CD บทที่ 479 ช่างยากเย็นอะไรอย่างนี้?
“มา มา ชนแก้วกันดีกว่า!” ทันทีที่หลี่เบ่ยหนีพูดจบ เหมาเว่ยทำทีเป็นยกแก้ว และพูดแทรกอย่างกะทันหัน “ในเมื่อเราคลี่คลายคดีได้อย่างสวยงาม ดังนั้นเราต้องดื่มฉลอง และงานเลี้ยงวันนี้ ผู้การหลันจะเป็นคนจ่าย! ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ใช่... ใช่…” นักสืบบางคนสนับสนุนเห็นด้วยกับเหมาเว่ย แต่คนอื่น ๆ ก็ยังคงคิดเรื่องเฟิงหลิงและเฟิงกั๋วอยู่ในใจ ดังนั้นมันจึงดูน่าอึดอัดเล็กน้อย
“เฮ้อ!” เหมาเว่ยวางแก้วลง และหันไปพูดกับหลี่เบ่ยกหนีอย่างจริงจังว่า “เบ่ยหนี! คุณรู้ไหมว่าถ้าคุณต้องการสืบสวนคดีฆาตกรรมในแฟลตที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน สิ่งต่าง ๆ มันไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด
อย่างแรก อำนาจในการสอบสวนเป็นของสถานีโม่หยาง และอย่างที่สอง คดีนี้ได้รับพิจารณาถึงขั้นศาลแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่คดีแช่แข็งที่สามารถหยิบขึ้นมาทำตอนไหนก็ได้!”
เหมาเว่ยเติมเบียร์แล้วพูดต่อว่า
“ลองคิดถึงใจเขาใจเราดู ถ้าเกิดว่าถ้าสถานีอื่นเข้ามาหาเราเพื่อสอบสวนคดีที่ถูกปิดไปแล้ว พวกเธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?”
“คงคิดว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง!” เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วแล้วตอบ
“แย่กว่านั้นอีก!” เหมาเว่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า "สิ่งที่พวกเขาทำมันไม่ต่างจากแย่งงานไปจากพวกเรา!"
เหมาเว่ยพูดง่าย ๆ แต่ตรงประเด็น
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนเรายังสามารถใช้ช่องทางของทางการได้ โดยจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำเรื่องส่งคำร้อง มันเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม มันจึงไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะมองข้ามได้
เมื่อส่งไปแล้ว พวกเขาอาจจะอนุมัติคำร้อง และให้สถานีโม่หยางพิจารณาคดีอีกครั้ง“เหมาเว่ยกล่าวต่อ”แต่พวกคุณคงไม่ลืมใช่มั้ยว่าสถานีโม่หยางเพิ่งจะผ่านอะไรมา”
“ถ้าฝูเจียนซิงยังไม่ตาย ด้วยนิสัยของเขา เขาจะต้องดำเนินการสอบสวนใหม่ด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เชอร์ล็อก โฮมส์แห่งโม่หยางได้จากพวกเราไปแล้ว ในขณะที่พวกเขาเพิ่งประสบกับโศกนาฏกรรม พวกเธอคิดว่า พวกเขาจะอนุมัติคำร้องในเวลานี้งั้นเหรอ?”
“อืม…” จางจิงเฟิงคิดตามและพูดว่า “อย่างที่เหมาพูดมา มันก็สมเหตุสมผล ถ้าเกิดว่าเราส่งคำร้องไป ทุกคนจะคิดว่าเราอวดดี ตั้งใจจะเล่นงานคนอื่นที่กำลังอ่อนแอ นั่นจะทำให้ตำรวจทั้งฉินชานมองพวกเราในแง่ลบทั้งหมด!”
"ถูกต้อง!" เหมาเว่ยถอนหายใจ “สถานีหรงหยางของเราที่เพิ่งคลี่คลายคดีลักพาตัว แถมยังแจ้งเบาะแสให้กับนักสืบประจำจังหวัดเพื่อที่พวกเขาจะได้จับกุมนักโทษแหกคุกได้สำเร็จ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในสปอตไลท์ และสถานีตำรวจอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองพวกเราด้วยความอิจฉา!”
เขากล่าวต่อว่า
“ถ้าเราส่งคำร้องไปทั้ง ๆ แบบนี้ มันจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเราเหรอ? ไม่เพียงแต่เราจะรุกรานเจ้าหน้าที่ระดับสูง และเพื่อนร่วมงานของเราเท่านั้น ทุกคนก็ยังคิดว่าพวกเราหยิ่งทะนงมาก พวกคนอิจฉาพวกนี้คงไม่ปล่อยให้พวกเราทำตามใจชอบหรอก!”
"แต่ฉันไม่เห็นด้วยค่ะ!" ขณะที่เหมาเหว่ยพูดจบ หลี่เบ่ยหนีก็พูดขึ้นทันทีว่า “หัวหน้าทีมเหมา จาง พวกคุณกล้าดียังไงมาบอกว่าพวกคุณเป็นผู้อาวุโสในแผนกสืบสวน เราเป็นนักสืบ เราควรค้นหาความจริงไม่ใช่หรือคะ?”
“ถ้าเฟิงกั๋วบริสุทธิ์จริง ๆ แสดงว่าเขาต้องติดคุกโดยที่ไม่มีความผิดมาตั้งสิบปีเลยนนะคะ” น้ำเสียงของหลี่เบ่ยหนีเต็มไปด้วยอารมณ์ “หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาคงจะไม่สามารถไปไหนได้อีกเลยตลอดชีวิต! เมื่อรู้อย่างนี้แล้วทำไมเราไม่หยิบคดีนี้มาตรวจสอบกันใหม่ล่ะคะ!?”
“บางที… เฟิงกั๋วอาจจะมีความผิดจริง ๆ ก็ได้” จางจิงเฟิงได้ตอบกลับ
“แต่เฟิงหลินยอมลงทุนขนาดนี้ ถ้าเฟิงกั๋วไม่ได้ถูกใส่ร้าย มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้เหรอคะ?” หลี่เบ่ยหนีแย้ง
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" จางจิงเฟิงกล่าว “แม้ว่าเฟิงหลินจะเป็นแม่ของเฟิงกั๋ว แต่เธอก็ไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเฟิงกั๋วเป็นผู้บริสุทธิ์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นถ้าเฟิงกั๋วโกหกเฟิงหลินล่ะ? อย่างนี้มันก็เข้าทางเขาเต็ม ๆ ไม่ใช่เหรอ?”
“แต่ฉันไม่คิดอย่างนั้น…” ทันใดนั้น เหลียงฮวนก็ปฏิเสธคำตอบของจางจิงเฟิง “เฟิงกั๋วไม่ใช่เด็ก ๆ หากเขาต้องการแหกคุก เขาต้องรู้แผนของเฟิงหลินมาก่อน และต้องรู้ว่าเธอกำลังจะใช้ลูกสาวของหลันซู่ผิงเพื่อบังคับให้เขามอบตัว!”
“ถ้าเขาเป็นฆาตกรจริง ๆ เขาควรจะบอกความจริงกับเฟิงหลินก่อนไม่ใช่เหรอ? อย่าลืมว่าเขาต้องใช้เวลาอีกเก้าปีเท่านั้นจึงจะออกจากคุก ทำไมเขาถึงต้องเลือกเส้นที่อยากลำบากนี้ด้วยล่ะ?”
“ดังนั้น ความจริงที่ว่าเฟิงกั๋วเห็นด้วยกับแผนการของแม่ของเขา แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่เขาถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ เท่านั้น แต่เขายังเชื่อว่าหลันซู่ผิงเป็นฆาตกรตัวจริงอีกด้วย!”
“เหลียง แต่ความจริงก็คือหลันซู่ผิงไม่ใช่คนร้ายไม่ใช่เหรอ?” จางจิงเฟิงโต้กลับเหลียงฮวน “ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็คงถูกจับไปแล้ว!”
“เออ…” เสี่ยวไป๋กล่าว “นอกจากสองคนนี้แล้ว มีคนอื่นเป็นผู้ต้องสงสัยอีกมั้ย?”
“มีแต่ความเป็นไปได้น้อยมาก!” หลิวเซว่ชานกล่าว “การฆาตกรรมจำเป็นต้องมีแรงจูงใจ ทรัพย์สินในที่เกิดเหตุไม่ได้ถูกปล้น และผู้ตายไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ นั่นหมายความว่านี่ไม่ใช่คดีปล้นหรือคดีข่มขืน มันแสดงให้เห็นเพียงว่าเธอถูกฆ่าเพื่อแก้แค้น!”
“จริงด้วย!” ต้าเฟยวิเคราะห์ “ผู้ตายถูกแทงเข้าที่หน้าอกของเธอหลายครั้ง นั่นหมายความว่าฆาตกรนั้นรุนแรงและโหดเหี้ยม มันอาจมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าดูเผิน ๆ ดูเหมือนว่ามีเพียงเฟิงกั๋วและหลันซู่ผิงเท่านั้นที่จะเป็นผู้ต้องสงสัย!”
“แต่นั่นก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด!” เหลียงฮวนสวนกลับ “บางที เบื้องหลังคดีนี้ มันอาจมีอะไรที่เรายังไม่รู้! เช่น… ผู้ตายเคยทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองมาก่อน”
"ใช่!" เสี่ยวไป๋กล่าว “มันอาจมีผู้ต้องสงสัยคนอื่น! ลองคิดดูสิ ฆาตกรที่หลบหนีมาหลายปี แต่ยังคงเฝ้าดูอย่างลับ ๆ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!”
“และก็...” หลี่เบ่ยหนีกล่าว “เฟิงหลินป่วยหนัก เหตุผลที่เธอยอมเสี่ยงขนาดนี้ก็เพราะเห็นความอยุติธรรมของเฟิงกั๋วได้รับ! ในฐานะนักสิบ พวกเรามีหน้าที่รับผิดชอบและจำเป็นต้องช่วยเหลือเธอไม่ใช่หรือคะ?”
“ทุกคนใจเย็น ๆ!” จางจิงเฟิงกล่าว “อย่าลืมว่าเฟิงหลินใช้เด็กผู้หญิงตัวน้อยเป็นเครื่องมือ อาชญากรรมที่เธอได้ก่อ มันไม่สามารถให้อภัยได้ง่าย ๆ หรอกนะ!”
“ไม่นะคะ ในระหว่างการพิจารณาคดี เฟิงหลินบอกว่า…” หลี่เบ่ยหนีพยายามอธิบาย “เธอจะไม่ทำร้ายหนิวหนิวอย่างแน่นอน!”
"เฮ้! ทุกคนฟังฉันนะ!“จู่ ๆ เหมาเว่ยก็พูดออกมาดังๆ”ฉันยังพูดไม่จบในสิ่งที่ฉันต้องการจะพูดก่อนหน้านี้! มีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกคุณทุกคนยังไม่รู้!”
เมื่อได้ยินเหมาเว่ยพูด เหล่านักสืบก็หยุดการวิวาทะและเงียบลง
“จริง ๆ แล้ว มีอีกเหตุผลว่าทำไมฉันถึงไม่เห็นด้วยกับการรื้อคดีของเฟิงกั๋วขึ้นมาใหม่ ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุดเช่นกัน!” เหมาเว่ยพูดอย่างเคร่งขรึม “ถ้าเราจะสอบสวนคดีนี้อีกครั้ง มันคงจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับตำรวจที่รับผิดชอบคดีในตอนนั้นอย่างแน่นอน! คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
“อืม… ใครเหรอ?” ทุกคนสับสน
“ฉันเองก็พบว่ามันยากที่จะเชื่อเหมือนกัน” เหมาเว่ยกล่าว “คน ๆ นั้นเคยเป็นผู้กองของแผนกสืบสวบของสถานีโม่หยาง ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการสูงสุดของฉินชาน ฮงเจียนหรง!”
"จริงเหรอเนี่ย!? ไม่อยากจะเชื่อ!" ทุกคนตกใจและอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก
“ทีนี้… คุณรู้ไหมว่าฉันกังวลเรื่องอะไร” เหมาเว่ยมองทุกคนด้วสีหน้าหนักใจ “ในโลกนี้ มีคนไม่กี่คนที่คุณไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้อยู่เสมอ!
ถ้าเราคิดจะไขคดีด้วยตัวเอง มันก็เท่ากับเขาตราหน้าว่าผู้บังคับการฮงทำงานผิดพลาด และจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขา
หากเราไม่สามารถไขคดีได้หรือฆาตกรคือเฟิงกั๋วจริง ๆ เราก็จะกลายเป็นเป้าให้อีกฝ่ายเล่นงานแทน!”
จากนั้นจู่ ๆ มันก็เงียบลง อย่างไรก็ตาม ความเงียบยังคงอยู่เพียงไม่กี่วินาที ก่อนที่จ้าวหยู่จะลุกพรวดขึ้นจากที่นั่ง เขาหันหลังกลับ และเดินออกไป
"เอ๋? รุ่นพี่คะ?“หลี่เบ่ยหนีถาม”รุ่นพี่จะไปไหนเหรอคะ?”
“จะไปไหนงั้นเหรอ? ก็ไปหาฮงเจียนหรงแล้วคุยกับเขาไง!” จ้าวหยู่พูดเบา ๆ จากนั้นเดินไปที่ประตู
เมื่อเขาไปถึงประตู เขาก็หยุดและหันกลับมาทันที เขาเห็นว่าพวกเขาเชื่อในสิ่งที่เขาพูด และพวกเขาก็ทำหน้าตื่นตะลึงซึ่งทำให้เขาหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“วะฮ่าฮ่า… ล้อเล่นนะ! ฉันแค่จะไปเข้าห้องน้ำเอง ทำไมฉันไปไม่ได้เหรอ!?”