Chapter 1047 ราชันย์ประทานพลัง
จังหวัดตงไห่ยวีนั้นถูกแยกออกจากแผ่นดินใหญ่มานับหมื่นปี ดินแดนแห่งนี้มีรูปแบบปกครองที่ต่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ ที่มีการปกครองแบบอาณาจักรหลาย ซึ่งประกอบด้วยสิบอาณาจักร.
จุนกระทั่งสิบปีที่แล้ว ราชันย์เจิ้นเหว่ยก็ปรากฏขึ้น เขาถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถในการรบที่แข็งแกร่งกว่าใคร ๆ ทำให้หกอาณาจักรล่มสลาย สองแห่งถูกทำลาย สี่แห่งถูกอาณาจักรแห่งนี้กลืนกินไป.
ทำให้อาณาจักรแห่งนี้กลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดและใหญ่ที่สุดด้วย แน่นอนอาณาจักรที่มีโอกาสรวมทั้งจังหวัดตงไห่ยวีเป็นหนึ่ง ก็คืออาณาจักรเจิ้นเหว่ยแห่งนี้นั่นเอง.
ส่วนอีกสามอาณาจักรที่เหลือเป็นกังวลเป็นอย่างมาก พวกเขาที่รวมพลังเป็นพันธมิตรกันขึ้น.
ดังนั้นตอนนี้จังหวัดตงไห่ยวีที่แบ่งเป็นสองฝั่งชัดเจน สามอาณาจักรไม่มีใครรุกรานใคร ตอนนี้ทุกแห่งอยู่ในภาวะสมดุล.
การต่อสู้ชิงดินแดน จุนซ่างเซียวนั้นไม่ได้สนใจนัก.
อย่างไรก็ตาม ปรมาจารย์ฟ่านถูกเชิญมายังอาณาจักรเจิ้นเหว่ย ไม่กลับไป เขาจึงต้องเริ่มสืบที่นี่.
ระหว่างเดินทางไปยังเมืองเจิ้นเหว่ย โกวเซิ่งไม่ได้รีบร้อน เขานำศิษย์เข้าไปยังเมืองต่าง ๆ สอบถามเรื่องราวของจังหวัดยวีและอาณาจักรเจิ้นเหว่ย.
ราชันย์เจิ้นเหว่ย นามนี้ คนของอาณาจักรหู่เย่ได้ฟังก็เผยความหวาดผวาทั้งโกรธและกลัว และก็มีบางคนที่เผยความเคารพอย่างมากออกมาเช่นกัน.
หลังจากนั้น จุนซ่างเซียวก็ค่อย ๆ เข้าใจในที่สุด.
อาณาจักรเจิ้นเหว่ยเดิมทีนั้นอ่อนแอที่สุด หลายต่อหลายปีถูกอาณาจักรอื่นข่มเหงและดูถูก.
จนกระทั้งราชันย์เจิ้นเหว่ยขึ้นสู่บัลลังก์ ก็กู้คืนอำนาจ พัฒนาความแข็งแกร่งไม่หยุดหย่อน แม้แต่สามารถพิชิตยึดครองดินแดนต่าง ๆ มาได้มากมาย จนกลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในวันนี้.
“ดูมีความสามารถเหมือนกัน!”จุนซ่างเซียวที่กล่าวชื่นชม.
ก่อนเคยเป็นอาณาจักรที่อ่อนแอที่สุดในสิบอาณาจักร วันนี้กลับสามารถกลายเป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดได้!
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางที่นั่งที่ขอบหน้าต่างขณะกินอาหารเอ่ยออกมาว่า“เพียงแค่เมืองเล็ก ๆ ก็มีทหารคุ้มกันหนาแน่น บางทีการแฝงเข้าไปในเมืองเจิ้นเหว่ยคงจะยาก.”
“แค่ระวังให้มากก็พอ.”
จุนซ่างเซียวที่กินอาหารเสร็จ ก่อนที่จะวางเงินเอาไว้ และนำคนของเขาจากไป.
เมืองแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก ประชากรนั้นมีอยู่สองสามแสนคน บนถนนแต่ละเส้นทางนั้นมีกองทหารลาดตะเวนเต็มไปหมด ชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่นั้นไม่ธรรมดาเลย.
เหล่าเด็ก ๆ ที่เล่นอย่างสนุกบนถนน เมื่อเห็นทหารลาดตะเวนผ่านมา แววตาที่เผยความเคารพเป็นอย่างมาก แม้แต่วาดฝันอยากเป็นทหารเมื่อเติบโตขึ้นอีกด้วย.
จุนซ่างเซียวที่สำรวจรอบ ๆ เมือง ก่อนเดินทางต่อ.
ท้ายที่สุดก็สรุปได้ว่า อาณาจักรเจิ้นเหว่ยนั้นร่ำรวยมาก เหล่าชาวยุทธ์คนทั่วไป แม้แต่เด็ก ๆ ต่างก็ภาคภูมิในการเป็นคนอาณาจักรแห่งนี้.
“ราชันย์เจิ้นเหว่ย เป็นคนแบบใด ถึงได้พัฒนาอาณาจักรให้เติบโตได้ขนาดนี้กัน?”
จุนซ่างเซียวที่สนใจราชันย์เจิ้นเหว่ย บางทีพวกเขาอาจจะทำความรู้จักกันได้ หนึ่งคนดูแลฝั่งนิกาย หนึ่งคนดูแลฝั่งอาณาจักร.
แน่นอน.
เขาที่แม้แต่สงสัยว่าอีกฝ่ายมีระบบโกงด้วยหรือไม่? บางทีราชันย์เจิ้นเหว่ยอาจจะเป็นคนต่างโลก? หรือว่ามีระบบในร่างกายใช่ไหม?
“เป็นไปไม่ได้.”
ระบบเอ่ย “แม้แต่โฮสน์ที่ขี้แพ้และซื่อบื้อ ข้ามมิติมาเพียงไม่กี่ปี ยังสามารถทำให้สำนักที่ไม่มีใครรู้จักกลายเป็นนิกายระดับสามได้เลย หากอีกฝ่ายเป็นคนข้ามมิติจริง เวลาตั้งสิบปี การที่ไม่สามารถครองจังหวัดตงไห่ยวีได้ นับว่าไร้ความสามารถจริง ๆ.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา.“มีเหตุผล!”
เดี๋ยวนะ!
“สัด!”เขาที่สบถในใจ“เมื่อกี้เจ้าด่าข้างั้นรึ?”
ระบบเอ่ย “ข้าเพียงเปรียบเทียบ หากโฮสน์เชื่อแบบนั้น ข้าก็ช่วยไม่ได้.”
“!”
ในเวลานั้นหลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่น ๆ พบว่าอยู่ ๆ เจ้านิกายก็หยุด พร้อมกับยกมือขึ้นบีบคอตัวเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวราวกับจะสู้กับตัวเอง.
“นี่มัน......”
บีบคอตัวเอง นี่เขากำลังเล่นอะไร.
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อที่เคยชินแล้ว เพราะว่าพวกเขาเคยเห็นเจ้านิกายหัวเราะพูดกับตัวเองหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งก็โกรธ ทุบตีตัวเองก็มี.
เย่ซิงเฉินที่ขมวดคิ้วไปมา ลอบคิดในใจ“สู้กับตัวเอง หรือว่าเป็นวิชาลับอะไรหรือไม่?!”
เหออู๋ตี้เองก็คิดเหมือน ๆ กัน.
แม้นจะรู้ว่าเจ้านิกายสู้กับตัวเอง แต่ก็ลอบคิดว่ากำลังฝึกวิชาอะไรหรือเปล่า.
โกวเซิ่ง “ข้าจะบีบคอเจ้าให้ตาย!”
ระบบเอ่ย “ก็มาดิ จะได้ตายไปพร้อมกัน!”
“ฟู่ ฟู่ ซูมมมม -----”
ผ่านไปหนึ่งนาที จุนซ่างเซียวก็คลายมือ พร้อมกับนั่งหายใจหอบที่ศิลาก้อนใหญ่ ก่อนเอ่ยออกมาว่า“ชิงหยาง อีกนานเท่าไหร่จะถึงเมืองเจิ้นเหว่ย.”
“ด้วยความเร็วของพวกเราแล้ว น่าจะราว ๆ ห้าวัน.”หลี่ชิงหยางตอบ.
“ใกล้ ๆ นี้มีเมืองใหญ่ไหม?”
“มีห่างออกไปราว ๆ 300 ลี้ ชื่อเมืองเถี่ยเหว่ย ไม่เพียงเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ของอาณาจักรเจิ้นเหว่ย แต่ยังเป็นเมืองสำคัญอีกด้วย.”
“งั้นก็ไปดูหน่อยก็แล้วกัน.”
แม้แต่เมืองเล็ก ๆ ก็ยังมีการป้องกันอย่างหนาแน่น จุนซ่างเซียวที่สนใจว่า แล้วเมืองใหญ่สำคัญล่ะจะมีการรักษาการอย่างไร?
......
เมืองเถี่ยเหว่ย.
นี่คือหนึ่งในเมืองที่สำคัญรองลงมาจากเมืองเจิ้นเหว่ย.
ที่นี่มีกองทัพป้องกันหลายแสนคน การป้องกันที่นี่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ทั้งสี่มาถึงประตูเมืองพร้อมกับยื่นบัตรประจำตัวยันตัวตนพร้อมกับแฝงตัวเข้าไปด้านในได้.
ที่พื้นที่ด้านนอก.
ชาวยุทธ์ห้าคนที่นอนหมดสติบนพื้นหญ้า เสื้อผ้าไม่มีเหลือ.
“เจ้านิกาย.”
ภายในโรงเตี้ยม หลี่ชิงหยางที่สวมหน้ากากร้อยหน้า กล่าวด้วยความประหลาดใจ“พวกเขามองไม่ออกเลยอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย หากมันไม่ได้ผล เสี่ยวโม่จะแฝงตัวอยู่นิกายไท่เสวียนเซิ่งได้นานขนาดนั้นได้รึ?”
“มีเหตุผล!”
ทุกคนที่พักอยู่อย่างสบายใจ และเริ่มตระเวนไปทั่วเมืองเถี่ยเหว่ยไปทั่ว ท้ายที่สุดก็ไปยังตลาด ที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่งถูกปิดกั้นเอาไว้.
จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตสัมผัสออกไป พบว่าพื้นที่หลายแห่งมีค่ายกลปิดแยก ไม่สามารถใช้สัมผัสแทรกเข้าไปได้.
“ลึกลับขนาดนี้เลยรึ?”
เขาสามารถที่จะทะลวงค่ายกลปิดแยกได้ง่าย ๆ ทว่าก็ไม่ได้ทำ เพราะว่าคิดดูแล้ว หากเกิดเรื่องไม่ดีถูกพบตัวก่อนไปถึงเมืองเจิ้นเหว่ยคงลำบาก.
จุนซ่างเซียวที่ตระเวนไปทั่วเมือง ก่อนที่จะไปถึงจัตุรัสกลางเมือง.
สถานที่แห่งนี้มีรูปปั้นใหญ่ตั้งอยู่ ปรากฏชายวัยกลางคนอายุสามสิบหรือสี่สิบปี แผ่กลิ่นอายที่น่าเกรงขามสายตาที่เหยียดหยันผู้คนไปทั่วทั้งโลก.
“นี่คือราชันย์เจิ้นเหว่ยอย่างงั้นรึ? รูปร่างเป็นเช่นนี้เองรึ?”
ภายใต้รูปปั้นนั้น มีชาวเมืองมากมายที่มานั่งคุกเข่า เหมือนกับกำลังภาวนา นอกจากนี้รอบ ๆ ยังมีผู้เยาว์ที่กำลังตื่นเต้นดีใจกันอยู่.
“เจ้านิกาย.”
หลี่ชิงหยางเอ่ยผ่านทักษะเสียงผ่านวิญญาณ “วันนี้เป็นวันที่ราชันย์เจิ้นเหว่ยจะมาประทานพลัง.”
“ประทานพลัง?”จุนซ่างเซียวเอ่ย “หมายความว่าอย่างไรกัน?”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด ได้ยินคนพูดกันที่ถนน.”
“ก๊อง ก๊อง!”
ที่ตำหนักทิศเหนือของรูปปั้น ได้ยินเสียงร้องที่แปลกประหลาด ก่อนปรากฏคนสวมชุดสีระรานตา เป็นชายชราที่ค้ำไม้เท้าเดินออกมา พร้อมกับยกไม้เท้าขึ้น“พิธีการเริ่มแล้ว ห้ามส่งเสียงดัง!”
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
พื้นที่อาศัยรอบ ๆ ที่ยืนขึ้น มือขวายกทาบอก ก้มหน้าลงเล็กน้อย ใบหน้าเผยความคาดหวัง.
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางกลายเป็นเซ่อไปเลย ทว่าเพื่อหลีกเลี่ยงผิดสังเกตุจึงได้ทำท่าทางเหมือนกับพวกเขา.
“อะแหม ;......”
ชายชราที่สวมชุดลายตาหมากรุกอันแปลกประหลาด.
จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ“สัด ใครกล้าสวมเสื้อผ้าเช่นนี้กัน เป็นข้าอายเขาตายห่า!”
“ก๊อง!”
ในเวลาต่อมา ชายชราที่คุกเข่าหน้าห้องโถง ฝ่ามือพนมกราบลงบนพื้น ก่อนที่จะก้มหน้าผากลง พร้อมกับเอ่ยเสียงดัง “องค์ราชันย์ประทานพลังด้วยเถิด!”
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
กล่าวจบ รูปปั้นที่อหังการดวงตาเปล่งแสงสีแดง พร้อมกับส่งพลังเข้าใส่เหล่าเด็ก ๆ ที่คุกเข่าอยู่รอบ ๆ ทันที.
“อ๊ากก!”
เหล่าเด็กเล็ก 7-8 ขวบที่ถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดง ต่างก็ร้องโอดโอยออกมาทันที แม้นว่าเหล่าบิดามารดาจะเจ็บปวด ทว่าแววตาก็เผยความคาดหวัง.
จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตสัมผัสออกไป ต้องขมวดคิ้วไปมา “นี่น่าจะเป็นพลังกร่อนวิญญาณ ใช้กับเด็ก ๆ เหล่านี้ ช่างโหดร้ายนัก!”
ราชันย์ประทานพลัง?
นี่บิดามารดาของพวกเขาถูกหลอกรึอย่างไร!
ขณะจุนซ่างเซียวกำลังครุ่นคิด เหล่าเด็กที่เจ็บปวดถูกแสงสีแดงปกคลุมนั้น กลิ่นอายพลังบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้นทันที....เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
เปิดชีพจรขั้นที่สาม ขั้นที่สี่ ขั้นที่ห้า....ขั้นที่สิบสอง!
ศิษย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง ขั้นที่สอง ขั้นที่สาม....ศิษย์ยุทธ์ขั้นปลาย!
หลังจากแสงแดงค่อย ๆ หายไป เด็กที่อ่อนแอ นอนเกลือกกลิ้งบนพื้นนั้นก็พยายามลุกขึ้น ทว่าพลังบ่มเพาะของพวกเขานั้นอยู่ในระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นที่หนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว!
“เย้ดเข้!”
จุนซ่างเซียวที่ยืนงงเป็นไก่ไม้ ในเวลานั้น เขาแทบร้องออกมา“ระบบในร่างของข้า สำเร็จภารกิจมหากาพย์ยังไม่ยกระดับได้เร็วขนาดนี้!”