บทที่ 1 โลกแห่งวิญญาจารย์
แสงอาทิตย์ยามรุ่งสาง
บนเนินเขาหลังหมู่บ้านหยาง มีเด็กคนหนึ่งอายุเจ็ดหรือแปดขวบกำลังเดินครุ่นคิดไปมาด้วยท่าทางสำรวมราวหญิงพรมจรรย์ ก่อนสักพักจะเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวกระต่ายน้อย ระหว่างปล่อยหมัดอากาศก็เกิดระเบิดออกอย่างรุนแรง
หยางเสี่ยวเทียนอยู่บนโลกนี้มาแล้วเจ็ดปีและฝึกไทเก็กมาตั้งแต่สี่ขวบ
แม้จะใช้เวลาฝึกฝนเพียงสามปีแต่ร่างกายเขากลับมีพละกำลังภายในมหาศาล เนื่องจากชีวิตในชาติก่อน เขาคือผู้สืบทอดของสำนักบู๊ตึ๊งอันโด่งดัง ซึ่งมีไทเก็กอันทรงเอกลักษณ์เป็นวรยุทธหลักประจำสำนัก
ถึงจะเป็นแค่เด็กแต่เขากลับสามารถเอาชนะผู้ใหญ่คนหนึ่งด้วยหมัดเดียวให้ถอยเซไปข้างหลังได้หลายสิบฉื่อ รวมทั้งผู้ใหญ่อีกสองสามคนก็เข้าใกล้เขาไม่ได้เช่นกัน
ขณะที่หยางเสี่ยวเทียนกำลังร่ายรำไทเก็กคนเดียวเงียบๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาจากเชิงเขา
เขารู้ทันทีว่าเป็นใครโดยไม่ต้องหันไปมองคนทางต้นเสียงเลยด้วยซ้ำ
หยางเสี่ยวเทียนหยุดฝึกซ้อมก่อนหันมองเด็กน้อยผมเปียยาวดวงตากลมโตรับกับใบหน้ากลมมนน่ารักราวเทพธิดาตัวน้อย
เขาเผยยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวน้อยเดินตรงมาหา
นางคือหยางหลิงเอ๋อร์ น้องสาวซึ่งอายุน้อยกว่าเขาหนึ่งปี
ซึ่งตั้งใจเดินขึ้นมาบนเขาอย่างยากลำบากเพื่อหาพี่ชาย พอได้เห็นหยางเสี่ยวเทียนจากระยะไกลนางก็เริ่มเผยยิ้มหวานก่อนกล่าวกับเขา
“พี่ใหญ่ ข้ารู้นะว่าท่านแอบมาที่นี่เพื่อทำท่าเหมือนลิง”
เหมือนลิงงั้นหรือ
หยางเสี่ยวเทียนขมวดคิ้วดำบนหน้าผากก่อนเอ่ยบอกกับน้องอย่างเอ็นดู “นี่ไม่ใช่ท่าทางของลิงนะ มันคือมวยไทเก๊กเป็นวรยุทธที่มีเอกลักษณ์ของสำนักบู๊ตึ๊ง” เขาพยายามอธิบายให้เด็กน้อยคนนี้ฟังหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
แต่สิ่งที่หยางหลิงเอ๋อร์ทำ เพียงแลบลิ้นล้อเลียนแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มซุกซน “ก็เหมือนลิงอยู่ดี”
หยางเสี่ยวเทียนถึงกับพูดไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้น ทุกครั้งที่เริ่มทะเลาะกันเขาก็ไม่เคยเอาชนะผู้หญิงคนนี้ได้เลยสักครั้ง
“แล้วเจ้า ตามหาข้าอยู่หรือ” หยางเสี่ยวเทียนมองน้องสาวของตนด้วยความสงสัย เพราะทุกครั้งที่นางมาถึงยังหลังเขานี้เพื่อตามหาเขา ไม่เคยมีเรื่องดีเลยสักครั้ง
“ท่านพ่อกับท่านแม่กำลังตามหาท่านอยู่” หยางหลิงเอ๋อสะบัดผมเปียเล็กน้อยพร้อมทำสีหน้าคลางแคลงใจเช่นกัน
“เหมือนพวกเขาจะพาท่านเข้าเมืองเพื่อร่วมพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์”
ปลุกวิญญาณยุทธ์!
หยางเสี่ยวเทียนแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
แน่นอนเขารู้ว่าโลกนี้ถูกเรียกว่าโลกแห่งวิญญาจารย์ เมื่อเด็กถึงช่วงอายุหนึ่ง พวกเขาต้องเข้าร่วมพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์
เพราะมีเพียงการปลุกวิญญาณยุทธ์เท่านั้นถึงจะสามารถฝึกฝนต่อไปได้
หยางเสี่ยวเทียนกำหมัดแน่นด้วยความตื่นเต้น เขารอคอยวันนี้มาสามปีและอยากรู้มานานแล้วว่าตนมีวิญญาณยุทธ์อะไร
“พี่ใหญ่รีบกลับกันเถอะ หากท่านพ่อกับท่านแม่หาท่านไม่เจอ ได้ถูกตีด้วยความโกรธอีกเป็นแน่” หยางหลิงเอ๋อร์พูดด้วยสีหน้าจริงจังรับกับแก้มกลมอมชมพูของนาง
“ได้ เช่นนั้นเรารีบกลับกันเถอะ” หยางเสี่ยวเทียนยิ้มตอบพร้อมกระตุกดึงผมเปียของนางเบาๆ ด้วยความเอ็นดู พร้อมออกตัวเดินนำหน้านางลงเขามุ่งไปยังหมู่บ้านหยาง
หยางหลิงเอ๋อร์วิ่งและตะโกนไล่ตามหลัง “พี่ใหญ่ ถ้าท่านกล้าดึงเปียของข้าอีกครั้ง ข้าจะบอกท่านแม่และคนอื่นว่าท่านเลียนแบบท่าลิงที่หลังเขานี้”
พูดจบทั้งคู่ก็ต่างหัวเราะแล้วหยอกล้อระหว่างเดินทางกลับกันอย่างสนุกสนาน
ก่อนที่ไม่นานทั้งคู่จะกลับถึงหมู่บ้าน
พอทั้งคู่มาถึงหมู่บ้านหยาง ก็เห็นว่ามีผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้านเพื่อรอเข้าร่วมพิธีปลุกวิญญาณยุทธ์อยู่ก่อนแล้ว และคนในตระกูลหยางนอกจากหยางเสี่ยวเทียนแล้วยังมีหยางจงบุตรชายของลุงเขาอีกคนที่ปีนี้มีสิทธิ์เข้าร่วมเช่นกัน
เมื่อหยางเฉาเห็นบุตรชายของตนกลับมา เขาก็แสดงสีหน้าบอกบุญไม่รับ แต่ทำได้เพียงจ้องมองหยางเสี่ยวเทียนด้วยสายตาตำหนิเพราะจะตักเตือนในที่สาธารณะตอนนี้ไม่ได้
พอหยางหมิงปู่ของหยางเสี่ยวเทียนผู้นำตระกูลหยางคนปัจจุบันเห็นว่าทุกคนมากันครบแล้ว เขาจึงกล่าวขึ้น “ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว ก็ออกเดินทางกันเลย”