Chapter 1054 ต่อสู้
ปรมาจารย์ฟ่าน?
ราชครูที่ยืนอยู่ในวังหลวง ได้ยินคำพูดของจุนซ่างเซียวใบหน้าเปลี่ยนสีกลายเป็นซับซ้อนในทันที.
แม้นว่านิมิตที่เขาได้รับมานั้นจะไม่ชัดเจน ทว่าก็พอจะบอกความเป็นไปได้ แม้แต่รู้ว่าจะโชคร้ายยิ่งกว่าโชคดี คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพบปัญหาเข้าแล้ว.
ราชครู่นั้นไม่ได้มีความสามารถมากมายนัก ทว่าวิชาทำนายของเขานั้น พอจะบอกอนาคตได้คร่าว ๆ บอกได้เพียงว่าโชคร้ายและโชคดีเท่านั้น.
หลายวันมานี้ เขาที่พยายามศึกษาหาข้อมูล แม้นว่าจะไม่สามารถตีความนิมิตอะไรได้ ทว่าพอจะคาดเดาคร่าว ๆว่าเกี่ยวข้องกับปรมาจารย์ฟ่าน ทำให้เขาเป็นกังวลมาตลอด.
วันนี้ จุนซ่างเซียวที่สร้างความวุ่นวายขึ้นที่เมืองเจิ้นเหว่ย กล่าวขอตัวปรมาจารย์ฟ่าน ในเวลานั้นเขาก็ตีครามนิมิตที่เกิดขึ้นได้ทันที.
ราชครูที่พยายามที่เคยเอ่ยเรื่องนิมิตหลายครั้ง ทว่าราชันย์เจิ้นเหว่ยก็กล่าวปัดมาตลอด
ทว่าหายนะครั้งนี้ ดูเหมือนว่านิมิตร้ายจะรุนแรงกว่าทุกครั้งอีก.
ไม่ว่าอย่างไร เกี่ยวกับนิมิตที่รุนแรงนี้เขาจะต้องเร่งรีบรายงานซ้ำอีก!
หายนะมาแล้ว! มหันตภัยมาแล้ว!
“องค์ราชันย์!”ราชครูเร่งรีบตะโกนออกไปเสียงดัง“คน ๆ นี้ก็คือหายนะของอาณาจักรเจิ้นเหว่ยของพวกเราตามนิมิต!”
“โอ้ว?”
แววตาของราชันย์เจิ้นเหว่ยที่กลายเป็นดำมืดทันที กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคือศัตรูของเปิ่นตี้สินะ.”
จุนซ่างเซียวจ้องมอง เห็นว่าอีกฝ่ายต้องการจะสู้ ดังนั้นจึงชี้ออกไปด้านนอก.
“ออกมาสู้ด้านนอก.”
“ฟิ้ว---”
ห้วงมิติที่สั่นไหว ร่างของเขาหายไปในทันที.
ระบบถึงกับพูดไม่ออก “นี่ไม่ใช่บ้านเกิดของโฮสน์สักหน่อย เป็นถิ่นของคนอื่น? กับกังวลผลต่อคนบริสุทธิ์ เลยหาพื้นที่ต่อสู้ใหม่ด้วยตัวเองเลยรึ?!”
“ฟิ้ว!”
ร่างกายของราชันย์เจิ้นเหว่ยที่หายไปในทันที.
“ปราชญ์ยุทธ์!”
เหออู๋ตี้ที่ขมวดคิ้วไปมา.
นอกจากนี้ ห้วงมิติที่ตัดผ่านสั่นไหวอย่างราบเรียบ ไม่ใช่ระดับธรรมดา ดังนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง“คงจะเป็นศัตรูที่ทรงพลังจริง ๆ.”
เย่ซิงเฉินที่ไม่เอ่ยอะไร เร่งรีบบินออกจากเมืองเช่นกัน.
ไม่สงสัยเลยว่าเขาที่รู้สึกหงุดหงุดราชันย์เจิ้นเหว่ยตั้งแต่แรกแล้ว แม้แต่หากมีพลัง เขาต้องการสั่งสอนอีกฝ่ายด้วยตัวเองแน่....
ราชครูเองก็เร่งรีบบินออกไปเช่นกัน.
ราชันย์ของเขาจะแก้วิกฤติได้หรือไม่ เขาไม่สามารถบอกได้เลย.
อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัย เขาได้บินออกไปเพื่อนำปรมาจารย์ฟ่านมาให้เร็วที่สุด เพื่อเตรียมการ ใช้เป็นแผนสำรองด้วย.
......
ห่างออกมาจากเมืองเจิ้นเหว่ยพันลี้ บนเทือกเขาแห่งหนึ่ง.
จุนซ่างเซียวที่ยืนอย่างอหังการ ในมือถือกระบี่มังกรหยกถามสวรรค์ส่องประกายแสงวับวาว.
มือขวาของราชันย์เจิ้นเหว่ยที่ยกขึ้นในอากาศ ปรากฏกระบี่หนักขึ้น รูปร่างของมันดูเหมือนกับดาบสีทอง และยังมีรูปลักษณ์มังกรคำรามสลักเอาไว้อีกด้วย.
กระบี่อำนาจมังกร.
หลังจากที่ราชันย์เจิ้นเหว่ยขึ้นสู่บัลลังก์ เขาได้ระดมช่างตีเหล็กมากมาย เพื่อที่จะใช้คนเหล่านั้นตีอาวุธ ทำให้อาณาจักรเจิ้นเหว่ยแข็งแกร่งขึ้น.
“ฟ่าน?”
จุนซ่างเซียวที่มองเห็นที่ด้ามกระบี่นั้นมีอักขระตัวหนึ่งสลักอยู่ เอ่ยออกมาเล็กน้อย “นี่คงเป็นกระบี่ที่ปรมาจารย์ฟ่านตีขึ้นมาอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด!”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยเอ่ยอย่างภาคภูมิ “กระบี่อำนาจมังกรนั้น เปิ่นตี้ได้ใช้แร่หายากหลายร้อยชนิด กว่าจะได้มันมานั้นไม่ง่ายเลย และยังมีปรมาจารย์ฟ่านผู้มีความสามารถในการตีเล็ก ตลอดจนปรมาจารย์ตีเหล็กอีกหลายสิบคนคอยช่วย ใช้เวลาถึงสามปี ใช้ไฟจากใต้พิภพ กล่าวได้ว่ามันคือราชาแห่งกระบี่!”
“ยอดเยี่ยมเพียงนั้นเลยรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา เอ่ยออกไปว่า “หากเจ้ารู้สมญานามของเปิ่นจั้วอีกชื่อ เจ้าจะไม่นำอาวุธของปรมาจารย์ฟ่านออกมาเด็ดขาด.”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยเอ่ย “ฉายานามอะไรกัน?”
แววตาของจุนซ่างเซียวที่กลายเป็นจริงจัง “ผู้ทำลายอาวุธปรมาจารย์ฟ่าน อาวุธใดของอาจารย์ฟ่านมากมายล้วนแต่ถูกข้าทำลายไปนับไม่ถ้วน!”
เจ้าบอกว่ากระบี่ของเจ้ายอดเยี่ยมก็พอแล้ว ไม่เห็นต้องตั้งฉายาข่มอีกฝ่ายขนาดนั้นก็ได้.
“เจ้ากำลังจะบอกว่า”ราชันต์เจิ้นเหว่ยเอ่ยออกมาเล็กน้อย “อาวุธของเจ้าดีกว่าอาวุธที่ฟ่านเย่จื่อตีขึ้นมาอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย ”อาวุธของปรมาจารย์ฟ่านต่อหน้าเปิ่นจั้วนั้น เป็นเพียงเศษเหล็กเท่านั้น.
โกวเซิ่งยังคงคุยฟุ้งอย่างบ้าคลั่ง.
คนบ้าทั้งสองพบกัน ดูเหมาะสมกันแล้ว.
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่ยกกระบี่อำนาจมังกรขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นเปิ่นตี้คงต้องขอคำแนะนำแล้วสิ.”
“ฟู่ ฟู่!”
อำนาจกระบี่ที่พวยพุ่ง ห้วงมิติบิดเบี้ยว.
เหออู๋ตี้ที่มองแต่ไกลพร้อมกับกล่าวด้วยความตกใจ“คนผู้นี้.....เป็นปราชญ์กระบี่!”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยด้วยความประหลาดใจเช่นกัน “เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าที่เป็นปราชญ์สองวิถียุทธ์และกระบี่อย่างงั้นรึ?”
“เจ้านิกายจุน.”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยเอ่ย แค่นเสียงด้วยรอยยิ้ม “ในโลกนี้ ไม่ได้มีแค่เจ้าหรอกที่บ่มเพาะสองวิถียุทธ์และกระบี่.”
จุนซ่างเซียวหาได้สนใจ เขาที่จ้องมองอย่างจริงจัง ต้องไม่ลืมว่า นับตั้งแต่เขาโกงมา นี่เป็นครั้งแรกที่พบคนที่มีพลังบ่มเพาะสองวิถี และเป็นคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังไม่น้อย.
กล่าวได้ว่าหากเป็นเกมก็คงเป็นบอสใหญ่ของเกมก็ว่าได้.
การเดินทางมายังจังหวัดตงไห่ยวีก็เหมือนเล่นเกมท้ายที่สุดก็มาพบเข้ากับบอสใหญ่จนได้.
เขาที่นึกถึงตลอดการเดินทางพบกับมินิบอสมากมาย สู้มาเรื่อย ๆ จนมาถึงบอสใหญ่ในที่สุด.
“จุนซ่างเซียว!”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่ชี้ไปด้านหน้า อำนาจกระบี่ที่พวยพุ่ง เผยยิ้มเย็นชา “เจ้ายังหนุ่ม กลับบ่มเพาะมาได้ถึงขนาดนี้ กล่าวได้ว่าเป็นยอดพรสวรรค์ของแผ่นดินใหญ่ ทำไมไม่มาเป็นผู้ช่วยเปิ่นตี้ล่ะ?”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้ม “เจ้าเป็นคนที่สองที่รับสมัครเปิ่นจั้ว.”
คนแรกก็คือคนที่กำลังขี่ม้ามุ่งหน้ามายังที่นี่อยู่นั่นเอง ซึ่งใกล้จะมาถึงเมืองเจิ้นเหว่ยแล้ว.
“ผลสุดท้ายนะรึ?”
“ก็ถูกเปิ่นจั้วทุบวิ่งหนีหางจุกตูดเลยนะสิ.”
หากนายน้อยหยวนอยู่ที่นี่ด้วย คงตะโกนดั่งลั่น“ข้าไม่ได้วิ่งหนีหางจุกตูด ข้าไปหาอนาคตที่ดีกว่าต่างหาก!”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่ส่ายหน้าไปมา“คนฉลาด หากไม่สามารถใช้งานได้ ก็มีแต่......”
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้นเขาที่หายไปปรากฏตัวที่ด้านหน้าจุนซ่างเซียว พลังที่อาบไร้ทั่วกระบี่อำนาจมังกรตัดผ่านห้วงมิติพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม พร้อมกับเสียงที่เย็นชา“ตาย!”
สิ้นคำพูดว่าตาย อำนาจกระบี่ที่แผ่แรงกดดันโถมทับลงไป เหล่าทหารที่อยู่ในเมืองไกลออกมายังคงนั่งคุกเข่าพลางส่งเสียงเชียร!
“ติ๊ง ----”
เสียงกระบี่ปะทะกันเสียงดังกึกก้อง ห้วงมิติเกิดประกายไฟถูกทิ้งเอาไว้.
“ตูมมมมม!”
จุนซ่างเซียวที่ถูกผลักลอยออกไป เท้าที่ครูดไปบนพื้น ลากยาวไปไกลหลายร้อยจั้งในทันที.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่พุ่งเข้าหา กวัดแกว่งกระบี่ ปล่อยปราณกระบี่สีทองโจมตีออกไปมากมาย ราวกับตาข่ายที่ถี่ยิบ
อำนาจกระบี่ที่ทรงพลังอย่างที่สุด!
“......”
เหออู๋ตี้และเย่ซิงเฉินที่ลอบมองแต่ไกลพลางขมวดคิ้วไปมา “เจ้าคนที่เรียกตัวเองว่าราชันย์นั่น ดูเหมือนว่าจะยังไม่เอาจริง!”
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ใช้วิชากระบี่ลับเทพเหมันต์ออกมาทันที ปราณกระบี่มากล้นที่เปี่ยมด้วยพลังพวยพุ่งออกไปเช่นกัน.
“ตูมมมมม!”
อำนาจกระบี่ทั้งสองเข้าปะทะกันเสียงดังกึกก้อง ห้วงมิติฉีกขาดเป็นจุด ๆ.
อำนาจกระบี่ที่รุนแรงที่กวาดม้วนแผ่ออกไปรอบ ๆ พื้นที่ทุกหนแห่งกลายเป็นรู กระจายลามออกไปจนทั่ว.
“วิชาลับกระบี่ราชันย์มังกร!”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว กระบี่อำนาจมังกรที่ส่องแสงสีทอง และมังกรคำรามที่สลักอยู่คำรามออกมา พลังวิญญาณที่พวยพุ่งปะทุระเบิด ตามเสียงคำรามของมังกรพุ่งออกไป.
“ตูมมมมม!”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว พร้อมกับกุมกระบี่ ร่างกายที่ปกคลุมด้วยอำนาจกระบี่!
การต่อสู้ของปราชญ์สองวิถี ยุทธ์และกระบี่ ดูเหมือนว่าจะทรงพลังอำนาจน่าเกรงขามไม่แพ้กันเลย!
“ตูมมมม!”
จุนซ่างเซียวที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ ร่างกายที่ราวกับรวมตัวเข้ากับกระบี่ เข้าปะทะกับมังกรทองที่พ่นปราณกระบี่ออกมาเป็นระยะ เกิดระเบิดดังกึกก้องไม่หยุด อำนาจปราณกระบี่ที่สาดกระจายออกมาเป็นระลอกคลื่นอย่างบ้าคลั่ง.
“อะไรกัน!”
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อที่จ้องมองด้วยความตื่นตะลึง.
เย่ซิงเฉินและเหออู๋ตี้ แม้นว่าจะยังคงสงบ ทว่าพวกเขาย่อมเข้าใจได้ดีกว่าทั้งสอง การปะทะกันของปราชญ์สองวิถีนั้น กล่าวได้ว่าแม้แต่ปราชญ์ระดับสูงก็ยากจะต้านทาน!
เหล่าทหารเมืองเจิ้นเหว่ยที่กลายเป็นงงงวยเช่นกัน.
ในสมองของพวกเขานั้น ราชันย์เจิ้นเหว่ยคือเทพเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุด.
ตอนนี้กับปรากฏคนจากแผ่นดินใหญ่ คาดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถต่อสู้ได้อย่างสูสี เรื่องเช่นนี้แม้แต่ฝันก็ไม่เคยคิด!
องค์ราชันย์ยังไม่เอาจริง!
เจ้าคนชื่อจุนซ่างเซียว ต้องแพ้อย่างแน่นอน!
......
“แฮกๆ !”
ห่างออกไปสองสามร้อยลี้ นายน้อยหยวนที่หยุดเดินทาง เขาที่มองออกไปไกลบนท้องฟ้าอำนาจกระบี่ที่สาดกระจายเป็นระลอกคลื่น ทำให้เขาตกใจ“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“นายน้อย!”
เหล่าหลินที่จับจ้อง เอ่ยออกมาว่า“เป็นจุนซ่างเซียว!”
เปรี้ยง!
นายน้อยหยวนราวกับถูกสายฟ้าผ่าลงกบาลอีกแล้ว เขาที่ยกมือกุมศีรษะ เอ่ยกล่าวด้วยความเศร้า พร้อมกับตะโกนเสียงดัง“ทำไมสถานที่ข้าไปต้องมีเขาตลอดกัน!”
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น เหล่าหลินที่บินออกไป ขวางอยู่ด้านหน้าเขาในทันที ฝ่ามือผลักไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ทว่าที่ด้านหน้าของเขาม้าสองตัวขาดออกเป็นสองท่อนด้วยอำนาจกระบี่ที่กวาดผ่านมา!
นี่คือสถานที่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!
ส่วนพื้นที่สิบลี้ที่จุนซ่างเซียวและราชันย์เจิ้นเหว่ยต่อสู้กัน พื้นดินไม่ได้มีแค่รู ทว่าต้นไม้ใบหญ้าก้อนหินก็กลายเป็นรู เป็นรอยฉีกขาดตัดเป็นส่วน ๆ กระจายเต็มไปหมด!