บทที่ 37 : คะแนนโชคลาภสิบล้านคะแนน, การปรับปรุงอย่างบ้าระห่ำ
บทที่ 37 : คะแนนโชคลาภสิบล้านคะแนน, การปรับปรุงอย่างบ้าระห่ำ
ด้วยการใช้คะแนนโชคลาภนับล้านคะแนน…..เย่หวู่ชางจึงประสบความสำเร็จในการยกระดับวิชาดาบระดับสวรรค์ไปสู่ขั้นความสมบูรณ์แบบ
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับเจตนาดาบนั้นลึกซึ้งขึ้นอีกเล็กน้อย
เเละการผสมผสานทักษะดาบหลายแบบเข้าด้วยกันก็ทำให้พลังการต่อสู้ของเขาทะยานขึ้นหลายเท่าตัว
แม้ว่าเขาจะยังอยู่ในขั้นแรกของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง แต่ตอนนี้เขาสามารถจัดการตัวตนเดิมของเขาในอดีตอย่างง่ายดาย
เเต่แน่นอนว่านี่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเขาอยู่ดี
[ติ๊ง! ใช้คะแนนโชคลาภหนึ่งล้านคะแนน, เจตนาดาบของโฮสต์เพิ่มขึ้นเป็นขั้นที่หกแล้ว!]
[ติ๊ง! ใช้คะแนนโชคลาภห้าล้านคะแนน, เจตนาดาบของโฮสต์เพิ่มขึ้นเป็นขั้นที่เจ็ดแล้ว!]
ด้วยความก้าวหน้าสองระดับติดต่อกัน…..เจตนาดาบของเขา ณ ขณะนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เจตนาขั้นที่เจ็ดนั้นเป็นสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ดาบ…..ซึ่งเป็นระดับที่หาได้ยากอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์
แม้แต่ผู้ฝึกฝนดาบของอาณาจักรถ้ำสวรรค์หลายคนก็อาจไม่สามารถแตะถึงระดับนี้ได้
ณ ตอนนี้ เขารู้สึกว่าทุกการเคลื่อนไหวของเขามีความละเอียดอ่อนต่อเจตนาดาบ….เเละมันทำให้เขามีสัมผัสที่เฉียบแหลมต่อทุกสิ่งรอบตัวเขา
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนทางอารมณ์ของผู้คนรอบตัวเช่นเดียวกับความเกลียดชังหรือความเป็นมิตรที่ซ่อนเร้นต่อเขา
แน่นอนว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นล้วนเกิดเมื่อเจตนาดาบของเข้าก้าวสู่ขั้นที่เจ็ด
เเละเมื่อรวมเจตนาดาบขั้นที่เจ็ดนี้กับทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี…..พลังของมันจะเพิ่มขึ้นจนน่ากลัวยิ่งกว่าทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ซะอีก
ส่วนถ้าใช้ร่วมกับทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์…..มันก็จะเเสดงพลังที่ใกล้เคียงกับทักษะการต่อสู้ระดับราชันย์เลยทีเดียว
ในแง่ของพลังการต่อสู้ เขาไม่รู้ว่าเขาพัฒนาขึ้นไปกี่ขั้นต่อกี่ขั้น
เเละตอนนี้เขาได้นึกถึงมู่ซีเหยา อัจฉริยะจากเมืองโบราณชางหยวนอีกครั้ง…..ซึ่งอีกฝ่ายดูไม่ลึกล้ำและน่ากลัวอีกต่อไป
เขารู้สึกว่าหากพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง, เขาคงจะสามารถคว้าชัยชนะในการต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้, การเปลี่ยนแปลงความแข็งแกร่งของเขายังนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพจิตใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ราคาที่เขาต้องจ่ายก็หนักมากเช่นกัน
แค่คะแนนโชคลาภอย่างเดียวก็ใช้ไปแล้วหกล้านคะแนน….ตอนนี้เหลือเพียงสามล้านห้าแสนคะแนนเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น, ในการเลื่อนจากระดับเจ็ดไปสู่ระดับแปดนั้นยังต้องใช้คะแนนโชคลาภถึงสิบล้านคะแนน
เมื่อมองดูคร่าวๆ…..นี่เป็นเป้าหมายที่ไม่สามารถเอื้อมได้โดยแท้
แต่โดยรวมแล้วเขาก็ยังค่อนข้างพอใจ
เเละเมื่อดูคะแนนโชคลาภที่เหลือ …..เย่หวู่ชางก็ไม่ลังเลใจและเลือกที่จะอัพเกรดทักษะของเขาต่อ
[ใช้คะแนนโชคลาภสามแสนคะแนน, ฉีกคำตัดสินมหาสมุทรได้เพิ่มขึ้นเป็นขั้นแรก…..พระราชวังสีม่วงของโฮสต์มีการเปลี่ยนแปลง, พลังวิญญาณของโฮสต์ได้รับการขัดเกลาและปรับปรุง!]
[ใช้คะแนนโชคลาภห้าแสนคะแนน ฉีกคำตัดสินมหาสมุทรได้เพิ่มขึ้นเป็นขั้นที่สอง…..พระราชวังสีม่วงของโฮสต์มีการเปลี่ยนแปลง, พลังวิญญาณของโฮสต์ได้รับการขัดเกลาและปรับปรุง!]
[ใช้คะแนนโชคลาภหนึ่งล้านคะแนน ฉีกคำตัดสินมหาสมุทรได้เพิ่มขึ้นเป็นขั้นที่ขั้นที่สาม…..พระราชวังสีม่วงของโฮสต์มีการเปลี่ยนแปลง, พลังวิญญาณของโฮสต์ได้รับการขัดเกลาและปรับปรุง!]
[อาณาจักรไม่เพียงพอ….ไม่สามารถพัฒนาต่อได้!]
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เย่หวู่ชางก็ได้เเต่ถอนหายใจภายในใจ
ขั้นที่สี่ขึ้นไป….ยังไม่สามารถเพิ่มระดับได้
แท้จริงแล้วทักษะระดับราชันย์นั้นไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
อาจกล่าวได้ว่าทักษะระดับราชันย์นั้นทรงพลังเพียงพอที่จะนำตระกูลใดตระกูลหนึ่งเข้าสู่การครองภูมิภาคได้
สาเหตุที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยยืนหยัดมาได้อย่างยาวนานยก็เพราะสาเหตุนี้
โดยเนื้อแท้แล้วเป็นเพราะกษัตริย์ผู้ก่อตั้งเคยได้รับทักษะการต่อสู้ระดับราชันย์ที่เสียหายมา…….เเละนั่นทำให้เขาสามารถสถาปนาราชวงศ์นี้ได้
ด้วยความช่วยเหลือจากทักษะการต่อสู้ที่เสียหายนั้น…..ทำให้ราชวงศ์ยังคงสามารถสร้างบุคคลที่แข็งแกร่งและปราบปรามกองกำลังภายในดินแดนได้อย่างมั่นคง
เเค่ทักษะระดับราชันย์ที่เสียหายยังสามารถสร้างราชวงศ์ได้……ไม่ว่าใครก็สามารถจินตนาการได้เพียงว่าทักษะระดับราชันย์ที่สมบูรณ์จะต้องทรงพลังมากแค่ไหน
เเละเพื่อจะสามารถฝึกฝนขั้นที่สี่ได้……เย่หวู่ชางจะต้องทะลวงผ่านอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์เสียก่อน
เมื่อเห็นสิ่งนี้, เย่หวู่ชางก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เพราะหากเขาสามารถฝึกฝนทักษะระดับราชันย์ของเขาต่อไปได้…..เขารู้สึกว่าเมื่อเขาไปถึงขั้นที่เก้า เขาอาจจะสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญอาณาจักรสำแดงกฎเกณฑ์ได้ด้วยระดับพระราชวังสีม่วงที่เขามี
จากนั้น, เมื่อดูคะแนนโชคลาภที่เหลืออีกหนึ่งล้านเจ็ดแสนคะแนน…..เย่หวู่ชางก็เลือกที่จะใช้มันทั้งหมดเพื่ออัพเกรดฐานการฝึกตนของเขา
[ใช้คะแนนโชคลาภสามแสนคะแนน, การฝึกตนของโฮสด์ทะลวงไปสู่ขั้นที่สองของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง!]
[ใช้คะแนนโชคลาภสี่แสนคะแนน, การฝึกตนของโฮสด์ทะลวงไปสู่ขั้นที่สามของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง!]
[ใช้คะแนนโชคลาภหนึ่งล้านคะแนน, การฝึกตนของโฮสด์ทะลวงไปสู่ขั้นที่สี่ของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง!]
ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อความแข็งแกร่งของเขา
เเต่การเปลี่ยนแปลงจะเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดก็ต้องเทียบได้กับมู่ซีเหยา
เพราะด้วยการฝึกตนของเธอในขั้นที่แปดของอาณาจักรพระราชวังสีม่วง……เย่หวู่ชางรู้สึกว่าตอนนี้ เขาสามารถเอาชนะเธอได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม นั่นคือมู่ซีเหยาเมื่อไม่กี่ปีก่อน
เเต่ตอนนี้, เธอได้เขียนอยู่จดหมายมาถึงเย่ว์รู่ชวง
ในจดหมาย เธอกล่าวว่าเธอได้ทะลวงไปสู่ขั้นที่เก้าของอาณาจักรพระราชวังสีม่วงแล้ว และกำลังเตรียมที่จะเก็บตัวฝึกตนเพื่อมุ่งมั่นทะลวงไปสู่ขอบเขตสำแดงกฎเกณฑ์ก่อนการประชุมใหญ่มังกรเร้นลับที่จะมาถึง
เเละ ณ ขณะนี้…..สำหรับเย่หวู่ชางความก้าวหน้าทุกอย่างสามารถเรียกได้ว่าเป็นเรื่องสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน
การเปลี่ยนแปลงความแข็งแกร่งยังนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวของเย่หวู่ชางเอง
แม้ว่าเขาจะไม่ปล่อยออร่าของเขา ออกมา….. แต่ออร่าที่เป็นเอกลักษณ์ของนักดาบก็สามารถทำให้ผู้คนกลั้นหายใจได้
………..
จากนั้นเวลาผ่านก็ไปอย่างรวดเร็ว
และในไม่ช้าก็ถึงวันแต่งงานของเย่หวู่ชางกับสีคงหมิงเยว่
เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์พิเศษ งานแต่งงานจึงถูกเก็บเป็นความลับ…..โดยมีกองกำลังใกล้ชิดกับตระกูลเย่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญ
ลุงจงและเซี่ยจือซวนก็ได้มาเข้าร่วมงานแต่งงาน
เเละเมื่อได้เห็นเย่หวู่ชางอีกครั้ง…..พวกเขาก็ตัวสั่นสะท้านอีกครา
เย่หวู่ชาง ในปัจจุบันทำให้พวกเขารู้สึกถึงความคลุมเครือและความต้องการอยากหลบเลี่ยงอย่างถึงที่สุด
แม้ว่าเย่หวู่ชางจะยืนอยู่ตรงนั้น แต่พวกเขารู้สึกราวกับว่าจิตใจของพวกเขากำลังถูกเจตนาดาบกดทับอยู่
ในหมู่พวกเขา ลุงจงเป็นผู้ที่รู้สึกแบบนั้นมากที่สุด
เขารู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะอยู่ห่างจากเย่หวู่ชางหลายสิบเมตร แต่รัศมีที่เล็ดลอดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้เลือดของเขาพลันหยุดนิ่ง
หากก่อนหน้านี้เขากล้าดูหมิ่นเย่วู่ชางและกล้าโจมตีเขา
เเต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเพียงออร่าเพียงอย่างเดียวของอีกฝ่ายก็สามารถทำให้เขาตายได้
เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น….ทำไมเขาถึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเช่นนี้
นี่เป็นความน่ากลัวของอัจฉริยะระดับสุดยอดหรือเปล่า?
ลุงจงนั้นมีประสบการณ์เดินทางท่องโลกมาหลายปี เเละเห็นอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน…..แต่ก็ไม่เคยพบบุคคลใดที่ให้ความรู้สึกของการกดขี่รุนแรงได้อย่างเย่หวู่ชาง
…….
อีกด้านหนึ่ง
เซี่ยจือซวนจ้องมองอย่างตั้งใจไปที่เย่หวู่ชางผู้ซึ่งสวมชุดเจ้าบ่าว และเผลอแสดงออกถึงความหลงใหลโดยไม่ได้ตั้งใจ
แรงดึงดูดในชายผู้แข็งแกร่งนั้นมีมาตั้งแต่กำเนิดสำหรับเหล่าหญิงสาว
ผู้หญิงคนไหนเล่าที่จะไม่หลงใหลอัจฉริยะที่ทรงพลังและหล่อเหลาอย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้?
ในขณะนี้เซี่ยจือซวน รู้สึกว่าเธอกำลังตกหลุมรัก
เเถมเธอยังรู้สึกอิจฉาสีคงหมิงเยว่…..พร้อมมีความปรารถนาที่ต้องการไปแทนที่เธอ
ความคิดแปลกๆปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ…..เเละมันทำให้หัวใจของเธอตื่นตระหนก
พร้อมกันนี้, เธอไม่รู้เลยว่าสีหน้าของเธอกำลังถูกสังเกตเห็นโดยเย่ว์รู่ชวง…..ซึ่งกำลังรู้สึกสนุกสนานกับเรื่องนี้มาก
เเละเธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้……สามีของเธอมีเสน่ห์ล้นเหลือจริงๆ
ดูเหมือนว่าแม้แต่องค์หญิงในตำนานแห่งราชวงศ์ต้าเซี่ยก็ยังตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเขา
ยิ่งเซี่ยจือซวนอยู่นานเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น…..ในท้ายที่สุดหลังจากงานแต่งงานจบ, เธอก็รีบจากไปทันที
ขณะที่เธอจากไป เธอก็พาเย่ว์รู่ชวงไปด้วย (ตกลงกันเเล้วให้ไปคุ้มกัน)
มีข่าวลือว่าฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ต้าเซี่ยสิ้นพระชนม์แล้ว…..แต่ข่าวดังกล่าวถูกปกปิดและไม่ได้ประกาศออกมา
ณ ขณะนี้ราชวงศ์ต้าเซี่ยทั้งหมดก็เริ่มไม่มีการเคลื่อนไหวมานานแล้ว…..เเละมันทำให้ผู้คนรู้สึกถึงพายุที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในเวลานี้, การที่เซี่ยจือซวนมาเข้าร่วมงานแต่งงาน…..ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้า
เมื่อได้ยินฝีเท้าที่ค่อนข้างตื่นตระหนกของเซี่ยจือซวน, เย่หวู่ชางก็รู้สึกสับสนงุนงงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้……และหันหลังเข้าไปในลานที่เตรียมไว้สำหรับสีคงหมิงเยว่
……………………