บทที่ 10 เฉินหยวนรับลูกศิษย์
เพราะไม่กี่วันก่อน หยางหมิงเพิ่งทุ่มเงินซื้อโอสถวิญญาณหลงหู่ไปเป็นจำนวนมาก
เมื่อตอนนี้เห็นว่าหยางเสี่ยวเทียนสามารถปลดปล่อยพลังขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งได้ เลยไม่แปลกหากจะคิดว่าเขาแอบขโมยโอสถวิญญาณหลงหู่ไป เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่วิญญาณยุทธ์ขยะระดับสองของหยางเสี่ยวเทียนจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งได้เร็วเช่นนี้
“ข้าไม่ได้ทำ” หยางเสี่ยวเทียนตอบกลับหลังได้ยินคำกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมจากท่านปู่
แต่พอได้คำตอบ หยางหมิงกลับว่ากล่าวด้วยความโกรธอีกครั้ง “เจ้ากล้าโกหกข้างั้นหรือ!” กล่าวจบ เขาก็หันไปสั่งพ่อบ้านชราหยางหลินเสียงเข้ม “เจ้ากลับไปดูโอสถวิญญาณหลงหู่ว่ามันยังอยู่ที่เดิมหรือไม่”
พ่อบ้านชราหยางหลินพยักหน้าตอบแล้วรีบไปในทันที
เวลานี้ หยางไห่ก็เป็นอีกคนที่ก้าวออกมากล่าวหาผู้เป็นหลานด้วยความฉุนเฉียว “ต้องเป็นเขาที่ขโมยโอสถวิญญาณหลงหู่ ไม่เช่นนั้นจะอาศัยเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสองทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร!”
เมื่อหยางเฉาได้ยินคำกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงดังนั้น เขาก็เอ่ยออกมาด้วยความเหลืออดเช่นกัน “พี่ใหญ่ ท่านมองด้วยตาข้างไหนจึงเห็นว่าเสี่ยวเทียนขโมยโอสถวิญญาณหลงหู่ไป”
“เหตุใดพวกท่านจึงไม่สงสัยหยางจงบ้าง เขาอาจเป็นคนขโมยโอสถวิญญาณหลงหู่ไปก็ได้”
ขณะที่ทั้งสองทะเลาะกัน พ่อบ้านชราหยางหลินก็กลับมาพร้อมเหลือบมองไปยังหยางเสี่ยวเทียน ก่อนจะเดินหาหยางหมิงพร้อมกับเอ่ยบอก “ผู้อาวุโส โอสถวิญญาณหลงหู่ยังอยู่ที่เดิม”
หยางหมิงถึงกับตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เฉินหยวนจากสำนักเสินเจี้ยนจึงรีบก้าวไปข้างหน้าหาหยางเสี่ยวเทียนก่อนกล่าวถาม “เด็กน้อย เจ้าช่วยปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของเจ้าออกมาให้ข้าดูได้หรือไม่”
ในเมื่อหยางเสี่ยวเทียนไม่ได้กลืนโอสถวิญญาณหลงหู่ ทำไมเขาถึงสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่งได้เร็วขนาดนี้
เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้
หยางเสี่ยวเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนเองออกมา
ทันใดนั้น ก็ปรากฏภาพธรรมของเต่าสีดำขนาดใหญ่ขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
แต่เมื่อทุกคนได้เห็นมัน ก็ต่างพากันหัวเราะอย่างเช่นเคย
เดิมที เฉินหยวนแอบมีความหวังลึกๆ แต่เมื่อเขาได้เห็นวิญญาณยุทธ์เต่าขนาดยักษ์ของหยางเสี่ยวเทียนเบื้องหลังเขา มันก็ทำให้เขาผิดหวังเอามากๆ แม้จะไม่รู้ว่าเด็กผู้นี้ฝึกฝนจนมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร แต่วิญญาณยุทธ์ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น มันก็เป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสองจริงๆ
“ปรมาจารย์เฉินหยวน เป็นอย่างไรบ้าง” หยางหมิงถามเฉินหยวนอย่างกังวลใจ
เฉินหยวนส่ายหัวก่อนอธิบายให้หยางหมิงและคนอื่นได้เข้าใจ “มันคือเต่ายักษ์เหล็กนิลวิญญาณยุทธ์ระดับสอง ส่วนอสรพิษดำตัวน้อยนั้นก็คืออสรพิษวารีทมิฬเป็นวิญญาณยุทธ์ระดับสองเช่นกัน หรือก็คือพวกมันเป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ปรสิตระดับสอง ที่ต้องอิงอยู่ร่วมกัน”
เดิมทีหยางหมิงคิดว่าอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น แต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ก็ผิดหวังกับหลานชายผู้นี้ไปอย่างสิ้นเชิง
เฉินหยวนเป็นใครอย่างนั้นหรือ เขาเป็นรองเจ้าสำนักของสำนักเสินเจี้ยน มีความรู้มากมายถึงขั้นสามารถตัดสินได้ว่านี่คือวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสอง ดังนั้น ทุกคนก็ต้องเชื่อไปตามที่เขากล่าว
หยางไห่ หยางจง และคนอื่นๆ แอบรู้สึกมีความสุขพร้อมโล่งใจเมื่อได้ยินว่าวิญญาณยุทธ์ของหยางเสี่ยวเทียนเป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ปรสิตระดับสอง
หยางเสี่ยวเทียนเพียงเฝ่ามองท่าทางดีอกดีใจของหยางหมิง หยางไห่ หยางจง และคนอื่นๆ อย่างนิ่งเฉยเท่านั้น
วิญญาณยุทธ์ปรสิตระดับสองงั้นหรือ
สำหรับวิญญาณยุทธ์ปรสิต หยางเสี่ยวเทียนเข้าใจดีว่ามีเพียงวิญญาณยุทธ์หลักเท่านั้นที่สามารถดูดกลืนพลังวิญญาณของสวรรค์และโลกได้ ส่วนวิญญาณยุทธ์อื่นที่ติดมานั้นมันไม่มีผลอะไรเลย
แต่กับวิญญาณยุทธ์ของเขานั้น ทั้งสองสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณของสวรรค์และโลกได้ แค่เรื่องนี้ก็เพียงพอตัดสินได้แล้วว่ามันไม่ใช่วิญญาณยุทธ์แบบปรสิต
ส่วนที่ว่าเป็นเพียงระดับสองนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
เนื่องจากภายในระยะเวลาเพียงยี่สิบวัน เขาสามารถทะลวงได้ถึงสี่ระดับติดต่อกัน แล้วมันจะเป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสองได้อย่างไร
ถึงกระนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็ไม่ได้เอ่ยถามข้อสงสัยอันใดกับเฉินหยวน พร้อมทั้งไม่อธิบายเกี่ยวกับวิญญาณยุทธ์เขาเลย
เมื่อเฉินหยวนเห็นว่าวิญญาณยุทธ์ของเขาเป็นเพียงวิญญาณยุทธ์ขยะระดับสอง เขาก็เพิกเฉยต่อหยางเสี่ยวเทียนทันที พร้อมหันกลับมาหาหยางจงและขอดูวิญญาณยุทธ์นั่น ทันใดนั้น วิหคยักษ์ขนาดใหญ่ที่มีเปลวเพลิงปกคลุมทั่วทั้งตัวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“มันคือสัตว์อสูรโบราณ เป็นชิงหลวนในตำนานจริงๆ!” เฉินหยวนมองดูวิหคขนาดใหญ่เบื้องหน้าเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชื่นชม เขาหันไปหาหยางจงแล้วกล่าว “หยางจง เจ้ายินดีที่จะเรียกข้าว่าอาจารย์หรือไม่”
“ยินดี ข้ายินดี!” ก่อนที่หยางจงจะทันได้ตอบรับ หยางหมิงกับหยางไห่กลับพูดแทรกออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ศิษย์ขอคารวะต่ออาจารย์” หยางจงรีบโค้งคำนับพร้อมกับกล่าวแสดงความนับถือ
“ดี ดีมาก” เฉินหยวนหัวเราะอย่างเต็มเสียง ก่อนจะกล่าวเสริมอีกครา “คุ้มค่าแก่การเดินทางมายังหมู่บ้านหยางจริงๆ หากข้าจะมีลูกศิษย์ขั้นนักยุทธ์ระดับหนึ่ง ที่มีพลังวิญญาณสมบูรณ์แต่กำเนิดเช่นเขา”