ตอนที่แล้วChapter 1066 รองเจ้านิกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 1068 อาหนิว เข้าสู่หอหลิงเหยี่ยน

Chapter 1067 พรสวรรค์พิเศษ หลานกัง


นายน้อยหยวนผู้ที่เคยเป็นรองเจ้านิกายราชันย์มาร ได้มาทดแทนส่วนที่จุนซ่างเซียวไม่มี.

และเขาก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่บกพร่อง.

นายน้อยหยวนไม่เพียงแค่ดูแลเรื่องบัญชีอย่างเข้มงวด.

เขายังมีส่วนช่วยในการสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่ยังขาดของนิกายให้ครบถ้วนด้วย.

โดยเฉพาะธุรกิจของนิกาย ที่ใช้เวลาหลายวันหลายคืนในการวางแผน เพื่อบริหารงานให้มีประสิทธิภาพ.

“เจ้านิกาย คิดว่าอย่างไร?”นายน้อยหยวนเอ่ยถาม.

จุนซ่างเซียวที่ตรวจสอบแผนการของอีกฝ่าย พลางเอ่ยออกมาว่า“ไม่เลว จัดการแผนการที่เจ้าวางไว้ได้เลย.”

ด้วยแผนการเช่นนี้ เขาไม่สามารถคิดได้อย่างแน่นอน.

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการเลือกคนที่เหมาะสมกับงาน งานแบบนี้เหมาะสมกับนายน้อยหยวนที่สุดแล้ว.

เขาที่เป็นเจ้านิกาย มีเพียงแค่อนุมัติแผนการ และจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ลับ ๆ เท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวในรายระเอียด.

ส่วนถางจู่ฟ่าน.

หลายวันมานี้เขาที่ทำการหลอมจิตวิญญาณให้กับอาวุธเทวะของพวกหลี่ชิงหยาง แม้นว่าจะค่อยข้างยาก ทว่าก็ถือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ทำให้ฝีมือของเขายกระดับขึ้น.

เหมือนกับที่จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ฟ่านเย่จื่อนั้นขาดอุปกรณ์ระดับเทวะเพื่อฝึกฝนทักษะของตัวเอง เมื่อเขามีโอกาสก็จะทำให้ฝีมือพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ.

“ฟู่!”

บนเก้าอี้ห้องหนังสือ เท้าสองข้างที่ถูกยกขึ้นวางบนโต๊ะ.

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวอย่างพอใจ “หอตีเหล็กมีถางจู่แล้ว รองเจ้านิกายก็มีแล้ว ทว่ายังขาดผู้พิทักษ์......ดูเหมือนว่ายังมีอีกหลายตำแหน่งทีเดียว.”

สี่ผู้พิทักษ์หมางฟู่ กุยเม่ย และอีกสองคนที่เป็นคนของนิกายราชันย์มารได้ถูกกำราบแล้ว ทว่าพวกเขาที่มีพลังระดับจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น เป็นเพียงแค่ลิ่วล่อ ไม่สามารถที่จะรับมือการต่อสู้ระดับสูงได้.

“ใช่แล้ว.”

จุนซ่างเซียวที่ตบหน้าผาก “ก่อนไปจังหวัดตงไห่ยวี ข้าตั้งใจว่าจะหาแกนวิญญาณปฐพีเพื่อยกระดับให้เปปป้า คาดไม่ถึงเลยว่าจะลืมได้.”

ระบบเอ่ย “น่าสงสารเจ้าตัวเล็ก ที่ไม่ได้อยู่ในใจของโฮสน์.”

“ไม่ได้การล่ะ.”

จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้นและเดินออกไป “ต้องไปดูสักหน่อย.”

ด้วยเหตุนี้ เขาไม่รั้งรอเดินทางไปยังหอสัตว์วิญญาณ เรียกราชาไป่ชิว ราชาพยัคฆ์ราชากวาง พร้อมกับออกคำสั่งให้พวกเขาไปหาแกนผลึกธาตุปฐพีมา.

......

หลังจากเสร็จเรื่องดังกล่าว จุนซ่างเซียวที่กลับมายังห้องโถง.

ขณะนั่งลงเพียงไม่นานหลังจากนั้น เย่ซิงเฉินก็ก้าวเข้ามา เอ่ยออกไปว่า“เจ้านิกาย เมื่อไหรข้าจะได้อาวุธเทวะ?”

“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย ”ขอเพียงเจ้าทำงานเพื่อนิกาย เปิ่นจั้วย่อมมอบอาวุธเทวะเฉพาะให้กับเจ้าอย่างแน่นอน.

หลายวันมานี้อาหนิวทำงานอย่างเต็มที่ ทำให้แต้มบุญของเขาในหอหลิงเหยียนยกระดับไปจนถึง 96 แต้มแล้ว เหลืออีกนิดหน่อยก็จะเต็มร้อยแล้ว.

“เจ้านิกาย อาวุธเทวะที่ได้รับมาจากราชันย์เจิ้นเหว่ย มอบให้ศิษย์ไม่ได้อย่างงั้นรึ?”

อาหนิว.

เจ้าเปลี่ยนไป!

เพื่ออาวุธถึงกับต้องทิ้งศักดิ์ศรีมาขอเลยรึ?!

“ไม่ได้”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “อาวุธเทวะนั่น เปิ่นจั้วเก็บไว้ใช้.”

ไม้เท้าแม่น้ำและขุนเขานำทางนั้นแน่อนว่าเป็นอาวุธเทวะ ทว่ามันกับมีรูปร่างน่าหงุดหงิดมาก กล่าวได้ว่าหอกของราชันย์เจิ้นเหว่ยนั้นเหมาะสมที่สุดกับเขา.

เย่ซิงเฉินไม่ได้เอ่ยกล่าวอะไรอีก ก่อนที่จะหันหลังกลับไป.

“เดี๋ยวก่อน.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ถ้าเจ้าต้องการอาวุธเทวะเร็ว ๆ เจ้าก็ไปท้าทายยกระดับผังผู้กล้าสิ.”

“รับทราบ.”

ก่อนหน้านี้เขาได้ออกไปต่อสู้ ทำให้เขาไม่มีเวลาอันดับจึงอยู่ที่ผังปฐพีอันดับ 40  และเขาก็รู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรน่าสนใจก็เลยเลิกคิดเกี่ยวกับการจัดอันดับไป.

ตอนนี้ในเมื่อเจ้านิกายแนะนำ เขาจึงเตรียมออกจากนิกายนิรันดรตอนเช้า เพื่อยกระดับอันดับ.

“ศิษย์น้องเย่.”

ขณะจะลงเขา เซียวจุ้ยจื่อก็ก้าวมาหยุด เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะไปกับเจ้า.”

......

ขณะที่ทั้งสองจากไปไม่นาน หนิงตู่ซิงก็เข้ามาในห้องโถง ยกมือประสานเอ่ยออกไปว่า“เจ้านิกาย ที่ด้านนอกนั้นมีชายวัยกลางคน บอกว่าต้องการเข้าร่วมนิกายนิรันดร.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ยังไม่ถึงวันรับศิษย์ไม่ใช่รึ?”

ในเมื่อนิกายได้ตั้งกฎเกณฑ์รับศิษย์ทุกเดือน จะให้ยกเว้นพิเศษได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนแห่มาขอสิทธิพิเศษเรื่อย ๆไม่ใช่รึ?

“เจ้านิกาย.”

หนิงตู่ซิงเอ่ย “คือเขามีความสามารถพิเศษ.”

“ความสามารถพิเศษอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยออกไปว่า“เช่นนั้นก็เชิญเขามา เปิ่นจั้วจะตรวจสอบด้วยตัวเอง.”

หนิงตู่ซิงที่ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว.

ผ่านไปหนึ่งนาที ก็ปรากฏบุรุษในชุดโอ่อ่า เป็นชายวัยกลางคนก้าวเดินเข้ามา ยกมือประสานไปด้านหน้า “ข้าหลานกัง คารวะเจ้านิกายจุน.”

จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย.

หลังจากคนผู้นี้เข้ามา ก็พบว่ากลิ่นสุราที่หอมโชยออกมา.

นี่เขาดื่มมาอย่างงั้นรึ? ถึงได้มีกลิ่นเช่นนี้.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดื่มมาอย่างงั้นรึ?”

“ไม่.”

หลานกังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีอาชีพหมักสุรา ดังนั้นบนร่างจึงมีกลิ่นสุราติดอยู่.”

“หมักสุรา?”

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม “อาชีพนี้น่าสนใจ.”

หลานกังที่ยกมือประสานไปด้านหน้า “ข้าไม่รู้ว่านิกายของท่านมีคนหมักสุราหรือยัง ดังนั้นจึงรับอาสารับหน้าที่ดังกล่าวเป็นพิเศษ ทว่าขอให้เจ้านิกายมอบที่พักพิงให้!”

เกี่ยวกับสุรานั้น นิกายนิรันดรจะซื้อเข้ามาจากเมืองชิงหยางเป็นส่วนใหญ่.

จุนซ่างเซียวเผยท่าทางสงสัย “สุรานั้นมีระดับแตกต่างกัน สุราของเจ้านั้นอยู่ในระดับใด?”

แน่อนถึงแม้นว่าเขาจะสนใจเกี่ยวกับคนหมักสุรา ทว่าก็ไม่สามารถรับได้อย่างง่าย ๆ ไม่เช่นนั้นไม่ใช่ว่าใครหมักสุราได้ ไม่ต้องเดินทางมากันหมดเลยหรอกรึ?

หลานกังโบกมือนำสุราออกจากแหวนมิติ เอ่ยออกมาว่า“นี่คือสุราที่ข้าหมักขึ้นมาเอง เพื่อที่จะให้เจ้านิกายได้ชิม.”

“กึก!”

ขณะที่เปิดฝา กลิ่นหอมของสุราที่ฟุ้งไปทั่วห้องโถงทันที แม้แต่แพร่ออกไปถึงลานยุทธ์.

“กลิ่นหอมมาก!”

“นี่สุราอะไรกัน!”

เหล่าศิษย์ที่กำลังฝึกฝน ได้กลิ่นสุรา ดวงตาเป็นประกายกันทีเดียว.

แม้แต่ศิษย์ที่ไม่ดื่ม หลังจากได้กลิ่น ก็ยังต้องการทดลอง!

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้นจากที่นั่ง ยื่นมือขวาออกไป ก่อนที่จะสะบัดมือดึงขวดสุราลอยเข้ามาหา ก่อนที่จะยกขึ้นกระดกดื่มลงไปทันที.

ในเวลานั้น เมียวไซเฟิงที่ผ่านมาเห็นเข้า ลอบคิดในใจ“นี่เจ้านิกายไม่กลัวถูกวางยาพิษเลยรึ?”

หลังจากดื่มสุราเข้าไป เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมที่คุกรุ่นกระจายไปทั่ว

จุนซ่างเซียวที่วางขวดสุราลง หลังจากชิมอย่างพอใจแล้ว ก็เอ่ยชมทันที “สุราดี!”

หลานกังเร่งรีบเอ่ยออกมา“สุรานี้มีชื่อว่า เมามายา ไม่ว่าใครดื่มแล้วจะต้องเมามาย เจ้านิกายจุนดื่มไปมากมาย โปรดขับฤทธิสุราออกมาด้วยพลังวิญญาณ......”

[醉生梦死 จุ้ย เซิง เมิ้ง สึ  zuì shēng mèng sǐ เมามายา แปลว่า ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าไปวัน ๆ เหมือนคนเมาหรือคนที่อยู่แต่ในโลกแห่งความฝัน]

“พรึด โครม!”

ยังกล่าวไม่จบ จุนซ่างเซียวก็เมาหัวทิ่มลงบนโต๊ะ ราวกับคนเมาไม่ได้สติ.

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”

หลังจากที่เขาล้มลง ลู่เชียนเชียน หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ ก็เข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว อาวุธที่ชักออกไปวางที่คอของหลานกัง.

“ทุกท่าน!”

หลานกังที่ยกมือขึ้นสูง เอ่ยกล่าวอย่างเศร้าใจสุด ๆ.“เจ้านิกายจุนเพียงแค่เมาและหลับไปเท่านั้น.”

เป็นความจริง.

หลังจากผ่านไปสองสามชั่วโมง จุนซ่างเซียวก็ลืมตาขึ้น พลางกล่าวด้วยความประหลาดใจ ”นี่เกิดอะไรขึ้น.

เขาที่จำได้ว่าเขาดื่มสุรา จากนั้นก็หมดสติไป.

“เจ้านิกายจุน!”

หลานกังที่ยกมือ แทบพูดอะไรไม่ออก “บอกให้ศิษย์ของท่านเก็บกระบี่ก่อนเถอะ แขนและขาของข้าเหน็บกินแล้ว!”

“......”

จุนซ่างเซียวที่ให้ศิษย์ของเขาถอยออกไป ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า“สุราของเจ้าฤทธิ์แรงจริง ๆ เปิ่นจั้วถือว่าเป็นคนดื่มสุราเหมือนกัน คาดไม่ถึงว่าจะไม่สามารถทนได้.”

หลานกังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลังจากเจ้านิกายได้สติแล้ว ไม่คิดว่าร่างกายของตัวเองเปลี่ยนไปบางรึ?”

เปลี่ยน?

จุนซ่างเซียวที่ตกใจ.

เขาที่สัมผัสบางอย่างได้ ถึงกับใบหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าร่างกายของเปิ่นจั้วจะสดชื่นและรูขุมขนและชีพจรจะขยายเล็กน้อย!”

“ไม่ผิด!”

หลานกังที่ไม่รู้ว่านั่งลงตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าขณะกำลังบีบขาของตัวเองอยู่นั้นก็เอ่ยออกมาว่า“สุราเมามายาที่ข้าหมักขึ้นมานั้น จะทำให้สามารถดูดซับพลังฟ้าดินได้เร็วและมากขึ้น!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด