บทที่ 8 สำนักเสินเจี้ยน
พรุ่งนี้ก็เป็นวันหารือประจำปีของตระกูล
เดิมทีวันการหารือประจำปีของตระกูลจะไม่ใช่เร็วๆ นี้ แต่เพราะคำขอจากหยางจง หยางหมิงจึงได้เลื่อนวันให้ใกล้เข้ามา
ดูท่าหยางจงจะทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งได้แล้ว และต้องการสอนบทเรียนให้หยางเสี่ยวเทียนในวันหารือประจำปีของตระกูล!
หยางเสี่ยวเทียนเดินออกจากลานฝึก มุ่งหน้าจะไปหาเด็กหญิงตัวน้อยเพราะช่วงนี้เขาฝึกซ้อมอย่างหนักจนแทบไม่ได้เจอน้องสาวเลย
“เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม พรุ่งนี้จะมีคนจากสำนักเสินเจี้ยนมาที่หมู่บ้านหยางของเราเพื่อเข้าร่วมหารือประจำปี!”
“คนสำคัญของสำนักเสินเจี้ยน เขาเป็นใครทำไมถึงมาที่หมู่บ้านเรา”
เสียงสนทนาของเหล่าผู้รักษาตระกูลหยางพูดคุยกันอยู่ไม่ไกล
หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกสงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน
สำนักเสินเจี้ยนงั้นหรือ สำนักเสินเจี้ยนคือสำนักหลักแห่งแรกจากทั้งหมดสี่แห่งในอาณาจักรเสินไห่ที่มีชื่อเสียง หากมีลูกหลานของคนตระกูลใดก็ตามสามารถเข้าสู่สำนักเสินเจี้ยนได้ จะถือเป็นเกียรติแก่เหล่าวงตระกูลยิ่งนัก
“บคคลสำคัญแห่งสำนักเสินเจี้ยนได้ทราบข่าวว่านายน้อยหยางจงของเรามีวิญญาณยุทธ์ชิงหลวนระดับสิบ เขาจึงตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ เพื่อรับนายน้อยเป็นศิษย์เขา!”
“ตอนนี้ข่าวแพร่กระจายไปทั่วเมืองซิงเยว่ ทำให้เหล่าวิญญาจารย์จำนวนไม่น้อยแห่มาแสดงความยินดีกับผู้นำตระกูลเรา ตอนนี้เขาหัวเราะชอบใจจนปากแทบหุบไม่ได้เลย”
เหล่าผู้รักษาพูดคุยกันอย่างสนุกปาก
ท่าทางของหยางเสี่ยวเทียนยังคงเหมือนเดิมหลังได้ยินเรื่องนี้
วันต่อมา
แสงแดดอุ่นๆ ไม่ทันร้อน
หลังหยางเสี่ยวเทียนตื่นขึ้นก็ได้รับข่าวทันทีว่าปู่ของเขา ลุงหยางไห่ และหยางจง ออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อพบคนสำคัญของสำนักเสินเจี้ยน
โดยไม่มีพ่อของเขาไปด้วย
ณ โถงด้านหน้าตระกูลหยางซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมหารือของทุกปี
เมื่อหยางเสี่ยวเทียน พ่อ แม่ และน้องสาวมาถึง ก็พบว่าโถงด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คนมากมายแล้ว
ในโถงนั้นเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะ ไม่มีใครหยุดให้ความสนใจครอบครัวของเขาขณะมาถึงทำราวกับพวกเขาไม่มีตัวตนอยู่เลย
หยางเสี่ยวเทียนกวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนเห็นท่านปู่กับเหล่าวิญญาจารย์จากเมืองซิงเยว่รวมตัวพูดคุยกันอยู่โดยรอบชายชราผมเงินผู้หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าชายชราผมเงินผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญแห่งสำนักเสินเจี้ยน
เขาพอทราบข่าวมาจากท่านพ่อว่าอีกฝ่ายคือเฉินหยวน รองเจ้าสำนักเสินเจี้ยน
รองเจ้าสำนักเสินเจี้ยนถือเป็นบุคคลสำคัญในอาณาจักรเสินไห่ ที่แม้แต่ราชวงศ์ของอาณาจักรเสินไห่เองก็ยังไม่กล้าละเลยบุคคลดังกล่าวนี้ ยิ่งเป็นผู้คนในเมืองซิงเยว่แล้วยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง
จากนั้นไม่นาน การประชุมหารือประจำปีของตระกูลหยางก็เริ่มขึ้น
หยางหมิงหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเมตตากับหยางจงหลานชายของตนที่อยู่ข้างๆ “จงเอ๋อร์ ขึ้นไปแสดงผลของการฝึกฝนความแข็งแกร่งของเจ้าให้ท่านเฉินหยวนได้ชมเถิด”
หยางจงรีบกระโดดขึ้นไปบนสนามประลองหน้าโถงประชุม จากนั้นเริ่มแสดงการโคจรพลังปราณที่ไหลเวียนทั่วร่างกายปลดปล่อยเป็นวิญญาณยุทธ์ออกมา
ทันใดนั้น ร่างกายเขาก็เปล่งประกายไปด้วยแสงสีทอง
“ขั้นปลายของนักยุทธ์ระดับหนึ่ง!” เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหยางจง เหล่าวิญญาจารย์หลายคนแห่งเมืองซิงเยว่ต่างรู้สึกประหลาดใจ
หยางจงพึ่งเข้าร่วมพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ได้เพียงยี่สิบวัน ตอนนี้กลับบ่มเพาะพลังถึงขั้นปลายของระดับนักยุทธ์หนึ่งแล้ว
เฉินหยวนเองยังประหลาดใจ แววตาเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม “ดี ดี ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งที่มีวิญญาณยุทธ์ชิงหลวนระดับสิบ”
วิญญาณยุทธ์ชิงหลวนสมบูรณ์แต่กำเนิดนั้นหาได้ยากในอาณาจักรเซินไห่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงมาที่ตระกูลหยางแห่งนี้
หยางจงคนนี้ทำให้เขาประหลาดใจมาก ในเวลาเพียงยี่สิบวันก็สามารถทะลวงเข้าขั้นปลายของนักยุทธ์ระดับหนึ่งได้แล้ว
เขาเคยเห็นความเร็วในฝึกฝนแบบนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำชมจากเฉินหยวน หยางหมิงและหยางไห่ต่างเผยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เวลานั้น หยางจงก็กวาดสายตาหาหยางเสี่ยวเทียนที่อยู่ในหมู่ฝูงชนพร้อมกล่าวเสียงดังว่า “เสี่ยวเทียน ข้ารู้ว่าช่วงนี้เจ้าฝึกฝนอย่างหนักเช่นกัน เจ้ากล้าขึ้นมาประลองกับข้า เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้หรือไม่”