Chapter 1050 เจ้าสามารถ เปิ่นจั้วเชื่อใจอย่างที่สุด
เมืองเจิ้นเหว่ย.
จุนซ่างเซียวและศิษย์ทั้งสี่ยังคงตะเวนไปรอบ ๆ ถนนที่ใหญ่โต จ้องมองไปยังเหล่าทหารทั้งหมดที่สวมเกราะเต็มยศ พลางคิดว่าแค่ในมืองก็เต็มไปด้วยทหารชุดเกราะหนักอย่างงั้นรึ?
จนกระทั่งมาถึงตลาดค้าขาย พวกเขาก็มั่นใจได้ว่า ภายในเมือง ไม่ควรจะมีทหารลาดตะเวนมากขนาดนี้!
ราวกับว่ากองทหารกำลังควานหาอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีทหารมากขนาดนี้!
พอคิดได้เช่นนี้โกวเซิ่งก็แทบทรุดไปเหมือนกัน.
แม้แต่ในโรงเตี้ยมที่พัก ทางด้านหน้าประตูยังมีทหารคอยสืบสวน ดูเข้มข้นเป็นอย่างมาก.
หากไม่เพราะว่ารู้ตัวก่อน เลยกลับที่พัก เกรงว่าคงกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้ว!
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางที่ส่งเสียงผ่านวิญญาณ “ดูเหมือนว่าเมืองเจิ้นเหว่ยจะแจ้งเตือนขั้นสุดไปแล้ว!”
“ฮึ!”
เย่ซิงเฉินที่แค่นเสียงเย็นชา.
ในความคิดของเขา หากใครไม่กลัวตายก็เข้ามา เขาพร้อมที่จะสังหารคนทั้งเมืองได้เลย.
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่า ราชันย์เจิ้นเหว่ย กล้าที่จะขนานนามตัวเองว่าเป็นมหาราชันย์ เป็นการกระทำที่อหังการเป็นอย่างมาก!
ต่อหน้าเขาที่เคยเป็นราชันย์ยุทธ์ที่แท้จริง เป่ยอาหนิวถึงแม้นว่าจะไม่เคยพบราชันย์เจิ้นเหว่ย แต่การกระทำเช่นนี้ เหมือนกับทำลายศักดิ์ศรีราชันย์ไปด้วย.
“ไป.”
จุนซ่างเซียวลุกขึ้น.“ออกไปตรวจสอบดู.”
หากว่าเป็นเช่นนี้คงไม่สามารถไปถึงวังหลวงได้แน่ ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะไปสอบถามตรวจสอบสถานะการณ์ก่อน.
“เจ้านิกาย!”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “ที่ด้านหน้านั้นมีคนรวมตัวอยู่มากมาย!”
“ไป.”
จุนซ่างเซียวโบกมือ “ไปดูกัน.”
ทั้งห้าที่ก้าวเข้าไป พบกับหน้าจอ เหมือนกับเป็นค่ายกลขนาดเล็ก ที่มีแสงส่องสว่าง ออกมา.
“ค่ายกลสะท้อน?”จุนซ่างเซียวถึงกับตื่นตะลึง.
เป็นค่ายกลสะท้อนจริง ๆ ทว่าเป็นเพียงระดับต้นเท่านั้น สามารถที่จะส่งสาร แต่ก็ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตนัก.
“อาณาจักรเจิ้นเหว่ย แม้นว่าจะทรงพลัง ทว่าก็ยังไม่สามารถเทียบกับแผ่นดินใหญ่ได้.”จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ.
“ฟิ้ว---”
ในเวลานั้น บนหน้าจอที่ส่องแสง ก่อนปรากฏภาพเหตุการณ์ ที่ทำให้ทุกคนต้องดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
ภาพที่ปรากฏนั้นมีภาพถ่ายของคนห้าคน เป็นประกาศจับก็ว่าได้.
“แท้จริงแล้วเป็นประกาศจับนี่เอง.”
“ข้าคิดว่าจะมีประกาศอะไรสำคัญ.”
“แยกย้าย แยกย้าย.”
ผู้คนต่างแยกย้าย ไม่ได้ตระหนักได้ว่ามีห้าคนด้านหลังเพิ่งมาและจากไปเรียบร้อยแล้ว จนทุกคนไม่ทันได้เห็นรูปลักษณ์ของพวกเขา.
......
ในมุมแห่งหนึ่ง หลี่ชิงหยางที่เอ่ยกล่าวรายงาน“เจ้านิกาย ต้นแบบปลอมตัวของพวกเรา ถูกประกาศจับไปแล้ว!”
“พูดให้ถูก.”
เย่ซิงเฉินเอ่ยออกมาเล็กน้อย “ห้าคนนั้นถูกพบเข้าแล้วอย่างแน่นอน.”
เหออู๋ตี้เอ่ย “ไม่สามารถใช้สถานะเดิมได้แล้ว ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกพวกทหารจับตัวอย่างแน่นอน.”
“คืนกลับรูปลักษณ์เดิม.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ลุกขึ้นพลางดีดนิ้ว.
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาถอยหน้ากากร้อยหน้าออกแล้ว กับปรากฏกลุ่มทหารกลุ่มหนึ่งลานตระเวนผ่านมา เห็นคนทั้งห้าซ่อนตัวอยู่ในมุม จึงตระโกนออกไปเสียงดัง“พวกเจ้าทำอะไรกัน?”
“ไม่ได้ทำอะไร แค่คุยกันเท่านั้น!”หลี่ชิงหยางเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม.
“คุยกันอย่างงั้นรึ?”
หัวหน้าทหารได้ก้าวเดินมา ใบหน้าเย็นชาเอ่ยออกมาว่า“ส่งบัตรประจำตัวออกมา.”
“เอ่อ....”
หลี่ชิงหยางใบหน้าเปลี่ยนเป็นเอ๋อเหรอเล็กน้อย.
บัตรประจำตัวที่ใช้ก่อนหน้านี้ ได้ถูกประกาศจับไปแล้ว แน่นอนว่าไม่สามารถใช้ได้.
“คือ!”
“เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!”
ทหารทั้งสิงคนเข้าล้อมกรอบพวกเขาทันที และชักอาวุธออกมา ใบหน้าที่เคร่งขรึมดุร้าย.
“นายกอง!”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “พวกเราลืมนำบัตรประจำตัวมา!”
“งั้นไม่ลืมใส่เสื้อผ้ากางเกงด้วยเลยล่ะ?”หัวหน้าทหารตะโกนเสียงดัง.
“เรื่องนี้......”
หลี่ชิงหยางที่หมดคำจะพูดเหมือนกัน.
เย่ซิงเฉินยืนขึ้น มือข้างหนึ่งที่เตรียมที่จะเข้าไปจัดการกับทหารเหล่านั้น ทว่าถูกจุนซ่างเซียวคว้าเอาไว้ พลางสายหน้าไปมา ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านทหาร อย่าเพิ่งโกรธ อย่าได้มีอารมณ์ พวกเราพูดคุยกันดี ๆ ก็ได้.”
เขากล่าวขณะส่งเงินออกไปด้วย.
“เจ้าหนู!”
หัวหน้าทหารแค่นเสียงเอ่ยออกมาว่า“นี่เจ้าคิดจะติดสินบนอย่างงั้นรึ?”
“เป็นเพียงของขวัญแสดงน้ำใจและความเคารพเล็กน้อยเท่านั้น!”
ระหว่างกล่าว เขาที่เปลี่ยนจากเหรียญเงินกลายเป็นเหรียญทองในทันที.
ทหารคนดังกล่าวที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะเก็บอาวุธ พร้อมกับรับทองไป ขณะเอ่ยออกมาว่า“ในเมืองมีกฎเกณฑ์เข้มงวด ไม่ว่าเวลาใดก็ต้องนำบัตรประจำตัวมาตลอด ครั้งหน้าอย่าลืมล่ะ!”
“ทราบแล้ว!”
โกวเซิ่งที่เผยยิ้มพยักหน้ารับ.
ท่าทางการแสดงของเขา หากซูเซียวโม่ได้เห็นคงต้องรู้สึกอับอายกับการเป็นสายลับเป็นแน่.
“เคร้ง เคร้ง!”
เหล่าทหารคนอื่น ๆ ที่เก็บกระบี่ พร้อมกับหันหลังหายไป.
“เจ้านิกาย.”
เย่ซิงเฉินที่เอ่ยด้วยความโกรธ.“สังหารไปก็สิ้นเรื่องแล้ว ทำไมต้องทำอะไรให้วุ่นวายด้วย!”
หากไม่ถูกห้ามไว้ ทหารเหล่านี้คงกลายเป็นศพเรียบร้อยแล้ว.
“ซิงเฉิน.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง“เจ้าควรจะจำเอาไว้ ไม่สามารถใช้อารมณ์ส่วนตัวออกมาได้ตลอด เพื่อไม่ให้แผนการใหญ่เสียหาย บางครั้งก็ต้องอดทน.”
“.....”
เย่ซิงเฉินที่กลายเป็นเงียบ.
“เจ้านิกาย.”หลี่ชิงหยางเอ่ยด้วยท่าทางดีใจ“ท่านมีแผนการแล้วอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ยื่นมือขัดหลังเอ่ยออกมาว่า“จริง ๆ แล้ว ก็ไม่!”
“......”
ทุกคนที่มุมปากกระตุก.
พวกเขาที่สัมผัสได้ว่าเจ้านิกายมายังจังหวัดตงไห่ยวีนั้น ดูสบาย ๆ ง่าย ๆ ไม่ใช่ว่าเพียงแค่มาเที่ยวเล่นหรอกนะ?
......
จุนซ่างเซียวนั้นไม่ได้มีแผนการอะไรที่สมบูรณ์ ทว่าหลังจากที่ถูกประกาศจับ ก็ตระหนักได้ว่า การแฝงตัวเขามานั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเข้าใกล้วังหลวง บางทีหากไม่ระวังจะต้องถูกจับอย่างแน่นอน.
“หากว่าสังหารคนเหล่านั้นที่นอกเมือง เรื่องปลอมตัวคงไม่แตกง่าย ๆ.”เย่ซิงเฉินเอ่ย.
ก่อนหน้านี้เขาแนะนำเจ้านิกายสังหารคนเหล่านั้นแทนที่จะวางยาพิษ ทว่ากลับถูกปฏิเสธนั่นเอง.
ในคืนนั้น.
พวกเขาที่รวมตัวกันอีกครั้ง ขณะวางแผนในการหลบซ่อนต่อไป.
“เปิ่นจั้วได้คิดดีแล้ว สตรีส่วนมากที่รูปร่างที่งดงาม ทำให้ไม่ค่อยถูกสงสัยและขอดูบัตร พวกเจ้าก็ลองปลอมตัวเป็นสตรีรับแขก เพื่อเข้าไปสอบถามข้อมูลถือว่าปลอดภัยที่สุด.”จุนซ่างเซียวที่กล่าวเสียงเบา.
เซียวจุ้ยจื่อ“......”
เย่ซิงเฉิน“......”
เหออู๋ตี้ “......”
หลี่ชิงหยางแทบทรุด “ให้ใส่ชุดสตรีอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ตบไปที่ไหล่ของเขา ท่าทางของเจ้าดูได้สัดส่วน แต่งตัวสักหน่อยย่อมไม่มีข้อบกพร่อง แน่นอนว่าจะกลายเป็นสาวงามได้แน่!”
“ข้าขอค้าน!”เย่ซิงเฉินที่เอ่ยกล่าวออกมาทันที.
ให้เขาที่เป็นราชันย์ที่เคร่งขรึม สวมชุดสตรีได้อย่างไร เรื่องแบบนี้น่าขายหน้ายิ่งกว่าเมาสุราอีก!
หลี่ชิงหยางที่ยังคงสงบเอ่ยออกมาว่า“แล้วเจ้านิกายล่ะ?”
“เปิ่นจั้วจะซ่อนตัววางแผนอยู่ในที่ลับ!”จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึม.
“เจ้านิกาย!”
เหออู๋ตี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม“หน้าที่วางแผนนั้นศิษย์เชี่ยวชาญที่สุด ให้เหล่าศิษย์พี่แต่งตัวเป็นสตรีเหมาะสมที่สุด!”
“ไม่!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าสามารถ เปิ่นจั้วเชื่อใจอย่างที่สุด!”
ทุกคนที่กรอกตามองบน.
ระบบเอ่ย “ให้ศิษย์ปลอมตัวเป็นสตรี คิดว่าจะสอบถามข้อมูลมาได้รึ? ไม่ใช่ว่าเจ้าแค่ต้องการแกล้งพวกเขาเท่านั้นหรอกรึ?”
“เจ้าไม่เข้าใจ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “นี่ถือว่าเป็นการฝึกฝน เป็นประสบการณ์ชีวิต!”