่รู้ว่ามีไว้ใช้ปรุงยาวิเศษชนิดใด
อย่างไรก็ตาม ภารกิจนี้เหมาะกับเขาที่สุดแล้ว
ใช้คะแนนผลงานห้าคะแนนซื้อแหวนเก็บของให้เล็กที่สุดหนึ่งวงเพื่อใช้อำพราง หลี่ฟานไม่รอช้า จากกระจกเทียนเสวียน ตรงไปยังลานเผยแพร่ธรรมะ
ตามทางเดินกลับ หลี่ฟานก็มาถึงรูปปั้นหินก้อนที่แล้ว
ตอนนี้หลี่ฟานรู้แล้วว่ารูปสลักหมื่นชิ้นบนลานเผยแพร่ธรรมะ แต่ละชิ้นล้วนแทนเกาะแต่ละเกาะในทะเลชงอวิ่น
วงจรอาคมส่งตัวเชื่อมโยงกับวงกตปกป้องเกาะต่างๆ
ส่วนรูปปั้นหินตรงหน้าที่สื่อถึงเกาะหลิ่วหลี่ คือปลาหลิ่วหลี่ที่กระโดดขึ้นเหนือผิวน้ำ
หักคะแนนหนึ่งคะแนน หลี่ฟานก็เปิดใช้งานวงจรอาคมส่งตัว
ความรู้สึกงุนงงครั้งนี้อ่อนลงไม่น้อยจริงๆ หลี่ฟานฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
"ไม่ทราบผู้ฝึกเซียนท่านใด..." เสียงเหอเจิ้งเฮ่าดังอยู่ไกลๆ
"อ้าว!? เป็นเจ้าหรือ?" เมื่อเห็นชัดว่าเป็นใคร เหอเจิ้งเฮ่าพลันรู้สึกกังขาเล็กน้อย
หลี่ฟานจึงเล่าถึงภารกิจที่ตนรับมา และเรื่องที่มาหาหยกงามหลิ่วหลี่ ให้อีกฝ่ายฟังคร่าวๆ
"หยกงามหลิ่วหลี่สินะ ข้าจะให้คนพาเจ้าไปเอาก็แล้วกัน" เหอเจิ้งเฮ่าฟังแล้วก็ไม่ใส่ใจนัก พลางพยักหน้าตอบ "เพื่อนน้อยเจ้าปรับตัวได้เร็วจริงๆ นะ ออกมาทำภารกิจแต่เนิ่นๆ เลย"
"อื้ม ด้วยความจำเป็นแห่งชีวิต" หลี่ฟานทำท่าอึดอัดใจ พูดขึ้นมา
เหอเจิ้งเฮ่าทำสีหน้าเข้าใจดีในทันที
ตามผู้รับใช้มายังจวนหลิ่วหลี่ หลี่ฟานได้พบกับผู้จัดการเฉียนที่รับผิดชอบเรื่องการเงิน
ผู้จัดการเฉียนคำนับคุกเข่าอย่างนอบน้อม ไม่รู้ว่าจำหลี่ฟานได้หรือไม่
ก็เพราะก่อนหน้านี้หลี่ฟานเคยบัญชาการกองเรือของเกาะหลิ่วหลี่ และเคยพบกับผู้จัดการเฉียนมาหลายครา
อย่างไรก็ตาม แม้จะจำได้ ผู้จัดการเฉียนก็คงแกล้งทำเป็นไม่รู้จักแน่ๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในสายตาของพวกเขา เซียนเป็นผู้ที่อยู่สูงเกินเอื้อม ห้ามขัดใจเป็นอันขาด
ได้รับคำสั่ง ผู้จัดการเฉียนก็รวบรวมหยกงามหลิ่วหลี่ที่มีอยู่บนเกาะออกมาหมดทันที
"กระผมขอรายงานท่านเซียน ขณะนี้บนเกาะเหลือหยกหลิ่วหลี่เพียง 23 เม็ดเท่านั้น นี่คือจำนวนหยกทั้งหมดที่เกาะหลิ่วหลี่เก็บรวบรวมได้ในช่วงหลังนี้ หากท่านเซียนยังต้องการ น่ากลัวว่าจะต้องรออีกราวๆ ปีครึ่งเลยขอรับ" ผู้จัดการเฉียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดหวั่น
"อ้อ? มีเหตุผิดปกติอะไรเกิดขึ้นหรือ?" หลี่ฟานถาม
"กระผมไม่กล้าบังคับท่านเซียน ทางกองเรือประมงรายงานมาว่า อาจเป็นเพราะจับปลามากเกินไป ทำให้ฝูงปลาหลิ่วหลี่ที่พบเจอนั้นน้อยลงไปเรื่อยๆ คงต้องปล่อยให้มันฟื้นตัวเองไประยะหนึ่ง ค่อยจับอีกทีครับ" ผู้จัดการเฉียนเอ่ยตอบ
หลี่ฟานได้ฟังก็พยักหน้า
ในใจกลับผุดขึ้นมาถึงคำพูดที่จางห่าวโป๋เคยบอกเขา
"เรื่องนี้ข้ารับทราบแล้ว" หลี่ฟานเก็บหยกงามหลิ่วหลี่ลงในแหวนเก็บของ แต่ยังไม่เดินทางกลับทันที กลับมุ่งหน้ามายังตึกฟังอู่ก่อน
เข้าไปในเรือนตนเอง หลี่ฟานรออยู่ครู่หนึ่ง ปล่อยสติสัมปชัญญะออกไปสำรวจ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเหอเจิ้งเฮ่าไม่ได้แอบสอดส่องอยู่ แล้วจึงหยิบเรือไท่เหยียนออกมา
ทำการย้ายทองคำและศิลาจารึกหยุดยั้งในเรือไท่เหยียนเสร็จสรรพ หลี่ฟานก็กลับมายังวงกตอาคมอีกครั้ง
กำลังจะกลับไปยังเกาะหมื่นเซียน แต่หลี่ฟานกลับได้ยินเสียงดังมาจากด้านหลัง
"เพื่อนน้อย รอก่อน!"
ขนหลี่ฟานลุกชันขึ้นมาในทันที หันหน้ากลับไปมองเหอเจิ้งเฮ่าด้วยสายตาระแวดระวัง