บทที่ 2 พิธีปลุกวิญญาณยุทธ์
เนื่องจากค่ายกลกระบี่สำหรับพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ที่อยู่ใกล้เคียงมีเพียงเมืองซิงเยว่ ทุกคนจึงเริ่มมุ่งหน้าไปยังที่นั้น
การเดินทางใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยามก็ถึงลานกลางเมืองที่กำลังมีพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ เพราะหมู่บ้านหยางอยู่ไม่ห่างจากเมืองซิงเยว่มากนัก
ลานปลุกวิญญาณยุทธ์เปิดรอบรรดาเด็กอัฉริยะทุกคนร่วมทดสอบ เพียงจ่ายเหรียญทองจำนวนหนึ่งก็สามารถเดินเข้าค่ายกลเพื่อปลุกวิญญาณยุทธ์ได้แล้ว
เมื่อตระกูลหยางมาถึง ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยรวมตัวกันณ.ลานกลางเมืองอยู่ก่อนแล้ว นอกจากตระกูลหยางยังมีคนจากตระกูลอื่นที่เดินทางมาเข้าร่วมพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์ด้วยเช่นกัน ทำบรรยากาศค่อนข้างครึกครื้นเลยทีเดียว
ไม่ช้าก็ถึงคราวของตระกูลหยาง
เมื่อหยางหมิงก้าวไปข้างหน้าจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับใช้ค่ายกลปลุกวิญญาณยุทธ์ วิญญาจารย์จากเมืองซิงเยว่ก็เริ่มปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งเพื่อเปิดมัน ทันใดนั้น ก็ปรากฏค่ายกลรูปทรงหกเหลี่ยมลอยขึ้นจากพื้นดิน
“จงเอ๋อร์ เจ้าคนแรก” หยางหมิงโบกมือเรียกหยางจงแล้วเผยยิ้มอย่างมีความสุข
หยางจงเป็นหลานชายที่หยางหมิงชื่นชอบเป็นที่สุด
“ขอรับท่านปู่” หยางจงตอบแล้วเดินตรงไปยังใจกลางค่ายกลภายใต้สายตาของทุกคนที่เฝ้ามอง
พลังของค่ายกลเริ่มมีปฏิกิริยาทันทีเมื่อหยางจงเดินเข้าไป กายเขาถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทองก่อนเสียงร้องของวิหคเพลิงจะดังก้องไปทั่ว พร้อมปรากฏร่างวิหคขนาดยักษ์บนท้องฟ้าเหนือหัวเขา
วิหคยักษ์ตัวนี้มีเปลวเพลิงปกคลุมไปทั่วร่างกาย ปีกที่กางออกของมันกว้างถึงสามสิบฉื่อก่อนที่พลังอันน่าพิศวงจะแผ่กระจายปกคลุมบนท้องฟ้า
ทำทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความประหลาดใจ
หยางหมิงมองยังวิหคเพลิงเบื้องหน้าพร้อมตัวสั่นเทาด้วยความอัศจรรย์ใจ “ชิงหลวน! มันคือชิงหลวน วิญญาณยุทธ์ระดับสิบ!”
ระดับวิญญาณยุทธ์เริ่มจากต่ำไปสูงคือตั้งแต่หนึ่งถึงสิบ ส่วนที่เกินระดับสิบขึ้นไปเรียกวิญญาณยุทธ์ขั้นสูง
เป็นพวกที่ถือว่าหาได้ยาก เพราะระดับสิบนี้นับเป็นอัจฉริยะผู้มีพลังสมบูรณ์แต่กำเนิด และเป็นธรรมดาที่หยางหมิงจะมีอาการตื่นเต้น
หยางไห่ พ่อของหยางจงรวมถึงวิญญาจารย์ทุกคนในตระกูลหยางที่ได้เห็นต่างรู้สึกตื่นเต้นและยินดีไปด้วยเช่นกัน
“ขอแสดงความยินดีกับผู้นำตระกูลหยาง” หลี่กวง ผู้นำตระกูลหลี่ เขาก้าวไปข้างหน้าผสานมือขึ้นแสดงความยินดีแล้วกำหมัดหันไปทางหยางหมิงพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตระกูลหยางค้นพบอัจฉริยะแล้ว ช่างน่าอิจฉาจริงๆ”
ตระกูลหลี่เป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่แห่งเมืองซิงเยว่ มีความแข็งแกร่งโดยรวมมากกว่าตระกูลหยางเล็กน้อย หยางหมิงหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาผสานมือขึ้นแล้วกำหมัดพร้อมยิ้มตอบอย่างสุภาพ “ขอบคุณพี่หลี่ ภายภาคหน้าต้องรบกวนท่านแล้ว” เหล่าผู้คนสามารถเห็นความภูมิใจและตื่นเต้นของหยางหมิงที่แสดงออกมาทางสีหน้าได้อย่างชัดเจน
ผู้นำตระกูลคนอื่นๆ ในเมืองซิงเยว่ต่างปรี่เข้าร่วมแสดงความยินดีกับหยางหมิงและหยางไห่กันท่วมท้น
หยางหมิงและหยางไห่ภูมิใจยิ้มกว้างจนหุบไม่อยู่
ส่วนหยางจงก็เดินออกจากค่ายกลอย่างมีความสุขพร้อมสายตาอิจฉาของทุกคน แม้เขาจะยังเด็กแต่ก็เข้าใจดีว่าวิญญาณยุทธ์ระดับสิบหมายถึงอะไร
จากนี้ไปเขาคือผู้ที่สวรรค์ภูมิใจ!
ขณะเดินผ่าน เขาก็มองหยางเสี่ยวเทียนด้วยสายตาแห่งผู้ชนะ
หยางเสี่ยวเทียนขมวดคิ้วทันทีที่เห็นท่าทางวางมาดของหยางจง แม้เขาจะเป็นบุตรชายของท่านลุงก็ตาม
ท่านปู่กลับภูมิใจในตัวหยางจงมากกว่าหลานคนอื่นๆ แม้เขาจะเป็นคนแรกที่ก่อปัญหาเสมอ ต่างจากเขากับหยางหลิงเอ๋อร์ที่มักถูกตำหนิอยู่บ่อยครั้ง
“เสี่ยวเทียน ถึงตาเจ้าแล้ว” หยางหมิงกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียน
เขาขานรับ จากนั้นเดินไปยังใจกลางของค่ายกลด้วยท่าทางดูประหม่านิดหน่อย
เนื่องจากหยางจงเป็นอัจฉริยะผู้มีวิญญาณยุทธ์ระดับสิบ เขาจึงค่อนข้างกังวลเมื่อยืนอยู่ตรงกลางของค่ายกล
ที่สุดแล้ว ในโลกแห่งวิญญาจารย์ ไม่ว่าใครจะมีวิญญาณยุทธ์เป็นอะไร ตัวกำหนดอนาคตแท้จริงของบุคคลนั้นคือระดับวิญญาณยุทธ์ต่างหาก
ผู้นำตระกูลคนอื่นๆ ในเมืองซิงเยว่ต่างมองไปยังหยางเสี่ยวเทียนด้วยความอยากรู้ว่าเขาจะมีวิญญาณยุทธ์แบบไหน เพราะเขาก็เป็นหนึ่งในหลานชายอีกคนของหยางหมิงเช่นกัน
หยางเฉาก็เป็นอีกคนที่เฝ้ามองบุตรชายไม่วางตาด้วยตื่นเต้นและได้แต่คอยสวดภาวนาในใจอย่างเงียบๆ
ใจกลางค่ายกล พลังที่แผ่ออกมาห่อหุ้มทำให้หยางเสี่ยวเทียนรู้สึกอบอุ่นมาก ก่อนทันใดนั้นรอบตัวเขาจะมีแสงสว่างพุ่งออกมา
หัวใจหยางเฉาบีบแน่นด้วยความตื่นเต้น
ฮัม!
หลังน้ำเสียงแปลกใจอย่างแผ่วเบาดังขึ้น ก็ปรากฏเงาบางอย่างลอยออกมาจากร่างของหยางเสี่ยวเทียนพุ่งไปบนท้องฟ้าเบื่องหลังเขา