Chapter 1039 ประวัติของเหล่าโหลว
ระยะทางจากจังหวัดหนานซือและจังหวัดโพ้นทะเลตงไห่ยวีนั้นไกลมาก เรียกได้ว่าทะเลตะวันออกนั้นเป็นแดนนรกของเผ่ามนุษย์ก็ได้.
มีเรื่องเล่าว่า ทะเลตะวันออกนั้นลึกสุดหยั่งเปี่ยมล้นด้วยหายนะ เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเผ่าทะเลนับไม่ถ้วน.
แม้แต่ชาวประมงที่มีประสบการณ์หลายสิบปี ยังไม่กล้าข้ามทะเลแห่งนี้ เพราะยิ่งออกมาลึกจากฝั่งเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้น.
แน่นอน.
ยิ่งอันตรายสมบัติที่ซ่อนอยู่ก็มากเท่านั้น เพราะว่าไม่มีใครกล้าเข้ามา จึงไม่มีใครนำมันออกไป.
ถึงแม้นว่าชาวยุทธ์แผ่นดินใหญ่จะรู้เรื่องนี้ดี แต่เพราะว่าทะเลตะวันออกนั้นใหญ่จนทำให้พวกเขาต้องตัดใจ ไม่มีใครกล้าข้ามผ่านทะเลสักเท่าไหร่ กล่าวได้ว่าคนที่เดินทางผ่านไปยังโพ้นทะเลได้นั้นมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น.
ตลอดหมื่นปีมานี้ มีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วนที่ตายในทะเล แม้แต่จักรพรรดิยุทธ์หรือครึ่งก้าวปราชญ์ยุทธ์ก็ไม่รอดพ้น แม้แต่ได้ยินว่าระดับปราชญ์เองก็ไม่สามารถหนีพ้น ดังนั้นทะเลตะวันออกจึงมีชื่อเสียงในความอันตรายเป็นอย่างมาก.
“ฟิ้ว!”
บนท้องฟ้าสีน้ำเงิน ที่มีเรือโบราณแล่นผ่านออกไปด้วยความเร็ว เห็นเป็นริ้วแสงที่พุ่งตัดผ่าน.
ความเร็วที่แทบจะไม่สามารถจับสัมผัสได้ กว่าจะรู้ว่ามีอะไรเคลื่อนที่ผ่านเรือรบก็ไปไกลกว่าสิบลี้แล้ว.
“เมื่อกี้มีอะไรบินผ่านกัน?”
มีชาวประมงมากมายที่ออกมาหาปลา หรือแม้แต่เรือขนส่งสินค้า โดยสายเห็นพียงริ้วแสงตัดผ่านท้องฟ้า ดวงตาของพวกเขาที่เบิกกว้างกลมโต.
ริ้วแสงที่ตัดผ่านท้องฟ้าเป็นเส้นยาว ยากจะมองเห็นได้ชัดเจน.
“เร็วขนาดนี้เลย!”
เย่ซิงเฉินที่เวลานี้นั่งจับราวแน่นผมที่โบกสะบัดโกรกไปกับสายลม ภายในใจที่ตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก.
คราแรกเขาไม่ได้รู้สึกว่าเรือรบตงกู่น่าอัศจรรย์เท่าไหร่ ตอนนี้ตระหนักได้แล้ว ถึงจะเป็นปราชญ์ยุทธ์ชั้นยอดก็ไม่สามารถทำความเร็วได้ขนาดนี้.
ภายในห้องโดยสาร.
ชายชราขากระเผกใบหน้าที่เผยความไม่อยากเชื่ออกมา ผ่านไปนานเหมือนกันก่อนที่จะสงบใจได้ ตอนนี้เริ่มเอ่ยออกมาว่า“เจ้านิกายจุน ด้วยความเร็วในปัจจุบัน น่าจะไปถึงจังหวัดตงไห่ยวีได้ภายในเวลาครึ่งเดือน.”
“ครึ่งเดือนรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “ช้าเล็กน้อย.”
“......”
ชายชราขากระเผกแทบล้มคว่ำ.
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จะเดินทางไปยังจังหวัดตงไห่ยวีนั้นต้องใช้เวลาหนึ่งปีเป็นอย่างต่ำ ตอนนี้ใช้เวลาเพียงสิบวัน คาดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยว่าช้า!
หนำซ้ำ หนึ่งปีนี้จะต้องเผชิญอันตรายนับไม่ถ้วน เบาหน่อยก็แค่หลงในทะเล หนักสุดก็คือถูกทำลายสิ้นจมทะเลไป.
“อาวุโสมีนามว่าอะไร?”
“มีนามไม่ได้เลิศหรูอะไร แซ่โหลว.”
“โหลวเจ้อ?”(โรเจอร์)
“โหลวจื่อหลง.”
“โอ้ว.”
เจ้านิกายจุนเผยยิ้ม“อาวุโสโหลว เดินทางไปยังจังหวัดตงไห่ยวีต้องขอคำชี้แนะจากท่านแล้ว.”
“เจ้านิกายจุน!”
โหลวจื่อหลงเร่งรีบยกมือประสานเอ่ยออกมว่า“อย่าได้ใช้คำว่าอาวุโสเลย.”
ต่อหน้าเจ้านิกายนิรันดร จุนซ่างเซียว ที่ผู้คนทั่วทวีปชิงหยุนพูดกันไม่หยุดหย่อน แม้ว่าเขาจะมีพลังบ่มเพาะไม่สูง แต่ก็ได้ยินเรื่องราวของอีกฝ่ายดี.
การที่นิกายที่ร้ายกาจ กับยอดคน กล่าวให้เกียรติเขาเช่นนี้ไม่กล้ารับจริง ๆ.
กล่าวตามตรง เมื่อจุนซ่างเซียวประกาศก้องไปทั่วท้องฟ้า กับมีเพียงโหลวจื่อหลงที่กล้าก้าวออกมา เพราะว่าตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายดูมีประสบการณ์ จึงคิดว่าน่าจะสามารถนำทางให้เขาไปยังจังหวัดตงไห่ยวีได้สำเร็จ!
“เช่นนั้นเรียกเหล่าโหลวก็แล้วกัน.”
“ตกลง!”
“อาวุโสโหลว ขาขวาของท่านเป็นอะไรอย่างงั้นรึ?”
ระบบ “......”
โหลวจื่อหลงที่ชะงักไปชั่วครู่ ใหนเรียกเขาว่าอาวุโสโหลวอีกแล้ว ทว่าจากนั้น เขาก็กล่าวออกมาอย่างขมขื่น“ย้อนกลับไปหลายสิบปีแล้ว ข้าเคยเดินทางไปยังจังหวัดตงไห่ยวี ขณะข้ามทะเลกลับมาได้ถูกฝูงสัตว์ทะเลโจมตี แม้นว่าจะโชคดีรอดชีวิตแต่ก็ต้องสังเวยขาไป.”
ไม่ผิดตามคาด.
ขาขวาของเขาก็คือขาเทียม ดังนั้นจึงได้เดินกระเผกนั่นเอง.
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อที่เตรียมที่จะตรวจสอบอีกฝ่ายหาต้นหนตอนแรก ทว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่คิดเลยว่าเจ้านิกายจะเอ่ยสอบถามออกมาตรง ๆ แบบนั้น.
“ดูเหมือนว่า.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “การไปยังจังหวัดตงไห่ยวีนั้นเป็นเส้นทางที่อันตรายมาก?”
“เกินกว่าคำว่าอันตราย.”
โหลวจื่อหลงที่นึกย้อนกลับไปในอดีต ใบหน้าที่เผยความหวาดกลัวออกมา กล่าวออกไปว่า“ไม่ต่างจากนรก!”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางสนใจ “ในเมื่อมันคือนรก ทำไมอาวุโสโหลวต้องการไปอีกครั้งอย่างงั้นรึ?”
“เพราะว่า......”
โหลวจื่อหลงที่เงียบไปชั่วครู่ มือที่กำแน่นเอ่ยออกมาว่า“เพื่อที่จะไปหาสหายที่ดี!”
เขาดูมีเรื่องราว.
แน่นอนว่าย่อมต้องมีเรื่องราว.
การเดินทางไปยังจังหวัดตงไห่ยวีนั้นยังต้องใช้เวลา ตอนนี้ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นจุนซ่างเซียวที่นั่งลง พร้อมกับนำหมอนออกมาหนุนหลังเอ่ยออกมว่า“อาวุโสโหลว เล่าเรื่องของท่านให้ฟังได้หรือไม่?”
โหลวจื่อหลิงที่อารมณ์ที่ดูสั่นไหว ใบหน้าที่เผยความเจ็บปวดออกมา ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเอ่ยออกไปว่า“เจ้านิกายจุน หากว่าสหายของท่านกำลังพบกับอันตรายอยู่ ท่านจะเลือกหลบหนีหรือไม่?”
“ไม่.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยตอบกลับมาในทันที.
ด้วยนิสัยของเขา สหายพบเข้ากับอันตราย ไม่เพียงจะไม่หนีแล้ว ยังกระหน่ำฝ่ายตรงข้ามให้พบกับนรกอย่างแน่นอน หรือหาทางช่วยทำให้อันตรายลดน้อยลง.
“ข้าหนี.”
โหลวจื่อหลงที่ก้มหน้าลงอีกครั้ง.
เวลานี้เขาที่กำหมัดแน่น จนเล็บแทบจิกเข้าไปในเนื้อ ร่างกายที่สั่นระริกด้วยความเจ็บปวด.
การเดินทางไปยังจังหวัดตงไห่ยวีครั้งนั้น เขาที่หนีตายกลับมา นอกจากนี้ยังได้ทิ้งเพื่อนมาอีกด้วย จากนั้นมันเป็นดั่งฝันร้าย ที่ฝั่งแน่นจมลึกในใจ ทำให้เขาเจ็บปวดแสนสาหัส.
“ไม่สามารถเอาชนะได้เลยรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
“ศัตรูทรงพลังมาก หากข้าช้าไปเพียงหนึ่งก้าว ก็ต้องตายไร้ที่ฝังแน่.”โหลวจื่อหลงเอ่ย.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากสถานการณ์สุ่มเสี่ยง ที่จะทำให้ตกตาย เป็นเรื่องปรกติของทุกคนที่ต้องหนี อย่าลืมว่า ตราบเท่าที่มีชีวิต ความหวังก็ยังมีอยู่.”
“เฮ้อ.”
โหลวจื่อหลงที่ส่ายหน้าไปมา “ข้าคิดว่าเวลานี้ หากย้อนเวลากลับไป ข้ายอมเสี่ยงตายดีกว่าที่จะทิ้งเพื่อน ไม่เช่นนั้นคงไม่เจ็บปวด ฝังใจมาจนถึงตอนนี้!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดูเหมือนว่าเจ้ากับสหายสนิท จะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา.”
โหลวจื่อหลงไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายถามนัก แต่ก็เอ่ยออกว่า“พวกเรารู้จักตั้งแต่เด็กไปใหนมาใหนด้วยกัน ออกทะเลด้วยกัน ตกปลาด้วยกัน เป็นเหมือนกับญาติพี่น้องกัน.”
“เจ้าอาสานำทางครั้งนี้ กลับไปเพื่อจะล้างแค้นให้กับสหายอย่างงั้นรึ?”
“ไม่ผิด!”
“สู้ได้อย่างงั้นรึ?”
“คงไม่สามารถชนะได้!”
ไม่สามารถชนะได้ ไม่เท่ากับแส่หาความตายหรอกรึ?”
“ในดีตข้าได้ทิ้งเพื่อนรักจากมา ความเจ็บปวดนั้นมันได้เป็นดั่งฝันร้ายหลอกหลอนข้ามานับสิบปี ในเมื่อมีโอกาสไปยังจังหวัดตงไห่ยวีอีกครั้ง ถึงต้องตายที่นั่น ข้าก็ไม่ใส่ใจ!”
จุนซ่างเซียวที่เงียบ.
ชายชราผู้นี้ดูเหมือนว่าต้องการที่จะไปตายจริง ๆ.
“หากข้าไม่ผ่านเมืองโปไห่ ไม่รับเจ้ามาเป็นต้นหน เจ้าก็จะเดินทางไปยังจังหวัดตงไห่ยวีอย่างงั้นรึ?”
“ไม่.”
“ทำไม?”
“เพราะด้วยสภาพและพลังบ่มเพาะของข้า ยังไปไม่ถึงจังหวัดตงไห่ยวีก็ตายในทะเลแล้ว.”
“หวาดกลัวความตายรึ?”
“ไม่!”
โหลวจื่อหลงที่กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบเครือ.“ข้าไม่ต้องการตายอย่างเปล่าประโยชน์ หากต้องตายก็ขอตายที่จังหวัดตงไห่ยวี ตายไปในสถานที่เดียวกับกับสหายของข้า!”
โหยพี่ชาย!
ถึงโลกนี้จะมีการเกิดใหม่ แต่สหายเจ้าตายมาหลายสิบปีแล้ว เกรงว่าคงเกิดใหม่เรียบร้อยแล้ว.
“รู้แล้ว.”
จุนซ่างเซียวยืนขึ้น และเอ่ยออกมาว่า“เหล่าโหลว ขอเพียงเปิ่นจั้วไปถึงจังหวัดตงไห่ยวี ข้าจะทำให้เจ้า....”เขาหยุดและเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง“ตายอย่างคู่ควรเอง!”
“......”
หลี่ชิงหยางที่นั่งกุมราวด้านข้างอยู่ มุมปากกระตุกไปมาเล็กน้อย.
ชายชราเห็นชัดเจนกำลังทุกข์ใจ เขาที่คิดจะตาย เจ้านิกายเห็นอีกฝ่ายอยู่ในภาวะเช่นนั้น ควรที่จะให้กำลังใจ ให้เขามีชีวิตอยู่ไม่ใช่รึ?
แม้นว่าโลกนี้จะเต็มไปด้วยความโหดร้ายบ้าคลั่ง ทว่าความเมตตากรุณาก็น่าจะยังคงมีอยู่.
เหล่าชาวยุทธ์คนแข็งแกร่งคือจ้าว การแสดงความปรารถนาดีต่อคนอื่น ๆ ไม่ต่างจากการเยาะเย้ยพวกเขา เหล่าชาวยุทธ์ส่วนมากมักจะใช้ความรู้สึกเหนือเหตุผล ด้วยเหตุนี้หลี่ชิงหยางที่ติตตามจุนซ่างเซียวมา เขาจึงถูกสอนให้มีความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเองก่อนเสมอ.
ดูเหมือนว่าศิษย์ลำดับสองจะเข้าใจโลกมากขึ้นแล้ว.