บทที่ 38 : การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของต้าเซี่ย
บทที่ 38 : การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของต้าเซี่ย
ในฐานะผู้หญิงคนที่สี่ของเย่หวู่ชาง
หลังจากผ่านไปสามวันสีคงหมิงเยว่ก็เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงของเย่หวู่ชาง ถึงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้เช่นนี้
นั้นก็เพราะว่าสัตว์ร้ายตัวนี้ดุร้ายมากเกินไป
รูปร่างของเขาดูผอมบางเล็กน้อย, แต่ด้วยพลังการต่อสู้ที่น่าเกรงขาม…..เขาเรียกได้ว่าเป็นเครื่องจักรที่สามารถเคลื่อนไหวได้ตลอดกาล
เป็นเวลาสามวันติดต่อกันเเล้วที่เย่หวู่ชางไม่ยอมให้เธอลุกจากเตียง
เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากร้องขอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวังจากจ้าวชิงเกอและโม่ซีจุน
ในท้ายที่สุดด้วยพลังแห่งการสามัคคีของทั้งสามสาว
แม้ขาของพวกนางจะสั่นเทา ร่างกายของพวกนางจะกระตุกเป็นเวลาถึงครึ่งชั่วโมง…..เเต่ด้วยวิธีนี ดูเหมือนว่าเย่หวู่ชางยังคงไม่พอใจ
หากไม่ใช่เพราะเห็นคำอ้อนวอนและความหวาดกลัวอันบางเบาในสายตาของหญิงสาวทั้งสามคน เขาคงไม่ยอมปล่อยพวกนางไปง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม, มันก็ยังคงมีประโยชน์อย่างมากในการบ่มเพาะพลังแบบคู่กับเย่หวู่ชาง
ตัวอย่างเช่น ในครั้งแรกของสีคงหมิงเยว่…การฝึกตนของเธอก็ก้าวหน้าไปถึงระดับที่ห้าของอาณาจักรปราการสวรรค์ได้ในทันที
ฉากนี้ทำให้นางรูสึกเจ็บปวดและมีความสุขไปพร้อมๆกัน
หลังจากออกมาจากห้องของสีคงหมิงเยว่…..เย่หวู่ชางก็กลับไปที่ห้องของเขาและเริ่มการฝึกตนอีกรอบ
การรับพรหมจรรย์ของสีคงหมิงเยว่ก็เป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่สำหรับเย่หวู่ชางเช่นกัน
ด้วยพลังของมัน…..เขาก็ก้าวหน้าอีกครั้งจนห่างจากขั้นที่ห้าเพียงก้าวเดียว
เเละในระหว่างการฝึกตนของเขา…..เหตุการณ์ที่น่าตกใจก็ได้ปะทุขึ้นในเมืองหลวงของราชวงศ์ต้าเซี่ย
ปรากฎว่าฮ่องเต้ได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว, แต่องค์ชายสี่ซึ่งเป็นบุตรชายของฮองเฮาเลือกที่จะปกปิดข่าวนี้เอาไว้
พวกเขาทั้งสองร่วมมือกันและติดสินบนคนในวัง
หลังจากนั้น, องค์ชายสี่ก็ออกคำสั่งภายใต้หน้ากากคำสั่งของฮ่องเต้
องค์ชายองค์อื่นๆต่างพบว่าคำสั่งเหล่านนั้นที่ออกมาเริ่มน่าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ…..เพราะคำสั่งส่วนมากจะเป็นประโยชน์ต่อองค์ชายสี่
ในขณะนี้…..องค์ชายสี่ก็เอาชนะใจข้าราชบริพารอย่างเงียบๆ และเริ่มกำจัดผู้เห็นต่าง
ในที่สุดบรรดาองค์ชายก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้…..และเลือกที่จะเข้าบุกเข้าไปในพระราชวังอย่างกล้าหาญ
แต่น่าเสียดายที่พวกเขาตกอยู่ในการซุ่มโจมตีขององค์ชายสี่โดยไม่คาดคิด
องค์ชายจำนวนมากรวมทั้งองค์ชายสิบสี่ เฉกเช่นเดียวกับผู้ฝึกตนที่พวกเขาพามา……ล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในยามนี้เซี่ยอู๋เจี๋ย องค์ชายสี่ของต้าเซี่ย กำลังนั่งบนบัลลังก์……ทำราวกับว่าเขาเป็นฮ่องเต้ที่กำลังจ้องมองลงไปที่องค์ชายคนอื่นด้วยท่าทางที่เหนือกว่า
ยามนี้พวกองค์ชายกำลังนอนอยู่บนพื้น เเละไม่สามารถขยับตัวได้
ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว และมีเลือดไหลที่มุมปาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ เซี่ยอู๋เจี๋ยก็ไม่ปกปิดความคิดในใจของเขาได้อีกต่อไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้าคงไม่คิดสินะว่าผู้ที่ได้คลองบัลลังก์…..ท้ายที่สุดแล้วจะเป็นเปิ่นหวาง!”
ฉากนี้ทำให้ดวงตาขององค์ชายคนอื่นเปลี่ยนเป็นสีแดง และหวังว่าจะฉีกองค์ชายสี่ออกเป็นชิ้นๆ
เซี่ยหวู่เฟิงองค์ชายสิบสี่ จ้องมองเขาด้วยความโกรธเเละพูดว่า
“เซี่ยอู๋เจี๋ย, เจ้าทำเเบบนี้มันทำให้เกียรติของฮ่องเต้องค์ก่อนเสื่อมเสีย……บรรพบุรุษจะไม่ปล่อยให้เจ้าทำเรื่องอยุติธรรมเช่นนี้แน่!”
เซี่ยอู๋เจี๋ย เหลือบมองเขาอย่างเย็นชาและยืนคอขึ้นตรง
“ฮึ่ม, บรรพบุรุษสนใจแต่ผลลัพธ์พวกเขาไม่สนใจวิธีการหรอก”
“เจ้าเชื่อว่าที่ไอ้แก่นั้นที่ขึ้นครองราชมาตั้งนานเเล้ว…..เเต่กลับไม่สามารถทะลวงผ่านอาณาจักรปราการสวรรค์ได้เพราะขาดพรสวรรค์หรือไงกัน?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ องค์ชายหลายคนก็มองมาที่องค์ชายสี่ด้วยความตกใจ
เเละเมื่อเห็นสิ่งนี เซี่ยอู๋เจี๋ยก็เยาะเย้ยอย่างเย็นชา
"ใช่แล้ว เป็นฝีมือของมารดาเปิ่นหวางเอง…..หาไม่ใช่เพราะมารดาของข้าวางยาพิษที่ออกฤทธิ์อย่างช้าๆใ้ห้ไอ้แก่นั่นกินอยู่ตลอดเวลา, เเถมยังใช้ผู้หญิงสวยๆหลายคนคอยสกัดแก่นแท้ของเขา……ไม่เช่นนั้นป่านนี้เขาคงทะลวงผ่านอาณาจักรได้ไปนานแล้ว!"
“ส่วนพวกเจ้าทุกคนก็เป็นเพียงขยะที่เกิดจากสตรีขยะที่ไอ้เเก่นั่นรวบรวมมา……เเล้วพวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะสามารถอาจเอื้อมมาเตะต้องบังลังก์ของข้าได้งั้นรึ?”
“พวกเจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปเเล้ว…. บัลลังก์นี้เป็นของเปิ่นหวางแต่เพียงผู้เดียว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เซี่ยหวู่เฟิงก็จ้องมองเขาด้วยความโกรธทันที
"เซี่ยอู๋เจี๋ย เจ้ากล้าฆ่าท่านพ่อ…..การกระทำเลวร้ายถึงเพียงนี้เจ้าจะไม่มีวันได้ตายดี!"
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ แสงเย็นวาบก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเซี่ยอู๋เจี๋ย
จากนั้น, เขาก็ชักดาบยาวออกและแทงเข้าที่หน้าอกของเซี่ยหวู่เฟิงโดยตรง!
ดวงตาของเซี่ยหวู่เฟิงเบิกกว้าง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซี่ยอู๋เจี๋ยจะฆ่าเขาแบบนี้!
ส่วนดวงตาของเซี่ยอู๋เจี๋ยนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา เเละปราศจากอารมณ์ใดๆ
“ไม่ว่าเปิ่นหวางจะตายดีหรือไม่…..เจ้าก็ไม่มีโอกาสได้แม้แต่จะมองดู!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ดึงดาบออกมา และร่างกายที่ไร้ชีวิตของเซี่ยหวู่เฟิงก็ล้มลงพร้อมสูญเสียสัญญาณแห่งชีวิต
ยามมองดาบที่ชะโลมโลหิต ดวงตาของเซี่ยอู๋เจี๋ยกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระคนยินดี
เขาชักดาบยาวออกมาชิมรสเลือดบนดาบ: "รสดี!"
ฉากนี้ทำให้หนังศีรษะของผู้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกเสียววาบ
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือพวกเขาต่างก็กังวลเกี่ยวกับชะตากรรมของตัวเอง
ด้านหลังองค์ชายสิบสี่….เย่ว์ไห่หัวหน้าตระกูลเย่ว์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็อดไม่ได้ที่จะหลับตาลงอย่างขมขื่น
หลายปีของการสนับสนุน, หลายปีของการถูกดูดซับทรัพยากร…..ทั้งหมดนี้กลับกลายเป็นความว่างเปล่าในชั่วพริบตา
ยิ่งกว่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังตกอยู่ในอันตรายอันใหญ่หลวง…..ตอนนี้ไม่ว่าใครจะขึ้นครองบัลลังก์ พวกเขาก็คงไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลมารดาขององค์ชายสิบสี่มีชีวิตรอด
เเละเมื่อได้เห็นความตื่นตระหนกและความกลัวในสายตาของทุกคน….เซี่ยอู๋เจี๋ยก็ยิ่งภูมิใจมากยิ่งขึ้น
เขาหันไปหาองค์ชายคนต่อไป….เเละเตรียมที่จะเหวี่ยงดาบ
เเต่ทันใดนั้นเอง
ปราณดาบเส้นหนึ่งก็พุ่งเข้ามาและกระแทกดาบยาวจนหลุดออกจากมือของเขาโดยตรง
"ใครกัน?" เซี่ยอู๋เจี๋ยคำรามด้วยความโกรธ
ในเวลาเดียวกันเขาก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้ฝึกตนชุดดำทั้งสอง
หลังจากนั้นประตูก็เปิดออกกว้าง และเซี่ยจือซวนในชุดเกราะก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นเซี่ยจือซวน ดวงตาของเซี่ยอู๋เจี๋ยก็หรี่ลงทันที
"เป็นเจ้าเองหรือเซี่ยจือซวน เจ้าไม่ได้ถูกส่งไปที่ชายแดนหรือ?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ องค์ชายอีกคนก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย
"ฮ่าฮ่าฮ่า เซี่ยอู๋เจี๋ย….นี่เจ้ามองเเผนการของนางไม่ออกงั้นเหรอ?”
“องค์หญิงของพวกเรารอเวลามาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์มาโดยตลอดยังไงล่ะ!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยอู๋เจี๋ยก็ตกใจเช่นกัน…. และเขาก็แอบสาปแช่งตัวเองที่ไม่รวมเซี่ยจือซวนไว้ในแผนการของเขา
“เซี่ยจือซวน เจ้าต้องการที่จะขึ้นครองบัลลังก์ด้วยงั้นหรือ?”
“เจ้าต้องการที่จะปกครองต้าเซี่ย ในฐานะจักรพรรดินีรึไง?”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เซี่ยจือซวนก็เหลือบตามององค์ชายหลายองค์ด้วยหางตา…..จากนั้นจึงถอนสายตาออกไป
“จะเป็นอะไรหากสตรีจะขึ้นครองอำนาจ?”
“จักรพรรดินีองค์ที่สามของราชวงศ์ต้าเฟิง, เฟิงเพียวซู และจักรพรรดินีผู้ก่อตั้งราชวงศ์เว่ยหยาง ต่างก็เป็นสตรีทั้งคู่……เเล้วทำไมเปิ่นกงผู้นี้จึงจะปกครองต้าเซี่ยไม่ได้?”
เสียงอันสงบของเซี่ยจือซวนดังก้อง ประกาศความทะเยอทะยานของเธอ
เเละเมื่อได้ยินคำพูดยืนยันของเธอ ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ณ ขณะนี้, ใบหน้าของเซี่ยอู๋เจี๋ยแดงก่ำ…..และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอันเย็นเยือก
"เซี่ยจือซวน เจ้าบ้าไปแล้ว…..บรรพบุรุษจะต้องไม่เห็นด้วยกับการที่สตรีอย่างเจ้าจะมาครอบครองบัลลังก์!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้, เซี่ยจือซวนก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมา
“พวกเขาไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย!”
“บังอาจนัก, กล้าดียังไงไม่เคารพบรรพบุรุษ…..จับนางไว้”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา……ร่างชุดดำสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเซี่ยอู๋เจี๋ย
ในแต่ละก้าวที่ร่างชุดดำเดินออกมา…..ออร่าของพวกเขาน่ากลัวเป็นพิเศษจนทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจ
เนื่องจากการฝึกตนของร่างชุดดำทั้งสามนี้อยู่ที่ระดับครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วง
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ
เพราะในอาณาจักรต้าเซี่ย, มีผู้ฝึกตนไม่เกินร้อยคนที่อยู่ในอาณาจักรราชวังสีม่วง
ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ขั้นแรกหรือขั้นที่สองเท่านั้น
เเละสิ่งที่สำคัญที่สุด…..ที่นี่คือพระราชวังของอาณาจักรต้าเซี่ย ซึ่งแยกออกจากโลกภายนอก
นอกเหนือจากกฎระเบียบของราชวงศ์แล้ว, ผู้ฝึกตนอาณาจักรพระราชวังสีม่วง ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาแทรกแซงในการต่อสู้เพื่อชิงบัลลังก์ (ครึ่งก้าวเเทรกเเซงได้)
ดังนั้น แม้ว่าผู้ฝึกตนในอาณาจักรพระราชวังสีม่วงนอกพระราชวังจะวิตกกังวล……แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงรอดูผลลัพธ์ที่บ้านเท่านั้น
ในสถานการณ์เช่นนี้, ผู้ฝึกตนครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วงจึงมีค่าอย่างยิ่ง
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า เซี่ยอู๋เจี๋ยจะมีผู้ฝึกตนครึ่งก้าวอาณาจักรพระราชวังสีม่วงถึงสามคนคอสนับสนุน
นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
ชั่วขณะหนึ่ง…..ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกสิ้นหวังอยู่ในใจ
……………………………..