Chapter 1053 เจ้านิกายของแผ่นดินใหญ่
ขณะที่จุนซ่างเซียวเห็นสามีภรรยาพยายามปกป้องทารกในอ้อมกอด มันก็สะเทือนใจของเขาในทันที.
ความรักใดจะเทียมความรักของบิดามารดา.
หากไร้ซึ่งความรู้สึก ก็หาใช่มนุษย์แล้ว.
ข้าจะต้องช่วยพวกเขา.
ข้าไม่ควรทำให้คนบริสุทธิ์ตายไปจากผลของข้า.
เจ้านิกายที่ช่วยเหลือสามีภรรยาประชาชนทั่วไป เซียวจุ้ยจื่อที่ร่อนลงพื้น พร้อมกับปล่อยพลังปฐพีออกมา สร้างกำแพงดินขึ้นมาป้องกันการโจมตีจากภายนอก!
จุนซ่างเซียวไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง ทว่าศิษย์ของเขาสามารถตัดสินใจทันทีเพื่อความเที่ยงธรรม.
ทั้งศิษย์และอาจารย์ที่เข้าขารู้ใจกัน.
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”
ลูกศรระเบิด 100,000 ที่ระเบิดเสียงดังกึกก้อง รุนแรงเป็นอย่างมาก.
มันได้กระแทกไปยัง กำแพงดินที่แข็งแกร่งสั่นไปมา.
ในเวลานั้น เหล่าประชาชนในเมืองที่กลายเป็นงงงวยเป็นอย่างมาก ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าทำไมผู้บุกรุกถึงได้ปกป้องพวกเขา.
จะกล่าวให้ถูกต้องกองทัพอาณาจักรเจิ้นเหว่ยนั้นเปิดฉากโจมตีเมืองตัวเอง ศิษย์ของนิกายนิรันดรกับปกป้องดิแดนของพวกเขา.
เป็นเรื่องราวที่พิลึกพลิกกลับเป็นอย่างมาก!
......
ในเวลานี้.
นายน้อยหยวนและเหล่าหลินที่ขี่ม้าเดินทางเข้าใกล้เมืองเจิ้นเหว่ยแล้ว.
......
“ตูมมมม! ตูมมมม! ตูมมมม! ตูมมมม!”
ลำแสงของลูกศรมากมายที่โจมตีเข้าไปยังผนัง เกิดเสียงดังไม่หยุด!
“ฟู่ ฟู่!”
คลื่นกระแทกที่แผ่ออกไปรอบ ๆ อย่างหนักหน่วงรุนแรง!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่การระเบิดค่อย ๆ เบาลง เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนอยู่กับที่ อย่างไรก็ตามเขาที่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเผยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์.
กำแพงดิน ดูเหมือนว่าจะมีพลังป้องกันที่ไม่ธรรมดา ไม่ปล่อยการโจมตีเข้ามาถึงเลยแม้แต่น้อย.
“นี่มัน......”แม่ทัพที่ตะลึงงันไปเลยทันที.
“ฟิ้ว!”
อย่างไรก็ตามเขาที่เหวี่ยงกระบี่ออกไปอีกครั้ง“ยิงออกไปอีกครั้ง!”
ในเมื่อครั้งเดียวไม่ได้ผลก็ต้องใช้หลาย ๆ ครั้งเพื่อที่จะทำลายเหล่าโจรผู้ร้าย เพื่อที่จะให้วังหลวงปลอดภัย!
เจ้าคนดังกล่าวไม่มีริ้วแสงสีแดง ไม่ได้รับทักษะประทานพลัง แต่กับไม่สนใจชีวิตชาวเมือง ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้จะภัคดีอย่างเสียสติไปแล้ว!
“ฟิ้ว ------”
ทหารหนึ่งแสนคนที่รั้งสายขึ้นอีกครั้ง ทว่าริ้วแสงสีแดงชายสองสายที่พุ่งกวาดออกไปด้านนอกกำแพงเสียงดังสนั่น.
“ตูมมมม ตูมมมม ตูมมมม!”
ริ้วแสงดังกล่าวนั้น สังหารทหารไปกว่าพันคนในทันที.
เหออู๋ตี้ที่ยืนอยู่บนกำแพงเมือง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่สนแม้แต่พวกเดียวกัน ยิงคันศรสังหารประชาชนของตัวเอง นี่เรียกว่าทหารปกป้องแผ่นดินเกิดงั้นรึ?”
“ยิงธนู! ยิงธนู......”
“ฟิ้ว ----”
แม่ทัพกองพลธนูไม่เอ่ยอะไร เย่ซิงเฉินไปปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเขา กระบี่เจิ้นเหยางที่สะบั้นคอของอีกฝ่าย โลหิตกระฉูดในทันที.
แม่ทัพบัญชาการตายไปเรียบร้อยทันที!
เหล่าทหารที่เสียขวัญไปในทันที!
“ไปให้พ้น.”
เย่ซิงเฉินที่สะบัดกระบี่ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.
“ฟู่ ฟู่!”
แรงกดดันที่แผ่กดทับ ไปยังเหล่าทหารในทันที ทำให้พวกเขาทิ้งคันศรและคุกเข่าลงในทันที!
......
ภายในเมือง.
ทหารที่ถือคันศรทั้ง 100,000 ถูกกำราบไว้เรียบร้อยแล้ว เหล่าทหารที่ถอยออกไป หลายคนที่เผยความตื่นตะลึงหวาดผวาเช่นกัน.
“หวึ่ง หวึ่ง หวึ่ง!”
พื้นดินเศษหิน อิฐและศิลามากมายจากบ้านที่พังทลายลงก่อนหน้านี้ ค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศ.
เหล่าเด็ก ๆ มากมายที่จ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
ในเวลานั้น ปรากฏบุรุษที่หล่อเหล่าเผยยิ้มออกมา ร่างกายที่แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวที่ลูบศีรษะของเด็กเล็กคนหนึ่ง “จำเอาไว้ การบ่มเพาะวิถียุทธ์นั้นก็เพื่อปกป้องครอบครัวตัวเอง ไม่ใช่เพื่อทำร้ายคนอื่น.”
คำพูดเหล่านั้น เหล่าเด็ก ๆ นั้นไม่เข้าใจ ทว่าในใจเวลานี้ได้ประทับความรู้สึกและคำพูดนั้นไว้แล้ว หลังจากเติบโตขึ้น ค่อยคิดอีกครั้งก็ได้.
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ยืนขึ้น ร่างกายที่แผ่แสงออกมาช้า ๆ.
ภายใต้อำนาจสนามพลังสองวิถีที่บดขยี้เศษดินหินให้พังทลายกลายเป็นฝุ่นลอยออกไปทันที.
เพราะว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำให้บ้านเรือนรอบ ๆพังทลายลง ทว่าสิ่งก่อสร้างที่พังทลายตอนนี้ถูกยกย้ายออกไปทั้งหมดช่วยคนที่บาดเจ็บและได้รับผลเอาไว้!
เทพ?
ไม่ ไม่ ไม่!
ในจังหวัดตงไห่ยวี แม้แต่ทวีปชิงหยุน เทพมีเพียงคนเดียว นั่นก็คือราชันย์เจิ้นเหว่ย.
อย่างไรก็ตามจุนซ่างเซียวที่ลอยอยู่บนอากาศ ต่อหน้าเหล่าทหารแสนกว่าคน.
หากแต่ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไป ต้องไม่ลืมว่า กลิ่นอายของอีกฝ่ายที่แผ่ออกมานั้น ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก.
“ราชันย์เจิ้นเหว่ย.”
จุนซ่างเซียวที่ดวงตาคมกริบจ้องมองไปยังวังหลวงที่มีค่ายกลปกคลุม กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“ยังอยู่ด้านในสินะ คิดจะนั่งมองให้ประชาชนตัวเองตกตายไปหมดอย่างงั้นรึ?”
“วูซซซซ!”
“วูซซซซ!”
ห้วงมิติที่สั่นไหวไปมา.
ชายวัยกลางคนที่สวมเกราะรบสีทอง สวมมงกุฎราชา แผ่นกลิ่นอายผู้ปกครองที่น่าเกรงขามออกมา.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ทหารหนึ่งแสนคนคุกเข่าลง พลางตะโกนเสียงดัง“คารวะองค์ราชันย์!”
จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาเล็กน้อย “เจ้านะรึราชันย์เจิ้นเหว่ย?”
“ไม่ผิด.”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่กล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง.
“เจ้าหนู.”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าเป็นใคร?ทำไมถึงได้มาหาเรื่องของเขตแดนเปิ่นตี้?”
กล้าที่บุกมาหาเรื่องถึงวังหลวง แม้แต่สามารถสังหารผู้คนมากมาย กำราบทหารนับแสน เขาไม่คิดว่าเป็นคนของสามอาณาจักรแน่นอน เพราะว่าคนเหล่านั้นไม่ได้มีความสามารถพอ.
“จุนซ่างเซียว.”
“เจ้านิกายนิรันดรมนทลชิงหยาง จังหวัดซีเหนียนหยาง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยนาม พร้อมกับสถานะและที่อยู่.
ขณะกล่าว กลิ่นอายของเจ้านิกายที่ระเบิดออกมา ไม่ได้ด้อยกว่าราชันย์เจิ้นเหว่ย ไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย.
กลิ่นอายของจุนซ่างเซียวที่ไม่ได้ด้อยกว่าอีกฝ่ายเลย เหล่าทหารและประชาชน ที่เห็นพวกเขาราวกับเป็นเทพ!
“จังหวัดซีเหนียนหยาง?”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ”ที่แท้ก็เป็นคนของแผ่นดินใหญ่นั่นเอง.
เพราะเขาไม่ได้เดินทางไปยังแผ่นดินใหญ่ เลยไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบัน ไม่รู้ว่านิกายนิรันดรนั้นแข็งแกร่งหรืออ่อนแอในยุทธภพ.
โดยปรกติแล้ว.
หากใครได้ยินนามจุนซ่างเซียว ไม่ว่าจะเป็นนิกายใหน แม้แต่ในพิภพสงคราม ทุกคนต่างก็รู้จักและหวั่นเกรงแน่นอน.
กระนั้นจังหวัดตงไห่ยวีนั้นแยกออกจากแผ่นดินใหญ่นานแล้ว แม้นว่าจะมีการติดต่อกันบ้าง ทว่ากับไม่ค่อยบ่อยนัก แทบจะแยกตัวกันเป็นอิสระ.
จุนซ่างเซียวกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเจ้าไม่สนใจชีวิตประชาชน สั่งยิงลูกศรเข้าเมือง ขณะที่เจ้าเป็นกษัตริย์ ไม่เพียงไม่สั่งหยุด ยังนั่งมองอยู่ในวังหลวง ไม่กลัวว่าพวกเขาจะรู้สึกผิดหวังอย่างงั้นรึ?”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยที่ได้ยินแทบหัวเราะออกมา สายตาจ้องมองไปยังทหารและประชาชน เอ่ยออกมาว่า“พวกเจ้าผิดหวังหรือไม่?”
“บุญคุณราชันย์ มากล้นหมื่นปี!”
ทหารและประชาชนตะโกนออกมาเสียงดัง“พวกเรายินยอมมอบชีวิต โดยไม่บ่นและเสียใจ!”
“......”
จุนซ่างเซียวที่กลายเป็นเงียบ.
คนเหล่านี้โดนล้างสมองโดยสมบูรณ์แล้ว.
“เจ้านิกายจุน ได้ยินแล้วรึยัง?”ราชันย์เจิ้นเหว่ยกล่าวอย่างภาคภูมิ.
“ฟิ้ว!”
เขาที่โบกมือ ชี้ไปยังเมืองเจิ้นเหว่ย ชี้ไปยังภูเขาและแม่น้ำ “ตั้งแต่เปิ่นตี้ขึ้นสู่บัลลังก์ ก็พัฒนายกระดับประเทศชาติให้แข็งแกร่ง กลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด ใครกันจะกล้ากระด้างกระเดี่ยง ใครกันที่ไม่ต้องการให้แผ่นดินตัวเองเจริญ!”
“ดังนั้น ประชาชนสำหรับเจ้าจึงไม่มีค่าอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ยออกมาเล็กน้อย.
ราชันย์เจิ้นเหว่ยเอ่ย “เปิ่นตี้ก็มอบชีวิตที่ดีให้กับพวกเขา ทำให้พวกเขานั้นถูกยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นี่คือสิ่งที่เปิ่นตี้มอบให้ไงล่ะ!”
“คิดว่าทหารของเจ้าที่เสียสติ.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “เจ้าเองก็เสียสติไปแล้ว.”
“มีเพียงคนเสียสติเท่านั้นที่จะช่วยประเทศได้!”
“มีเพียงคนเสียสติเท่านั้นที่ทำให้อาณาจักรเจิ้นเหว่ยเจริญมาถึงขนาดนี้ แม้แต่ทรงพลังที่สุด!”
“......”
จุนซ่างเซียวที่ได้ยินคำพูดของราชันย์เจิ้นเหว่ย ก็เข้าใจได้ว่า กว่าจะมาเป็นอาณาจักรนี้คงเสียสละไปมากมายมหาศาล การที่ทำให้อาณาจักรก้าวขึ้นมาได้ แต่ความอหังการนั่น และความยโสนั่นก็มากมายยิ่งกว่าเขาซะอีก!
กล่าวได้ว่าอยู่ในระดับเสียสติเลยก็ว่าได้!
จุนซ่างเซียว คงทำได้แค่ยอมแพ้เรื่องนี้แล้ว.
“เกรงว่าสิ่งที่เจ้าสร้าง คงพังทายด้วยตัวเจ้านั่นล่ะ.”จุนซ่างเซียวโบกมือนำกระบี่มังกรหยกถามสวรรค์ออกมา กล่าวออกมาเล็กน้อย“เปิ่นจั้วคร้านจะพูดกับเจ้าแล้ว รีบส่งตัวปรมาจารย์ฟ่านมาซะ.”
“ปรมาจารย์ฟ่าน?”
ราชันย์เจิ้นเหว่ยแค่นเสียงดูแคลน “แท้จริงแล้วเจ้าก็มาช่วยเจ้าแก่เดนตายนั่น.”
......
ในเวลานั้น.
นายน้อยหยวนและเหล่าหลินขี่ม้ามุ่งมามาใกล้จะถึงแล้ว.