บทที่ 42 เซียนสวรรค์ไม่อาจอยู่ร่วมโลก
"ข้าไม่มีความสนใจการฝึกเซียนเลย"
คำพูดของเสี่ยวเฮิงขณะนั้นประหนึ่งยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
แต่เพียงไม่นาน เขาก็สามารถขจัดสภาวะพิษในร่างกาย และก้าวไปถึงขั้นฝึกปราณได้แล้ว
หลี่ฟานตกตะลึงและมึนงงไปชั่วขณะ
หลี่ฟานอ่านจดหมายที่เสี่ยวเฮิงส่งมาหลายรอบ จากนั้นก็ออกไปสอบถามรอบด้าน ถึงได้ยอมรับความจริงอย่างไม่เต็มใจ
ที่แท้ แม้วันนั้นหลี่ฟานจะปลอบเสี่ยวเฮิงอย่างมั่นอกมั่นใจว่า
ข่าวลือการลักลอบพาคนเข้ามานั้นเป็นการโจมตีตึกเทียนเป่า แต่เสี่ยวเฮิงกลับไปแล้วก็ยังวิตกกังวลจนนอนไม่หลับ
หลับตาลงทีไร ภาพเหล่าเซียนโจมตีจากฟ้าลงมาและฆ่ามนุษย์หลบหนีทั้งหมดก็ผุดขึ้นมา
เสี่ยวเฮิงเป็นแบบนี้มาหลายวัน
จนในที่สุด เขาก็ตกลงใจแน่วแน่
เพื่อจะได้นอนหลับสบายใจ และเพื่อเป็นผู้ฝึกเซียน ไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดผวาอีก เขาจึงเริ่มตั้งใจฝึกฝน《คาถาชำระจิตเสวียนหวง》
ไม่มีใครคาดคิดว่า เมื่อเสี่ยวเฮิงตั้งสมาธิแล้ว ความคืบหน้าในการฝึกฝนของเขาจะรวดเร็วขนาดหลายพันลี้ต่อวัน
ด้วยความช่วยเหลือจากยา ใช้เวลาไม่ถึงเดือน เขาก็ขจัดสภาวะพิษทั้งหมดด้วยตัวเอง
หลังจากนั้น เขายังรู้สึกประหนึ่งพลังแห่งฟ้าดินวิ่งเวียนรอบตัวราวสิ่งมีชีวิต
เขาจมดิ่งในภาพที่น่าหลงใหล
หลับสบายไปชั่วครู่ แล้วก็ดึงพลังเข้าสู่ร่างกายได้สำเร็จ
ตอนแรกเขายังไม่กล้าแน่ใจว่าตัวเองได้เป็นเซียนในตำนานแล้ว
แต่เมื่อเขาพยายามใกล้ชิดกับสาวใช้ที่บ้าน แล้วกลับรู้สึกใจหวิวขึ้นมา
ตามสัญชาตญาณพุ่งฝ่ามือไปฆ่านางตาย เสี่ยวเฮิงถึงได้แน่ใจว่า ตัวเองเป็นผู้ฝึกเซียนแล้ว
ฟ้ากับดินจำต้องแยกจากกัน
ถึงเสี่ยวเฮิงจะเป็นผู้ฝึกขั้นฝึกปราณแล้ว แต่เขากลับงุนงงว่าต่อไปนี้ควรทำอย่างไร
เขาจึงอยากพบเซียนประจำการของเกาะหลิ่วหลี่
แต่ช่วงนั้นเหอเจิ้งเฮ่าไม่ว่างอยู่ที่พิธีสระวิเศษชำระกาย ไม่อาจลุกจากที่ได้
เสี่ยวเฮิงจึงกลับบ้านคอยอย่างใจเย็น
หลังหลี่ฟานออกจากสระวิเศษ เหอเจิ้งเฮ่าถึงได้มีเวลาว่าง เสี่ยวเฮิงจึงได้พบเขาในที่สุด
เหอเจิ้งเฮ่าฟังเรื่องราวของเสี่ยวเฮิง แล้วก็ตรวจสอบอย่างละเอียด ยืนยันได้ว่าเสี่ยวเฮิงไม่ได้โกหก
เขาดีใจมากในตอนแรก แล้วก็กระทืบเท้าเสียดาย
หลังจากนั้น เขาก็เร่งรีบนำเสี่ยวเฮิงไปยังเกาะหมื่นเซียน
เสี่ยวเฮิงบอกว่าเขาอยากลามิตรสหาย เหอเจิ้งเฮ่าก็เห็นด้วย
หลังจากนั้น เสี่ยวเฮิงก็ลามิตรสหายคนต่างด้าวทุกคน แล้วก็จากไปอย่างหมดจด
ส่วนหลี่ฟาน เสี่ยวเฮิงก็คิดจะมาหาเหมือนกัน
แต่เขาก็รู้ว่าหลี่ฟานตั้งใจฝึกฝน แต่ใช้เวลานานกว่าสามปีกว่าจะชำระกายได้สำเร็จ
ในขณะที่ตัวเขาเพิ่งไปบอกหลี่ฟานว่า ไม่มีความสนใจฝึกเซียนเลย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้ฝึกเซียนขั้นฝึกปราณในชั่วพริบตา!
เสี่ยวเฮิงไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับหลี่ฟานอย่างไรดี อีกทั้งยังกลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจหลี่ฟานอีกเขาจึงเขียนจดหมายฝากให้ผู้อื่นนำมาส่ง
เสี่ยวเฮิงรู้สึกขอบคุณหลี่ฟานมากที่ช่วยเหลือหลายครั้ง
เขาจึงบอกว่าจะรออยู่บนเกาะหมื่นเซียน เมื่อถึงเวลานั้นจะตอบแทนหลี่ฟานแน่นอน
"ข้ามีวันนี้ก็เพราะการอุ้มชูของท่านพี่ทั้งนั้น"
"บัดนี้ข้าได้ยินว่าท่านพี่ขจัดสภาวะพิษสำเร็จ เห็นทีอีกไม่นานก็คงก้าวสู่ขั้นฝึกปราณได้"
"ข้าจะไปรอท่านพี่ที่เกาะหมื่นเซียน"
"เมื่อได้พบกัน หากท่านพี่มีเรื่องฝากฝัง แม้ต้องตายหมื่นครั้งข้าก็ไม่ขอปฏิเสธ"
"ขอคุกเข่าและโค้งคำนับท่านพี่"
...
หลี่ฟานวางจดหมายของเสี่ยวเฮิงลง ถอนหายใจช้าๆ
นี่เป็นคนที่เรียกกันว่ามีพรสวรรค์สุดขีดหรือไม่?
ไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือใดๆ เขาก็ผลักดันตัวเองจนถึงขั้นฝึกปราณได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังสามารถรู้สึกถึงความรักใคร่ของพลังฟ้าดินที่มีต่อเขา...
ถึงแม้หลี่ฟานจะรู้อยู่แล้วว่า พรสวรรค์ของผู้ฝึกเซียนนั้นแตกต่างกันมาก
และเขาก็รู้ว่าพรสวรรค์ของตัวเองไม่ได้สูงมากนัก แต่ความรู้สึกที่มีคนมีพรสวรรค์ขนาดนี้อยู่ข้างๆ ตัว...
นั่นช่างเป็นสิ่งที่รับได้ยากจริงๆ
ดูท่าความกังวลของเสี่ยวเฮิงก็มีเหตุผลไม่น้อย หากอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมากะทันหันต่อหน้าเขาที่เพิ่งขจัดสภาวะพิษได้ เขาอาจสูญเสียสมดุลทางจิตใจได้จริงๆ
หลี่ฟานยิ้มขื่น
แต่เป็นเพียงแค่สูญเสียสมดุลทางจิตใจชั่วครู่เท่านั้น
หลี่ฟานรู้ชัดว่าที่พึ่งของเขาไม่ใช่พรสวรรค์ แต่เป็นโอกาสที่【หวนเจิน】มอบให้เขาได้เริ่มต้นใหม่นับครั้งไม่ถ้วน
【หวนเจิน】อยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นคนมีพรสวรรค์เพียงใด เขาก็มั่นใจว่าจะสามารถเหยียบย่ำได้
เพียงแต่กระบวนการอาจจะยาวนานไปหน่อย ต้องอาศัยการวางแผนข้ามชาติหลายๆ ชาติ
หลี่ฟานใช้คาถาหล่อหลอมจิต ความคิดที่วุ่นวายในใจก็ค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ
เขาเปิด《คัมภีร์ปราณห้าธาตุ》ที่เหอเจิ้งเฮ่ามอบให้ อ่านศึกษาอย่างละเอียดช้าๆ
ในหนังสือบันทึกไว้ว่า ยุคโบราณมีเรื่องของรากวิญญาณ
สมัยนั้น มีแต่มนุษย์ที่มีรากวิญญาณเท่านั้นที่สามารถฝึกฝนได้
มีทั้งรากวิญญาณห้าธาตุธรรมดา ทั้งทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน รวมถึงรากวิญญาณคุณสมบัติพิเศษ เช่น สายฟ้า ลม ความมืด เป็นต้น
ผู้มีรากวิญญาณเดี่ยว จะฝึกฝนได้รวดเร็วในระยะแรก เน้นฝึกวิชายุทธ์ที่เข้ากับคุณสมบัติของตน ก็สำเร็จได้ไม่ยาก
ส่วนผู้มีหลายรากวิญญาณ ฝึกฝนได้ช้ากว่า เพราะต้องเอาใจใส่คุณสมบัติหลายอย่าง มักเสียแรงโดยเปล่าประโยชน์และยากสำเร็จ แต่หากมีอัจฉริยะในหลายรากวิญญาณ สามารถฝึกฝนได้ครบทุกด้าน พลังของเขาก็มักจะเหนือกว่าผู้มีรากวิญญาณเดี่ยวในขั้นเดียวกันไปมาก
แต่เรื่องพวกนี้ก็เป็นเพียงตำนานในอดีตแล้ว
ในยุคโบราณของยุทธภพเซียน เน้นเรื่องธรรมชาติกับมนุษย์เป็นหนึ่งเดียว
รากวิญญาณเป็นของขวัญจากสวรรค์ มีเพียงผู้โชคดีที่ได้รับการโปรดปรานจากฟ้าเท่านั้น ที่จะสัมผัสกฎแห่งฟ้าดินได้ และมีคุณสมบัติบรรลุเป็นเซียนได้
แต่มนุษย์ธรรมดามีมากเพียงใด ส่วนผู้มีรากวิญญาณนั้นมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
คนส่วนใหญ่ ได้แต่มองเห็นการฝึกเซียน แต่ไม่มีโอกาสได้สัมผัส
นี่ช่างไม่ยุติธรรมอะไรเช่นนี้
โชคดีที่ในสมัยโบราณ มีเซียนผู้ยิ่งใหญ่ถ่ายทอดวิชา!
《คัมภีร์ปราณห้าธาตุ》บันทึกไว้ว่า สมัยนั้นเซียนผู้ยิ่งใหญ่สะท้านฟ้าดิน
เผชิญหน้ากับมนุษย์ผู้ไร้ความหวังนับไม่ถ้วนที่ปรารถนาเป็นเซียน จึงถ่ายทอดวิชาอายุวัฒนะ
เซียนผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า: ข้าต้องการเป็นเซียน ไยต้องร้องขอสวรรค์? หากสวรรค์ไม่ให้ ข้าจะรับมาเอง!
ทำตามสวรรค์คือมนุษย์ ต่อต้านสวรรค์คือเซียน!
มนุษย์ธรรมดาที่ปรารถนาอายุวัฒนะ ไม่จำเป็นต้องขอให้เป็นหนึ่งเดียวกับสวรรค์ แค่ต่อสู้กับสวรรค์ก็พอ!
ดังนั้น เซียนผู้ยิ่งใหญ่จึงสั่งสอนเปิดเผยต่อทุกคน บอกเล่าวิถีของท่านให้ฟัง
นั่นก็คือวิถีฝึกเซียนที่ยุทธภพเซียนทุกวันนี้ยึดถือปฏิบัติ
วิถีเซียนนั้นคือ:
ดูดพลังแห่งฟ้าดิน เพื่อควบคุมปราณ
ยืมความอัศจรรย์แห่งฟ้าดิน เพื่อสร้างพื้นฐานเต๋า
แอบมองกฎแห่งฟ้าดิน เพื่อหลอมแก่นทองคำ
ช่วงชิงแก่นสารแห่งฟ้าดิน เพื่อหล่อหลอมร่างทารก
ดูดไขกระดูกแห่งฟ้าดิน เพื่อครอบครองพลังเหนือธรรมชาติ
ฆ่าวิญญาณแห่งฟ้าดิน เพื่อกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า
ต่อต้านเหตุผลแห่งฟ้าดิน เพื่อบรรลุอายุวัฒนะ!
...
ปัง!《คัมภีร์ปราณห้าธาตุ》ตกลงบนพื้น
หลี่ฟานมือสั่นระริกหยิบมันขึ้นมา ยากจะซ่อนความตกตะลึงในใจ
วิธีฝึกเซียนในโลกนี้ แตกต่างจากที่เขาคาดคิดไว้อย่างสิ้นเชิง
ถึงขนาดพูดได้ว่า...
น่าขนพองสยองเกล้าด้วยซ้ำไป
ไม่แปลกเลยที่ตั้งแต่เขาได้สัมผัสกับผู้ฝึกเซียนในโลกนี้ เขาก็รู้สึกประหลาดอยู่เสมอ
เหมือนว่าสวรรค์แห่งโลกนี้มีเจตนาร้ายแรงแอบแฝงต่อเหล่าผู้ฝึกเซียน
ไม่ว่าจะเป็นกฎที่ห้ามฝึกวิชาเซียนพร้อมกันไม่ได้ หรือปรากฏการณ์เมื่อผู้ฝึกเซียนตาย ท้องฟ้าจะสว่างกระจ่างไปหลายพันลี้เหมือนประกาศให้รู้ทั่วกัน หรือสภาวะพิษลึกลับในร่างมนุษย์ที่สร้างความเสียหายรุนแรงต่อผู้ฝึกเซียน ล้วนบ่งชี้ถึงเรื่องนี้
จวบจนวันนี้ ที่หลี่ฟานได้สัมผัสกับยุทธภพเซียน ปมปริศนาก็ถูกคลี่คลายในที่สุด
"ต่อต้านเหตุผลแห่งฟ้าดิน เพื่อบรรลุอายุวัฒนะ!" หลี่ฟานค่อยๆ เอ่ยเบาๆ แล้วถอนหายใจยาว