บทที่ 25 ใบหน้า
"ใช่แล้วขอรับ"
“วันนี้ข้าเป็นคนหามโลงศพ”
“นำกลับมาที่เมืองฉาง”
“ข้าเข้าใจความหมายของเถ้าแก่เนี้ยจาง ข้าจะทำความสะอาดทันทีและออกจากโรงเตี๊ยม นี่จะไม่ทำลายชื่อเสียงของเจ้าของเถ้าแก่เนี้ยจางและโรงเตี๊ยมอย่างแน่นอนขอรับ”
คนที่หามโลงศพจะเป็นคำนำพาโชคร้าย
ใครก็ตามที่แตะต้องโลงศพจะมีลางร้ายซึ่งส่งผลต่อกิจการอย่างแน่นอน
“ไล่ท่านออกไปหรือ?”
“ในความคิดของคุณชายจินอัน เราเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ?”
“เรากำลังรอที่นี่เพราะเราต้องการใช้กิ่งต้นหลิวปัดเป่าโชคร้ายให้กับคุณชายจินอันและช่วยปัดเป่าฝุ่นออกไป”
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่า ข้าจะขับไล่คุณชายจินอันออกไปเพียงเพราะท่านหามโลงศพของคนอื่นด้วยเจตนาที่ดี”
อะไรนะ?
จินอันมีปฏิกิริยา
กลับกลายป็นว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด
ต้นหลิวสามารถตอกวิญญาณชั่วรร้ายได้ พวกมันจะอยู่เคียงข้างเจ้าแม่กวนอิมตลอดเวลา กิ่งต้นหลิวจะใส่อยู่ในแจกันหยกในพระหัตถ์ของเจ้าแม่กวนอิม ดังนั้นว่ากันว่ากิ่งต้นหลิวสามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและกำจัดโชคร้ายให้กับผู้คนได้
หลังจากฟังคำอธิบายของ จางหลิงหยุน แล้ว จินอันก็รู้สึกประทับใจ
“ตีก้น ตีก้น ตีก้นเลย ในที่สุดโต่วโต่วก็ไม่ใช่คนเดียวที่ถูกป้าตีอีกต่อไปแล้ว”
"แปะ แปะ แปะ แปะ"
“ท่านป้าตีโต่วโต่วตอนนั้นยังเจ็บอยู่เลย”
เด็กน้อยใช้มือเล็กๆ ของเธอจับมือของ จางหลิงหยุน แล้วลูบก้นเล็กๆ ของเธอราวกับว่าเธอถูกทุบตีอย่างรุนแรงในครั้งที่แล้ว
เด็กน้อยโดนตีก้นของเธอครั้งล่าสุด
มันเป็นตอนที่เธอฉี่รดเตียงแล้วใส่ร้ายเถ้าแก่เนี๊ยจาง
จินอัน: "..."
เถ้าแก่เนี๊ยจาง: "..."
มีเพียงเด็กน้อยเท่านั้นที่ยังตะโกนใส่เถ้าแก่เนี๊ยจางเพื่อให้ตีจินอัน
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เถ้าแก่เนี๊ยจางจะถกกางของจินอันแล้วตีจริงๆ
เธอหยิบเอากิ่งต้นหลิวที่เตรียมไว้ แล้วเถ้าแก่เนี๊ยจางก็ตีไปที่ร่างของจินอันสองสามครั้งโดยไม่เจ็บอะไร
ปุ๊ ปุ๊...
จินอัน: "..."
……
……
พระอาทิตย์ตกแทนที่ด้วยพระจันทร์
ดวงดารากำลังเปลี่ยนไป
ในเวลาเที่ยงคืน ทุกอย่างในเทศมณฑลฉางเข้าสู่ความเงียบสงบ มีเสียงหมาเห่า เพียงไม่กี่เสียงค่อยๆ ดังจากไกลเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ราวกับมันเห็นอะไรบางอย่างในตอนกลางคืน เสียงเห่านั้นถี่กว่าครั้งต่อๆ มา และถี่มากขึ้นเรื่อยๆ
ขณะนี้เป็นเวลาห้ามออก ไร้ผู้คน ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เดินไปมาตามท้องถนน ถนนต่างๆ ยกเว้นยามตรวจตราในเวลากลางคืน
สำหรับ หลินลู่ วันนี้เขายุ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เขายังไม่หายจากอาการป่วยหนัก หลังจากฝังศพภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว เขารู้สึกเหนื่อยมาก เมื่อกลับถึงเรือนเขาจึงเข้านอนเร็ว
....
หลินลู่กำลังนอนหลับอย่างเมามาย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงบางอย่าง
ในตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ แต่เสียงเอี๊ยดอ๊าดยังคงดังอยู่ เหมือนเสียงเอี๊ยดของประตูไม้
แต่หลินลู่ซึ่งมีเปลือกตาที่หนักดั่งลูกตะกั่วนั้น หลับลึกเกินไปจริงๆ
คืนนี้เขาไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของภรรยาผู้ล่วงลับของเขา ดังนั้น เขาที่นอนไม่หลับในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา จึงหลับลึกเป็นพิเศษในวันนี้
เข้าไม่รู้ว่าตัวเขาหลับไปนานแค่ไหน แต่ในที่สุด หลินลู่ ก็ตื่นขึ้นมาด้วยเหตุผลบางอย่าง ยิ่งเขานอนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น มือเท้าของเขาเย็นมากจนเขาต้องตื่นขึ้นเพื่อไปถ่ายปัสสาวะ
เมื่อเขาตื่นขึ้นมา
น้ำมันตะเกียงในห้องยังคงไหม้อยู่ แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มันแทบจะไม่สามารถมอบแสงสว่างให้หะบห้องที่หลินลู่นอนหลับพักกายได้
“น้ำมันตะเกียงยังไม่หมด ตอนนี้เวลายามไฮ่(21.00-22.59) อยู่หรือเปล่านะ?” หลินลู่เงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัวแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นหน้าต่างกระดาษที่มืดสนิท ซึ่งเขามองไม่เห็นอะไรเลย
มันเงียบสงบเป็นพิเศษในตอนกลางคืน
มันแปลกที่จะบอกว่าเมื่อ หลินลู่ ตื่นขึ้นมา เสียงแปลกๆ ที่เขาได้ยินในความฝันก็หายไป
“หรือว่าข้าสับสนแล้วเก็บเอาไปฝัน?”
หลินลู่มองดูหน้าต่างกระดาษสีดำสนิทซึ่งเขามองไม่เห็นอะไรเลย แล้วเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่ด้วยความที่อยากจะไปถ่ายปัสสาวะเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็ลุกจากเตียงหยิบตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะ สวมเสื้อคลุมแล้วเปิดประตูเดินออกไป
ฟิ้ววววว
นอกเรือนมันหนาวจับใจ และลมชั่วร้ายก็พัดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ พัดตะเกียงน้ำมันแสงสลัวๆ ในมือของหลินหลู่จนดับไป
ทันใดนั้น
เขาก็ไม่เห็นแม้แต่มือของตัวเอง
หลินลู่ตกใจมากจนเกือบจะโยนตะเกียงน้ำมันในมือโดยไม่รู้ตัว
ท่ามกลางความมืดมิด
หลังจากคลำหาของมาได้สักพัก
ในที่สุด หลินลู่ ก็เจอกระบอกจุดไฟ ด้วยความกลัวเขาจึงรีบใช้มันเพื่อจุดตะเกียงน้ำมัน แสงไฟอันอบอุ่นส่องสว่างในห้องที่เขานอนหลับอีกครั้ง
เมื่อมองดูเรือนที่คุ้นเคยด้วยความสว่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลินลู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อกี้มันเกือบจะทำให้เขากลัวจนตาย
เป็นเวลาดึกแล้วและข้างนอกก็มืด มันเงียบมากจนหลินลู่ตระหนักได้ว่ามันเงียบเกินไป
“ลูกพี่ลูกน้องและญาติหลายๆ คน คอยเฝ้าดูโลงศพสีขาวที่ตั้งอยู่ในลานบ้านข้าทั้งคืน ถ้าพูดตามหลักแล้ว หากคนจำนวนมากมารวมตัวกันก็จะมีวิวาทในวงเหล้า มันจะเสียงดังมากๆ เป็นไปได้ยังไง” มันจะเงียบเช่นนี้ได้ยังไง?
“คนเฝ้าตอนกลางคืนหลับไปงั้นหรือ?”
หลินลู่อั้นปัสสาวะไว้ คราวนี้เขาถือตะเกียงน้ำมันไว้ในมือขวาแล้วป้องตะเกียงด้วยมือซ้ายเพื่อป้องกันไม่ให้ลมกลางคืนพัดดับไปอีก
คราวนี้เขาเพิ่งจะก้าวเท้า แต่ก็มีบางอย่างเกิดขึ้น!
...
เสียงแปลกๆ นั้นดังขึ้นอีกครั้งในคืนที่เงียบงัน หลินลู่ ก้าวเท้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ นี่มันไม่ใช่ภาพลวงตา! มันไม่ใช่ความฝันด้วย!
เสียงนั้นคือเรื่องจริง!
ใบหน้าของ หลินลู่ ซีดเล็กน้อย เขากลัวมากจนปิดประตูลงสลัก "ข้าต้องทำยังไง ข้าต้องทำยังไง หรือว่าคนที่อยู่ในโลงศพสีขาวที่ตั้งอยู่ในลานบ้านกำลังขูดโลงศพ?
ยิ่งหลินลู่นึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า การคาดเดาของเขาถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น
เสียงไม้ดังครืดๆ ฟังดูเหมือนดังมาจากลานบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ตอนนี้บริเวณโดยรอบเงียบสงบในช่วงกลางคืน
“ทำไมลูกพี่ลูกน้องของข้าและคนอื่นๆ ที่กำลังเฝ้าคืนนี้ถึงไม่ส่งเสียงอะไรเลยล่ะ?”
“ท่านอาจารย์เต๋าเฉิน ก็เฝ้าคอยอยู่เช่นกันไม่ใช่หรอ?”
หัวใจหลินลู่ เต้นด้วยความเสียวซ่าน
ไม่ว่าจะเป็นคนเบื่อโลกแค่ไหน ในเวลานี้ก็ต้องสังเกตเห็นถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
“อึก!”
หลินลู่กลืนน้ำลายอย่างแรงด้วยความกลัว แล้วมองไปที่หน้าต่างกระดาษที่มืดสนิท แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย
เสียงดังครืดๆ… และเสียงแปลกๆ นั้นยังคงดังต่อไปในลานบ้านที่ตั้งโลงศพ
หลินลู่ เดินไปที่โต๊ะในห้องอย่างเบาๆ เท่าที่จะทำได้ด้วยความกลัว เขาวางตะเกียงน้ำมันในมืออย่างระมัดระวังโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
แล้วเดินเงียบๆ อยู่หลังหน้าต่าง
เขาเคลื่อนไปช้าๆ อย่างระมัดระวังด้วยเสียงหัวใจเต้นแรงราวกับกลอง แล้วเขาแอบดันช่องหน้าต่างออก พยายามมองดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่ลานด้านนอก
ด้วยความกลัวจนไม่รู้ว่าตัวเขาอยากจะปัสสาวะ เหลือเพียงความตื่นตระหนกและความกังวลใจในหัวใจของเขาเท่านั้น
แต่ทว่า!
ปัง!
ขณะที่หลินหลู่แอบแง้มเปิดหน้าต่าง ท่อนไม้สำหรับซักผ้าก็ถูกผลักหล่นลงพื้นข้างขอบหน้าต่าง
เสียงไม้ที่ตกลงบนพื้นในคืนอันเงียบสงบนั้นรุนแรงราวกับเข็มเจาะแก้วหู
จู่ๆ สีหน้าของ หลินลู่ ก็ซีดลงหัวใจของเขาดูเหมือนจะหยุดเต้นทันที เขาหายใจไม่ออก โลงศพสีขาวในลานบ้านถูกเปิดออก!
ในขณะเดียวกัน!
มีใบหน้าของมนุษย์ห้อยอยู่นอกหน้าต่าง ซ่อนอยู่บนขอบนอกหน้าต่างเรือนของ หลินลู่
"ข้า…"
ข้าโดนเจอตัวแล้ว!
ข้าโดนเจอตัวแล้ว!
หลินลู่อยากจะกรีดร้องแต่ก็ทำไม่ได้ ร่างกายของเขาเย็ยยะเยือกราวกับถูกแช่ในน้ำแข็ง
(จบบท)