บทที่ 340 : วันสิ้นโลก (4)
บทที่ 340 : วันสิ้นโลก (4)
"ย้อนเวลา?"
ดวงตาของนักเวทย์หญิงหรี่ลง
เฟรียซิสกล่าวต่อพลางมองไปรอบ ๆ
“หากย้อนเวลากลับไปตอนนั้นได้ ผลลัพธ์อาจแตกต่างออกไป จะเอาแต่นั่งอยู่เฉย ๆ แบบนี้หรือ? เราจะยอมแพ้โดยไม่รู้แม้กระทั่งตัวตนของศัตรูงั้นหรือ? แม้ความน่าจะเป็นที่จะสำเร็จมีน้อยมาก แต่เราไม่ควรลองดูหน่อยเหรอ?”
“จริงเหรอ?”
ดวงตาที่สับสนของราชาปีศาจหันไปทางนักบุญหญิง
นักบุญหญิงถอนหายใจ
“เทพธิดาได้ให้คำทำนายเช่นนั้นจริง…”
“แล้วทำไมเธอจึงปิดบังเอาไว้?”
"คือว่า……"
ใบหน้าของนักบุญซีดเผือด
ในที่สุด เมื่อเธอกำลังจะเอ่ยปากอีกครั้งภาพตรงหน้าก็พลันเลือนหาย
การมองเห็นของฉันพร่าเลือนลง พร้อมกับเสียงรบกวนแทรกเข้ามา แต่เสียงนั้นก็หายไปในไม่กี่วินาที และนักบุญหญิงก็พูดขึ้น
“ถึงจะเริ่มต้นใหม่ แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าจะเปลี่ยนผลลัพธ์ได้?”
เสียงนักบุญแผ่วเบา
“จบแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ?”
น้ำเสียงของเธอเบาลงกว่าเดิม
“เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ในทาวน์เนียทั้งหมดได้ร่วมมือกัน! ในสงครามครั้งนั้น พวกเราไม่สามารถเอาชนะได้แม้แต่ครั้งเดียว…และท่านต้องการให้เรากลับไปที่นั่นอีกงั้นหรือ?”
ไม่มีใครโต้แย้ง
แม้แต่ชายหนุ่มที่นั่งหัวโต๊ะก็ยังหลับตา
“พวกเราทุกคนเหนื่อยล้ากันหมดแล้ว ฉันคิดว่าจบตรงนี้ดีกว่า”
"......"
บรรยากาศเริ่มสงบลง
ฉันพยักหน้าและสรุปบทสนทนา
คนเหล่านี้คือผู้พิทักษ์ที่พยายามปกป้องทาวน์เนีย
มนุษย์ สัตว์อสูร ไม่ว่าเชื้อชาติใดก็มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันต่อสู้ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่สามารถใช้พลังของตนเพื่อเอาชนะสงครามได้ และตอนนี้พวกเขามารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้และรอความตาย
ไม่มีความแตกต่างที่สำคัญอะไร
หากฮีโร่ระดับ 3 ดาวมาที่นี่และเห็นภาพเบื้องหน้า ทุกคนคงพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่ลังเล
ฉันหัวเราะเบา ๆ
หากมองดูภาพที่เห็นในตอนนี้
จะเห็นได้ชัดเจนข้อหนึ่งว่า…พวกเขากำลังหวาดกลัวสงคราม
“……ขี้ขลาด”
เฟรียซิสพึมพำ
ดวงตาสีทองของเธอเป็นประกาย
“พวกท่านคิดว่าไม่สามารถเอาชนะได้งั้นเหรอ? ปล่อยให้มันจบลงแบบนี้งั้เหรอ? อย่ามาล้อเล่น อย่ามาพูดจาเหลวไหล! ทหารของพวกท่านเองกำลังเฝ้ามองอยู่! พวกท่านกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน!”
เฟรียซิสเตะเก้าอี้ของเธอแล้วลุกขึ้นยืน
ใบหน้าซีด ๆ ของเธอบัดนี้แดงก่ำ
“ครั้งหนึ่ง ฉันเคยคิดว่าพวกท่านเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง แต่ฉันคิดผิด...พวกท่านเป็นพวกใจแคบ!
ไม่ละอายใจตัวเองบ้างหรือ? ละอายใจบ้างไหม?!”
เฟรียซิสชักดาบออกมา
“ทำไมไม่มีใครยืนเคียงข้างฉัน? แม้โอกาสจะริบหรี่ แม้เพียงน้อยนิด หากมีทางพวกเราก็ควรลองดูสักครั้งไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลย?!”
"......"
แต่ก็ยังไม่มีใครเอ่ยปากอะไรออกมา
"งั้นฉันจะทำ ฉันจะทำเอง ไม่ว่าจะร้อยครั้ง พันครั้ง! ฉันก็จะย้อนกลับไปแก้ไข แม้ร่างกายของฉันจะแหลกสลาย หากฉันสามารถช่วยเหลือผู้คนของฉันได้…ฉันก็จะทำ!!”
ณ ที่แห่งนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าวีรบุรุษที่แท้จริงสำหรับเธอ
เฟรียซิสมองรูปปั้นเทพธิดาเบื้องหลังบัลลังก์ด้วยแววตาที่ลุกโชน
และเธอก็เล็งดาบสีเงินไปที่รูปปั้นเทพธิดา
“ท่านเทพธิดา หากท่านกำลังเฝ้ามองพวกเราอยู่ ได้โปรดรับฟังคำขอของฉันด้วย! อันตัวข้า เฟรียซิส อัล รักนา ขอรับข้อเสนอนี้แต่เพียงผู้เดียว หากไม่มีใครไป ฉันจะกลับไปยังที่แห่งนั้นเพียงลำพัง!”
ครืน
รูปปั้นเทพธิดาแฝดเริ่มสั่นไหว
ริมฝีปากของเทพธิดาที่ทำจากหินอ่อนเปิดออก และเสียงลึกลับก็ดังมาจากรูปปั้น
“ผู้สืบทอดเฟรียซิส....”
ไม่ใช่เสียงแหลมที่ทำให้รู้สึกหูอื้อ
น้ำเสียงนั้นใสราวกับสายลมที่พัดผ่าน
“บัดนี้ คำอวยพรได้สิ้นสุดลงแล้ว”
"สำหรับคนเหล่านั้น…"
เฟรียซิสมองกลับไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าเย็นชา
“จงปล่อยให้พวกเขาจบสิ้น ณ ที่แห่งนี้”
“เดี๋ยว! ท่านกำลังพูดถึงอะไร?!”
กรึ้ก
ใบหน้าของรูปปั้นเทพธิดาฝาแฝดหันไปทางโต๊ะ
แสงสีแดงเปล่งประกายออกมาจากดวงตาทั้งสองคู่
“สำหรับผู้ที่ไม่คู่ควร พวกเขาสมควรได้รับคำสาป”
"อั่ก!"
ชายคนหนึ่งกุมหน้าอกของเขาเอาไว้
เขาครวญครางด้วยความเจ็บปวดและกระอักเลือดสีแดงเข้มออกมา เริ่มจากชายคนนั้น จากนั้นคนอื่น ๆ ก็เริ่มล้มลง แต่ล่ะคนก็อาเจียนเป็นเลือด
“ผู้สืบทอดบัลลังก์ทองคำ ข้าจะมอบพรแห่งเทพธิดาให้แก่เจ้า โอกาสอันไร้ที่สิ้นสุดจะถูกมอบให้เจ้า และวีรบุรุษผู้สูงศักดิ์จะตามมาช่วยเหลือเจ้าภายหลัง”
"......"
เฟรียซิสหลับตาลง
เบื้องหน้ามีมนุษย์และสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกระอักเลือด
“อ อะ อัก! เฟรียซิส!”
ชายหนุ่มผมบลอนด์กรีดร้อง แต่เฟรียซิสไม่ยอมลืมตา
และจากนั้น
ครืนนนน
พระราชวังทั้งหลังเริ่มสั่นสะเทือน
เสาล้มลงและแตกกระจายทีละต้น เพดานบางส่วนก็ถล่มลงมา
นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการล่มสลาย พระราชวังกำลังจะพังทลาย
“จงรับความท้าทายนั้น จงรับมันไป และเอาชนะโชคชะตาของเจ้า บัลลังก์ทองคำเป็นของเจ้า”
พระราชวังพังทลายลงท่ามกลางเสียงของเทพธิดา
'อืม'
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้?
การกระทำของเฟรียซิสนั้นเหมาะสมแล้ว
ไม่มีใครในที่นี้คู่ควรกับการถูกเรียกว่าวีรบุรุษ
บางคำถามได้รับคำตอบแล้ว
สาเหตุที่เฟรียซิสเป็นตัวละครหลักในภารกิจนี้
กล่าวตรง ๆ คือ ทาวน์เนียอยู่รอบเธอ
วีรบุรุษที่ได้เลื่อนขั้นจะเข้าใจว่าเหตุใดพวกเขาจึงถูกเรียกตัวมาต่อสู้ที่นี่และต้องตั้งใจทำภารกิจให้สำเร็จ มันเป็นวิธีเสริมสร้างขวัญกำลังใจ
'ใช่'
ถ้าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง
ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและยิ้มออกมา
ตอนนี้ไบฟรอสต์กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ฉันต้องเอาชนะมัน”
ก่อนที่ทุกสิ่งจะถูกฝังใต้ดิน ฉันชักดาบออกมา
แสงสีดำวูบวาบออกมาจากไบฟรอสต์ ยูเน็ตกล่าวว่าดาบเล่มนี้มีพลังแทรกแซงโชคชะตา ฉันคิดว่าการใช้มันตอนนี้คงจะเหมาะสม
ฉันคว้าไบฟรอสต์สีดำที่กำลังลุกไหม้
ฉันจับด้ามดาบไว้แน่น ตั้งท่า และฟาดฟันลงไป
ชึ้งงง!
สิ่งที่บดบังการมองเห็นของฉันแตกกระจายเหมือนเศษแก้ว