Chapter 26: ก่อความบาดหมาง
เวลาผ่านไปทีละน้อย แสงจากดวงตะวันที่กำลังจะตกส่องผ่านหน้าต่างลงยังโต๊ะไม้เป็นสีแดงสดสว่าง ซาหลูข่านั่งอยู่หลังโต๊ะตัวนี้ในห้องทำงานของตัวเอง สีหน้าของเขาเรียบเฉยขณะถือแก้วกาแฟไว้ในมือ กลิ่นกาแฟหอมฟุ้งไปทั่วห้องแต่ซาหลูข่าไม่แม้แต่จะลองชิม
เขารู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ มีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น
ซาหลูข่ามั่นใจในสัญชาตญาณของตัวเองที่สุด สัญชาตญาณของเขานี่แหละที่พาเขารอดจากความตายมาหลายครั้งคราว ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น แต่เขาจำเป็นต้องรู้เสียก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น
"พลาดอะไรตรงไหนไป?" ซาหลูข่าขมวดคิ้วขณะเริ่มสงสัยในสถานการณ์ปัจจุบัน ความคิดแรกของเขาก็คือ ไอ้หนูท่อสกปรกนั่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหรณ์ใจไม่ดีของเขา
"เป็นไปไม่ได้ ทีมของแฮงก์จะทำภารกิจนี้สำเร็จได้อย่างง่าย ๆ!" ซาหลูข่าหลุดหัวเราะที่แผงแววขำตัวเองออกมาขณะส่ายหน้า ไอ้โง่มีอาวุธคนหนึ่งจะสู้ทหารจริง ๆ ได้ยังไงกัน ไม่ต้องพูดถึงว่า นั่นเป็นทีมที่เขาเชื่อมั่นที่สุดด้วย ปัญหาเดียวน่าจะเป็นการไล่ไอ้หนูสกปรกนั่นออกจากรังที่มันซ่อนตัวอยู่มากกว่า ซาหลูข่าหัวเราะกับตัวเองอีกครั้งที่คิดมากไป ในตอนที่เขากำลังจะคิดต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หน้าจอสว่างแสดงชื่อผู้โทรเข้าเป็นอีแร้ง!
ซาหลูข่ากลั้นหายใจ จากนั้นครู่หนึ่งถึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คราวนี้เขาไม่ได้เริ่มพูดก่อน เขารอจนอีกฝั่งเริ่มต้นสนทนา เขาไม่เชื่อว่าคนของตนจะทำภารกิจล้มเหลว แต่เขาจำเป็นต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
"แกคงคิดว่าเป็นคนของแกโทรมาใช่ไหม? หึ ฉันมีข่าวร้ายหลายอย่างให้แก แกลองโทรด่วนไปนรกดูนะ! โอ้ เดี๋ยวนะ แกก็กำลังจะไปรวมตัวกับพวกมันที่นั่นในไม่ช้าแล้ว เพราะงั้นก็คงไม่ลำบากแล้วแหละ! พาร์ทเนอร์คนใหม่ของฉันให้ข้อเสนอที่ดีกว่าแล้วก็รับปากข้อเรียกร้องของฉันแล้ว! ฉันแทบจะรอเห็นแกตายไม่ไหวแล้ว!" ฉินหรานพูดอย่างเร็วและพยายามก่อความขุ่นเคืองให้ซาหลูข่า พอพูดจบเขาก็กดวางสายโทรศัพท์ทันทีไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับและถอดแบตเตอรี่ออก ซาหลูข่าพยายามโทรกลับ แต่โทรไม่ติด
"แม่งเอ๊ย!" เขาปาโทรศัพท์ในมือลงพื้นด้วยความโมโห หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็สงบใจลงได้ เขาไม่เชื่อคำโกหกที่ไอ้หนูท่อนั่นบอกกับเขาแต่เขายังต้องให้ความสนใจเรื่องนี้จริง ๆ
"ผู้ช่วย! ติดต่อแฮงก์!"
"ครับ ท่าน!" ทหารผู้ช่วยที่ตัวสั่นระริกรับคำทันที เขาพบว่าหลายวันนี้หัวหน้าของเขาอารมณ์เสียง่ายขึ้นมาก
สถานการณ์แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
ในฐานะผู้ช่วยของซาหลูข่า ข้อมูลของเขาค่อนข้างแม่นยำ เขากดความคิดและคำถามทั้งหมดเอาไว้และทำตามที่ได้รับคำสั่งมา ผ่านไปสองสามนาทีผู้ช่วยก็รายงานกลับมา
"ท่านครับ การสื่อสารล้มเหลว ผมพยายามติดต่อร้อยโทแฮงก์และทุกคนในทีม แต่ไม่สามารถติดต่อได้เลยครับ"
"บ้าเอ๊ย! ส่งหน่วยสอดแนมหน่วยอื่นออกไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น" ซาหลูข่ายังไม่หมดหวัง
"ครับ ท่าน!" ผู้ช่วยทำความเคารพและออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว เหลือซาหลูข่าไว้คนเดียว เขาเริ่มทบทวนคำพูดของไอ้หนูท่อนั่น
"มีคนช่วยไอ้สารเลวนั่นและรับปากว่าจะจัดการฉัน?" ซาหลูข่าหรี่ตาขณะคิดว่าคนผู้นั้นควรจะเป็นใคร คนที่จะรู้ว่าเขาส่งคนของตัวเองออกไปทำภารกิจและสามารถจัดการกับทีมของแฮงก์ได้อย่างเงียบเชียบ... มีคนไม่มากที่เข้ากับเงื่อนไขเหล่านี้
ที่จริงก็มีเพียงคนเดียว นายพลเจินหนิง
เจินหนิงเป็นเพียงผู้เดียวที่รู้ว่าเขาร่วมมือกับอีแร้ง ซึ่งจริง ๆ แล้ว อัญมณีครึ่งหนึ่งนั้นก็เป็นส่วนของเจินหนิง ซาหลูข่าตกลงกับเจินหนิงว่าหากเขามอบส่วนแบ่งให้มากพอ เขาจะสามารถออกไปจากเมืองนี้ได้พร้อมกับทรัพย์สินทั้งหมด
เจินหนิงควบคุมทางเข้าออกเมือง
มันไม่ใช่ความลับจริง ๆ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังกบฏล้วนแล้วแต่รู้เรื่องนี้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงสามารถต่อรองกับกองกำลังของรัฐบาลได้
ใช่ กองกำลังกบฏและรัฐบาลได้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว และนั่นก็เป็นเหตุผลให้ซาหลูข่าเร่งรัดอีแร้งเรื่องนี้ แต่ตอนนี้...
ลมหายใจของเขาหนักหน่วง หัวใจเต้นเร็วขึ้น ซาหลูข่าโกรธจัด เขาถูกอีกฝ่ายทำเหมือนเขาเป็นคนโง่
"เจินหนิง!" เขาคำราม กัดฟันแน่น ดวงตาวาวโรจน์ราวหมาป่าหิวโหยเฝ้ารอฉีกกระชากเหยื่อของมันเป็นชิ้น ๆ เขาไม่เพียงแค่สูญเสียทรัพย์สมบัติก้อนใหญ่ไป เขายังต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตอีกด้วย
ซาหลูข่ารู้จักเจินหนิงดีพอ ถ้าเจินหนิงวางแผนยึดเอาอัญมณีทั้งกระเป๋าไปก็คงคิดจะฆ่าทุกคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของอัญมณีเหล่านี้ ถ้าซาหลูข่าอยากมีชีวิตรอด เขาต้องรีบลงมือ
"แกบังคับฉันเองนะ!" ซาหลูข่าพึมพำโกรธเกรี้ยวก่อนจะตะโกน "ผู้ช่วย! ให้ทุกคนในค่ายเตรียมพร้อมและส่งสัญญาณเตือนออกไป!" คนอย่างซาหลูข่าจะไม่นั่งงอมืองอเท้า เขาสาบานว่าใครก็ตามที่ขวางทางเขาจะต้องชดใช้ด้วยราคาสูงสุด ต่อให้ผลจะออกมาว่าคนคนนั้นจะเป็นนายพลของกองกำลังกบฏ ทันทีที่หน่วยทหารของเขากลับมา เขาจะได้รู้ความจริง
...
ในขณะที่เขาซ่อนอยู่ในเงาของซากปรักหักพัง ฉินหรานก็เล็งไปที่ฐานที่มั่นของกองทัพที่ไกลออกไป หน่วยสอดแนมเพิ่งออกไปจากพื้นที่ยืนยันว่าแผนของเขาได้ผล ตอนที่ฉินหรานรู้สถานะของคนทรยศนั่น เขาก็วางแผนก่อความขัดแย้ง
การที่นายพลเจินหนิงวางหนอนบ่อนไส้ไว้ในทีมของพันตรีซาหลูข่าและท่าทีของคนทรยศนั่นต่อซาหลูข่ายืนยันว่าทั้งสองไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันแม้ว่าจะเป็นกองกำลังเดียวกันก็ตาม
อย่างน้อยมันก็ดูเป็นอย่างนั้น
ซาหลูข่าคิดว่าตัวเองสามารถซ่อนของเหล่านั้นจากเจินหนิงได้ และเจินหนิงก็คิดว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม เมื่อมีในสมการมีคนที่กระหายอำนาจเช่นนี้ ทั้งหมดที่ต้องการก็คือประกายไฟเล็ก ๆ เพื่อจุดระเบิด
ฉินหรานยินดีอย่างยิ่งที่จะเป็นประกายไฟเล็ก ๆ นั่น
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉินหรานถึงโทรไปหาซาหลูข่า เขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจนและไม่ให้ซาหลูข่ามีโอกาสตอบ ฉินหรานรู้ว่ายิ่งพูดมากก็จะยิ่งมีโอกาสล้มเหลว
ชายที่แข็งแกร่งอย่างซาหลูข่าจะไม่เชื่อคำพูดของเศษสวะคนหนึ่ง เขาเชื่อเฉพาะสิ่งที่เห็นด้วยตาและสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง แม้ว่าเขาจะได้รู้ความจริงผิด ๆ เขาก็จะเชื่อแค่ตัวเองเท่านั้น
ส่วนนายพลเจินหนิง?
ฉินหรานพอจะเดาว่าคนผู้นั้นจะจัดการอย่างไรกับการกำเริบเสิบสานของซาหลูข่า ถ้าติดต่อคนทรยศไม่ได้ อย่างนั้นอีกไม่ช้าก็จะเกิดความขัดแย้งภายในกองกำลังกบฏ
ในขณะเดียวกัน ฉินหรานต้องทำให้แน่ใจว่าแผนของเขาจะสำเร็จและพยายามกำจัดโอกาสของความล้มเหลว เป้าหมายของเขาไม่ใช่พันตรีซาหลูข่าแล้ว แต่เป็นนายพลเจินหนิง ตั้งแต่ตอนที่นายพลเจินหนิงเข้ามามีบทบาท ฉินหรานก็ตัดสินใจแล้วว่าจะฆ่าเขาให้ได้เพื่อยกระดับการประเมินหลังจบดันเจี้ยน
มีเพียงหนทางนี้เท่านั้นที่เขาจะบรรลุเป้าหมายแท้จริงของตัวเองซึ่งก็คือเก็บเงินให้มากพอที่จะรักษาโรค มันยาก แต่เขาก็ยังไม่ได้คิดจะยอมแพ้ เขายังมีความหวังและความฝันอีกมากในชีวิต
ฉินหรานหายใจเข้าลึกและปัดความคิดวุ่นวายอื่น ๆ ทิ้งไปขณะมองไปที่พระอาทิตย์ จากนั้นก็มองปืนไรเฟิลลอบสังหารที่เขาเพิ่งได้มา
[ชื่อ: Viper-M1]
[ชนิด: อาวุธปืน]
[สภาพ: ดีเลิศ]
[การโจมตี: รุนแรงมาก]
[ความจุกระสุน: 5 นัด]
[ค่าสถานะ: 1 เจาะเกราะระดับ 1; 2 ยิงไกลระดับ 2]
[ผลลัพธ์: ไม่มี]
[เงื่อนไขการใช้งาน: การใช้ปืน (ปืนกลเบา) (พื้นฐาน)]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: กระสุน 12.7 มิลลิเมตรมีความรุนแรงและระยะยิงสูงมาก แต่ก็ต้องมีระดับสกิลที่เหมาะสมด้วย!]
...
[เจาะเกราะระดับ 1: สามารถทะลุทะลวงเสื้อเกราะเบาได้]
[ยิงไกลระดับ 2: ระยะยิงหวังผลที่ 1 กิโลเมตร]
...
ต่างจากไรเฟิลดัดแปลงที่ฉินหรานเคยมีมากนัก [Viper-M1] นั้นคือของจริง ไม่ใช่เพราะมีค่าสถานะพิเศษสองอย่าง แต่เพราะว่ามันมีพลังโจมตี [รุนแรงมาก]
ตามที่ระบบอธิบายเกี่ยวกับอาวุธปืนและระเบิด ระเบิด [U-II] มีอำนาจทำลายล้างเป็น [รุนแรง] และ [M12] กับ [M1905] นั้นแค่ [ธรรมดา] ส่วน [Viper-M1] นั้นเหนือกว่าทุกกระบอกมีอำนาจทำลายล้างเป็น [รุนแรงมาก]
ต่อให้ไม่มีค่าสถานะพิเศษสองอย่างนั้น แค่อำนาจทำลายล้างที่มันมีก็น่ากลัวมากพอ ไม่มีใครสามารถรอดชีวิตจากการถูกยิงจัง ๆ ได้แน่นอน แม้ว่าตอนนี้ฉินหรานจะมีค่าพลังชีวิตเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบเท่า ๆ กับคนทรยศนั่น ก็ยังไม่สามารถต่อต้าน [Viper-M1] ได้
หลังจากที่ฉินหรานฟื้นฟูค่าพลังชีวิตของตัวเองเรียบร้อยเขาถึงได้รู้ว่า ค่าพลังชีวิตสูงสุดของตนเองนั้นเพิ่มขึ้นห้าสิบ ไม่ใช่แค่ยี่สิบ
นั่นเป็นเพราะว่า จากเดิมค่าพลังชีวิตที่ี่ระบบให้คือหนึ่งร้อยและเพิ่มขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์จากการเพิ่มขึ้นของ [พลังป้องกัน] ของฉินหราน ดังนั้นค่าพลังชีวิตสูงสุดจึงเป็นหนึ่งร้อยห้าสิบ เช่นเดียวกับการเพิ่มขึ้นของ [กำลังกาย], [ค่าสถานะ] และอุปกรณ์สวมใส่ด้วย เขาเปิดหน้าต่างตัวละคร และตรวจดูอย่างละเอียด
[ชื่อ: ฉินหราน]
[อายุ: 17 (เพศชาย)]
[เผ่าพันธุ์: มนุษย์]
[คำนำหน้า: ไม่มี]
[พลังชีวิต: 150]
[กำลังกาย: 150]
…
[พลังโจมตี: F+]
[ความคล่องแคล่ว: F]
[พลังป้องกัน: F+]
[ความฉลาด: F+]
[สัญชาตญาณ: F+]
…
[สกิล: อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน), หลบหลีก (พื้นฐาน), อำพราง (พื้นฐาน), อาวุธปืน (ปืนกลเบา) (เริ่มต้น), การต่อสู้มือเปล่า (พื้นฐาน), ตามรอย (พื้นฐาน)]
[อุปกรณ์: กริช x1, M1905, Viper-M1, UII x8]
[ช่องเก็บของ: อาหารกระป๋อง x2, น้ำ x2, ยาแก้ปวด x1, ผ้าพันแผล x2, ไฟแช็ก x1, บุหรี่, ลูกกระสุน]
[หมายเหตุ: ก็ยังเป็นมือใหม่ แต่ว่าแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป]
.
.
.
.