บทที่ 4 ความไม่เป็นธรรมจากท่านปู่
หยางเฉากับบุตรชายกลับไปยังลานตะวันตก เมื่อหวงอิ๋งแม่ของหยางเสี่ยวเทียนเห็นสองพ่อลูก นางก็รีบออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างมีความสุขก่อนถามหยางเฉา “เป็นอย่างไรบ้าง เสี่ยวเทียนปลุกวิญญาณยุทธ์อะไรขึ้นมา”
หยางเฉารู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขามองดูสีหน้าที่คาดหวังของภรรยาก่อนจะส่ายหัวแล้วกล่าวด้วยเสียงอันเบาราวกับกระซิบ
หยางเสี่ยวเทียนอยากอธิบายเรื่องนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรและตัดสินใจเดินกลับหอนอนของตน เพราะรู้ดีว่าถึงจะกล่าวอันใดไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะช่วยพิสูจน์ความจริงแทนเขาได้
ค่ำคืนที่มืดมิด
หยางเสี่ยวเทียนนั่งขัดสมาธิบนเตียงในหอนอนและปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์โดยใช้เคล็ดวิชาปราณปัญญาสัมฤทธิ์ที่บิดาเคยสอนให้เมื่อตอนกลางวัน
ไม่ช้า ภาพธรรมของเต่าขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะเขา
ในสายตาของหยางหมิง หยางจง และคนอื่นๆ วิญญาณยุทธ์เต่าระดับสองที่มีดีกว่าวิญญาณยุทธ์ขยะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้มันได้อ้าปากอันกว้างใหญ่ของมันดูดซับพลังวิญญาณของสวรรค์และโลกโดยรอบ ก่อนจะปลดปล่อยพลังพุ่งเข้าหาหยางเสี่ยวเทียนราวกับคลื่นน้ำที่ถาโถม
ซ่า!!!
กายของหยางเสี่ยวเทียนนิ่งอึ้งไปด้วยความประหลาดใจ
กลิ่นอายของสวรรค์และโลกรุนแรงมากจนเขาแทบหายใจไม่ออกราวกับจมดิ่งสู่ก้นมหาสมุทร
หยางเสี่ยวเทียนสะดุ้งทันทีด้วยความตกใจ
นี่มันรุนแรงเกินไปแล้ว
แม้จะสงสัยว่าวิญญาณยุทธ์ของตนอาจเป็นเสวียนอู่สัตว์ในตำนาน แต่ความน่ากลัวของการดูดกลืนพลังวิญญาณยังอยู่นอกเหนือจินตนาการเขา
เส้นลมปราณภายในร่างกายเขาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่ไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
การหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณภายในกายทำให้วิญญาณยุทธ์ของเขาเริ่มเปล่งแสงออกมา อสรพิษสีดำตัวเล็กที่แต่เดิมพันรอบตัวเสวียนอู่นั้น ตอนนี้กลับตัวโตขึ้นพร้อมกับอ้าปากของมันเพื่อดูดกลืนพลังวิญญาณของสวรรค์และโลกเช่นกัน
แม้อสรพิษสีดำตัวนี้จะขนาดเล็กกว่าตัวของเต่ามาก แต่ความเร็วในการดูดกลืนพลังวิญญาณของมันนั้นไม่ได้ช้าไปกว่าเสวียนอู่เลย
เมื่อเห็นว่าอสรพิษสีดำกับเสวียนอู่กำลังดูดกลืนพลังวิญญาณของสวรรค์และโลกพร้อมกัน หยางเสี่ยวเทียนก็เกิดความรู้สึกสงสัย นั่นคงไม่ใช่วิญญาณยุทธ์คู่หรอกใช่ไหม เพราะเมื่อพิจารณาจากความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณของเจ้าอสรพิษดำตัวน้อยนี้แล้ว มันก็ไม่ด้อยไปกว่าเจ้าเสวียนอู่เลย
เมื่อเกิดคำถามนี้หัว จิตใจของหยางเสี่ยวเทียนก็เต้นเร็วขึ้น เขาอยู่ในโลกแห่งวิญญาจารย์มาสองสามปีแล้ว สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับโลกแห่งนี้คือวิญญาจารย์ที่มีวิญญาณยุทธ์ขั้นสูงนั้นหาพบได้ยาก แต่เขาก็ไม่เคยพบหรือได้ยินเกี่ยวกับวิญญาจารย์ที่มีวิญญาณยุทธ์คู่เช่นเดียวกันว่าเป็นเยี่ยงไร
กว่าจะรู้สึกตัวค่ำคืนก็ผ่านไป
พอเขาหยุดการบ่มเพาะท้องฟ้าก็สว่างสดใสเปลี่ยนเป็นวันใหม่
ทว่าสิ่งที่หยางเสี่ยวเทียนไม่อยากเชื่อคือหลังจากการบ่มเพาะเพียงหนึ่งคืน เขากลับสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งได้สำเร็จ!
ต่างจากลุงเขา ที่เคยใช้เวลาสามถึงสี่เดือนในการทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่ง ทั้งที่พลังวิญญาณยุทธ์เขาคือวิญญาณยุทธ์หมีระดับแปด ที่น่าจะสามารถทะลวงขั้นได้สำเร็จเร็วกว่าเขา
ส่วนหยางหมิงปู่ของเขา วิญญาณยุทธ์หมาป่าระดับแปดเช่นกัน แต่กลับใช้เวลากว่าครึ่งปีในการทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่ง
ขณะที่หยางเสี่ยวเทียนใช้เวลาเพียงคืนเดียว
ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น
หยางเสี่ยวเทียนเดินออกมายังลานฝึกแล้วชกเข้าไปที่หินก้อนใหญ่ตรงหน้า หลังปล่อยหมัดออกไปก็ปรากฏรอยกำปั้นขึ้นบนหินใหญ่ก้อนนั้นด้วยความลึกที่เห็นได้ชัดเจน
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งแล้ว ตอนนี้เขาคู่ควรแก่การเป็นวิญญาจารย์อย่างแท้จริง
เมื่อเห็นว่าตนเองทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งได้ในคืนเดียว หยางเสี่ยวเทียนก็ไม่สามารถระงับความตื่นเต้นของตนได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงจะทะลวงถึงระดับสิบได้ในไม่ช้า
เวลานั้นเอง ก็เกิดเสียงดังเอะอะในส่วนของเรือนท่านพ่อท่านแม่เขา
หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติพ่อกับแม่ของเขารักกันดีไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้ง เหตุใดวันนี้พวกเขาถึงทะเลาะกันหละ เขาค่อยๆ เดินย่องด้วยปลายเท้าเข้าใกล้ห้องของผู้เป็นพ่อกับแม่
“ท่านพ่อรังแกกันเกินไปแล้ว” น้ำเสียงน้อยใจปนสะอื้นไห้ของผู้เป็นแม่ดังระงม “ตามกฎของตระกูลหยาง หากคนในตระกูลเขาพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์แล้ว จะได้รับส่วนแบ่งเป็นโอสถน้ำจู้จีหลิงเพื่อนำมาสร้างฐานการบ่มเพาะ นั้นคือกฎที่เขาเป็นคนออกคำสั่งเอง แต่เมื่อคืนนี้ เขากลับนำโอสถน้ำจู้จีหลิงในส่วนของเสี่ยวเทียนยกให้หยางจงดื่มไปหมดคนเดียว”
“นอกจากนี้ กิจการผ้าไหมและผ้าซาตินของตระกูลที่ท่านเคยดูแลมาโดยตลอด ตอนนี้เขากลับสั่งห้ามไม่ให้ท่านจัดการต่อ แถมยังยกเหมืองพร้อมทั้งกิจการผ้าไหมและผ้าซาตินทั้งหมดให้พี่ใหญ่ของท่านดูแลอีก มันหมายความว่าอย่างไร”
“หยางไห่และหยางจงเป็นลูกและหลานของเขา ส่วนท่านกับเสี่ยวเทียนไม่ใช่ลูกใช่หลานของเขาอย่างนั้นหรือ”
“ท่านพ่อจะลำเอียงเกินไปแล้ว!”