บทที่ 70 มือกระบี่จากเขาชิงเฟิง
บทที่ 70 มือกระบี่จากเขาชิงเฟิง
“ในที่สุดก็เจอเจ้าจนได้! แม่งเอ้ย... ไอ้เวรเสี่ยวเว่ยพวกนี้ มันไม่เห็นหัวคนในยุทธภพอย่างพวกข้าเลย!”
จางถูหูตบหลังตบไหล่เสินอี้ พลางถอนหายใจโล่งอก “ดีๆ ยังดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
เมื่อเห็นสภาพของชายร่างใหญ่ผู้นี้ที่เต็มไปด้วยโคลนตม ดูมือที่ตบไหล่แต่ละครั้ง ล้วนเต็มไปด้วยรอยมือบนเสื้อคลุมสีขาวสะอาดของเขา...
เสินอี้สงสัยจริงๆ ว่า... อีกฝ่ายไปมุดหัวกับคนรักเก่าที่ไหนกันแน่?
แล้วนี่อะไร? มาถึงเจ้าก็เล่นใหญ่อย่างนี้เลย?
"โอ้โห! ขึ้นตำแหน่งเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?"
จางถูหูเหลือบมอง เขาเห็นลายเมฆบนแขนเสื้อของชายหนุ่ม หน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เสินอี้มองดูพุงป่องของเขาอย่างเอือมระอา พูดจาเย็นชาว่า "ดูท้องเจ้าสิ เหมือนลูกใกล้จะคลอดแล้ว"
"ฮ่าๆๆ การบ่มเพาะกายเนื้อมันเป็นแบบนี้แหละ เจ้าไม่เคยฝึ เจ้าไม่เข้าใจหรอก"
ชายร่างใหญ่เกาหัวอย่างเขินอาย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ข้ารู้ว่าเจ้าเก่ง แต่ช่วงนี้เก็บตัวไว้หน่อยจะดีกว่านะ"
อือ... ในที่สุดก็พูดถึงเรื่องสำคัญซะที...
เสินอี้พาเขาเข้าไปในบ้าน เทน้ำจากบ่อน้ำที่ต้มไว้แล้ว ใส่ถ้วยชาสองใบ แล้วยื่นให้เขา "มีอะไร?"
จางถูหูรับถ้วยชามา ไม่ได้เกรงใจ ดื่มรวดเดียวจนหมด "เจ้ายังไม่รู้? เกิดเรื่องใหญ่ที่อำเภอหลินเจียงแล้ว!"
เสินอี้พิงอยู่ที่ขอบเตียง จิบน้ำแล้วมองไปที่เขา
ถ้าจำไม่ผิด ข้าเพิ่งกลับมาจากอำเภอหลินเจียง...
โชคดีที่ประโยคถัดไปของจางถูหูคลายความสงสัยของเขา "มือกระบี่จากเขาชิงเฟิงที่ข้าเคยพูดถึง เจ้ายังจำได้ไหม?"
"คนที่มีสมาชิกหญิงสาวในครอบครัวเกือบยี่สิบคน และชายผู้นั้นอ่อนโยนต่อภรรยาน้อยทุกคน?" แววตาของเสินอี้ซับซ้อน
"ใช่ เขาคนนั้นแหละ"
จางถูหูใช้แขนเสื้อเช็ดคราบน้ำที่มุมปาก "เจ้าน่าจะรู้ว่าเขาชิงเฟิงนั้นทรงพลัง ..."
"ข้าไม่รู้" เสินอี้ส่ายหน้าอย่างซื่อตรง
มื่อได้ยินดังนั้น จางถูหูก็ยักไหล่ เขารู้สึกเหมือนกำลังนินทาเมียบ้านข้างๆ แต่คู่สนทนากลับถามว่า "เมียคืออะไร?" เขารู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ
"เจ้าก็เป็นถึงเสี่ยวเว่ยของแผนกปราบปีศาจ แต่ไม่รู้จักพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบเลย... กองกำลังระดับหนึ่งของชิงโจว มีอยู่หกสำนักสี่ตระกูล ทั้งหมดล้วนมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตควบแน่นตันประจำการอยู่ มีแซ่เจา แซ่เฉียน แซ่ซุน แซ่หลี่ มีมือกระบี่ของเขาชิงเฟิง มีโจรของหุบเขาผิงซา(ทรายราบเรียบ) มีนักพรตเต๋าของสำนักไป๋อวิ๋น(เมฆขาว)"
นิ้วห้าข้างไม่พอ จางถูหูจึงยื่นมืออีกข้างออกมา "ยังมีวิชาดาบศักดิ์สิทธิ์ของคฤหาสน์เซี่ยเฟิง(ควันวายุ) อีก... เอาเป็นว่า เจ้าแค่รู้ไว้ว่าในชิงโจว พวกเขาเป็นรองแค่แผนกปราบปีศาจก็พอ"
"แล้วสำนักวัชระล่ะ อยู่ระดับไหน?" เสินอี้ถามอย่างสบายๆ
จางถูหูเม้มปากตอบว่า "สำนักวัชระไม่มีขอบเขตควบแน่นตันประจำการอยู่ สำนักควรจะถูกจัดอยู่ในระดับสาม แต่เพราะพวกเขามีตำราชุบหลอมกาย(ฉุ่ยถี) อยู่ครึ่งเล่ม และเจ้าสำนักก็ใช้สิ่งนี้บ่มเพาะ ทำให้กายเนื้อของเขาแข็งแกร่งกว่าขอบเขตวารีหยก แม้จะอ่อนแอกว่าขอบเขตควบแน่นตันก็จริง แต่มันก็จัดการกับขอบเขตวารีหยกขั้นสมบูรณ์ได้สบายๆ ทำให้สำนักวัชระพอจะถูกจัดอยู่ในระดับสองได้"
เมื่อได้ยินดังนั้น เสินอี้ก็เริ่มสนใจ "ตำราชุบหลอมกาย(ฉุ่ยถี) คือวิชาอะไร?"
"ข้าจะไปรู้ได้ยังไง" จางถูหูถอนหายใจ "ไม่เพียงแต่ต้องมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังต้องสวดมนต์ห้าสิบปี ถ่ายทอดธรรมะอีกห้าสิบปี จึงจะมีโอกาสได้รับการสืบทอดตำราชุบหลอมกายนี้"
เขาอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ยังไม่บรรลุขอบเขตวารีหยกเลย...
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง
"ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พูดถึงเรื่องเจ้าดีกว่า"
จางถูหูสูดลมหายใจลึกๆ เอ่ยว่า "มือกระบี่จากเขาชิงเฟิงผู้นั้น เขาเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุด อายุยังไม่มาก อายุไม่ถึงหนึ่งร้อยห้าสิบปี แต่ก็มีเค้าลางว่าจะแตะขอบเขตควบแน่นตันได้แล้ว"
เสินอี้ฟังอย่างเงียบๆ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร?
"หลายเดือนก่อน เขามีธุระต้องออกจากอำเภอหลินเจียง ภรรยาน้อยคนหนึ่งของเขาตั้งครรภ์ วันหนึ่งเข้าไปทำธุระในศาลาว่าการ แต่จู่ๆ ต่อหน้าต่อตาผู้คน นางให้กำเนิด..."
จางถูหูตึงเครียดทั้งตัว สายตาจริงจัง "มังกรเจียวตัวหนึ่ง"
ถ้วยชาในมือของเสินอี้สั่นระริกขึ้นมาทันใด
"เจียวชั่วร้ายคลอดก่อนกำหนด มันกัดกินมารดาของมันจนไม่เหลือแม้แต่เศษกระดูก"
"สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ มือกระบี่ผู้นี้อยู่บนเขาชิงเฟิงมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว ภรรยาน้อยของเขามีอยู่มากมาย ใครจะรู้ว่าเขามีบุตรปีศาจอยู่กี่คน!"
"เมื่อมือกระบี่กลับมา ขุนพลอาวุโสปราบปีศาจแห่งอำเภอหลินเจียงก็รีบนำคนไปล้อมเขาชิงเฟิง สังหารลูกศิษย์จำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นลูกหลานของเขา"
จางถูหูคาดเดาว่า "อย่างไรก็ตาม เขาชิงเฟิงก็ยังเป็นสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง แผนกปราบปีศาจล้อมไว้แต่ไม่เข้ากวาดล้างทั้งหมด พวกเขาคงรอให้ท่านแม่ทัพของเจ้ากลับมาค่อยตัดสินใจ แต่ล่าสุดข้าได้ยินมาจากคนในยุทธภพว่า พวกนั้นที่อยู่บนเขา กำลังคิดจะส่งมือกระบี่หนีออกไปอย่างลับๆ"
เขาถอนหายใจ "เฮ้อ... ยกเว้นคนที่ประจำการอยู่ชิงโจวแล้ว ขนาดเสี่ยวเว่ยของค่ายในต่างก็ยังถูกส่งไปประจำการที่เชิงเขาและล้อมภูเขาเป็นระยะทางหนึ่งร้อยลี้ ครั้งนี้พวกเขาเอาจริงมาก จากที่ได้ยินมาจากทหารประจำการ พวกชุดปักลายหมาป่าสีทองหลายคนก็ถูกส่งไปแล้วเช่นกัน ข้าคิดว่าถ้าเจ้าหลบเลี่ยงได้ก็ควรทำ เพราะเจ้าเพิ่งมาชิงโจว เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ถ้าเจ้ายังไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร ก็อย่าเพิ่งรีบร้อนเอาตัวเข้าไปเสี่ยง"
เสินอี้วางถ้วยชาลง สีหน้าของเขาเรียบเฉย
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเสี่ยวเว่ยสองคนนั้นพูดถึงเรื่องอะไร
"ที่นี่คงจะวุ่นวายไปอีกสักพัก..." จางถูหูดึงมีดฆ่าหมูออกมาพร้อมทำสีหน้าเหมือนคนปวดหัว ลูบคมมีดซ้ำๆ หวังจะหาความมั่นใจจากมัน
"มือกระบี่ผู้ทรงคุณธรรมอะไรกัน ข้าว่ามันคงเป็นเจียวเฒ่าขอบเขตควบแน่นตัน ที่หนีออกจากตระกูลในแม่น้ำหยางชุนมากกว่า มันคงขึ้นมาหาความสนุก แปลงร่างเป็นมนุษย์ แล้วค่อยๆ เผยพลังออกมา"
"แม้ว่าขุนพลอาวุโสจะแข็งแกร่ง แต่หากต้องเผชิญหน้ากับขอบเขตควบแน่นตันหลายตัวพร้อมกัน คงได้แค่ชัยชนะที่ต้องสูญเสียอย่างสาหัส คงเป็นไปไม่ได้ที่จะกวาดล้างทั้งหมด"
"หากปล่อยให้เจียวเฒ่านั้นหนีรอดไปละก็... มันยังมีลูกหลานที่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้อีกมากมาย หลังจากนั้นมันคงจะหาเรื่องแผนกปราบปีศาจเป็นอันดับแรก พวกมันรู้ว่าแผนกปราบปีศาจให้ความสำคัญกับอะไรมากที่สุด นั่นก็คือพวกเราคนธรรมดาพวกนี้แหละ"
หลังจากพูดจบ จางถูหูก็ไม่รอช้า "มา มา เจ้าช่วยข้าหน่อย ให้ข้าอาศัยอยู่ด้วยสักสองสามวัน ไอ้เวรเอ๊ย ตอนนี้แค่จะหาอาจารย์ที่ดีให้บุตรชายก็ยังยาก แม่มเรียกค่าสอนก็แพงโคตร ข้าต้องแบกของสิบวันกว่าจะได้เงินครบ"
"เจ้าเข้านอนก่อนเถอะ ข้าจะออกไปเดินเล่น"
เสินอี้ลุกขึ้นจากเตียง มุ่งหน้าไปยังลานบ้าน
ความคิดของเขาสับสน
สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความระแวดระวัง...และแฝงไว้ด้วยความโกรธแค้นที่ยากจะอธิบาย
หากมังกรเจียวหนีออกมาได้ เป้าหมายในการแก้แค้นของมัน จะมีเขาอยู่ด้วยหรือไม่?
เรื่องราวที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเวลาหรือสถานที่ล้วนสอดคล้องกัน เขาเดาได้ไม่ยากว่าที่มาของมังกรเจียวรุ่นเยาว์ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในตอนนั้นคืออะไร
แม้แต่ปีศาจปลาแม่น้ำก็ยังสามารถได้กลิ่นของแก่นแท้ปีศาจได้
และตอนนี้แก่นแท้ปีศาจก็อยู่ในท้องขอบเขาแล้ว มันได้กลายเป็นพรสวรรค์พลังปีศาจเจียว แล้วอย่างนี้เขาจะมีกลิ่นอะไรคล้ายๆ พวกมันหรือไม่?
เสินอี้ไม่แน่ใจ ความเข้าใจในเรื่องแบบนี้ของเขาน้อยมาก ตราบใดที่ไม่สามารถรู้ได้ เขาก็ต้องคิดเผื่อไว้ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด
ดวงตาของเขาเป็นประกาย แผงระบบปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา
ก่อนหน้านี้ 'วิชาวายุอัสนีพิชิตปีศาจ' เปรียบเสมือนวิชาเติมพลังปราณ แต่ตอนนี้วารีหยกเต็มเปี่ยม ประสิทธิภาพของมันก็ต่ำเกินไป
"หากตะเกียงน้ำมันหมด โดยไม่ต้องใช้โอสถเสริม ข้าจะต้องใช้อายุขัยเท่าไหร่กันนะ ถึงจะสามารถฟื้นฟูพลังปราณให้เต็มได้ทันที?"
เขาค่อยๆ เทอายุขัยปีศาจลงใน 'วิชาวายุอัสนีพิชิตปีศาจ'
เสินอี้ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถหาอะไรใหม่ๆ ได้ เขาแค่ต้องการสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงของทะเลปราณในร่างกาย ดังนั้นเขาจึงเทอายุขัยเข้าไปทีละปีอย่างช้าๆ
เมื่อข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้น
สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
【ปีที่ห้า ระดับของโฮสต์ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ปราณเลือดกลับแข็งแกร่งขึ้น 'เตาหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ' ที่เดิมหลอมได้สองร้อยเจ็ดสิบจุด กลับสามารถเชื่อมต่อจุดเฉียวเพิ่มเติมได้อีกหนึ่งจุด】
เอาล่ะ... ได้เรื่องเซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง แม้จะยังไม่รู้ว่ามีประโยชน์อะไร แต่การพัฒนาอะไรก็ตามถือว่าเป็นเรื่องดี
เสินอี้หลับตาลง สัมผัสกับปราณแก่นแท้แห่งสวรรค์และปฐพีที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเขาอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็สรุปผลออกมาได้
แม้ว่าประสิทธิภาพในการหายใจและกลั่นกรองของ 'วิชาหลอมสุริยาสายฟ้าวายุ' นั้นจะเหนือกว่า 'วิชาวายุอัสนีพิชิตปีศาจ' มาก แต่การสะสมพลังของเขาวันนี้ มากกว่าเมื่อก่อนหลายร้อยเท่า
เมื่อถูกจำกัดด้วยปราณแก่นแท้สวรรค์และปฐพีที่บางเบา หากทะเลปราณของเขาแห้งเหือด และใช้วารีหยกที่สะสมไว้ในร่างกายเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีจนหมด
หากไม่พึ่งพาโอสถ เขาจะต้องใช้อายุขัยอย่างน้อยยี่สิบปีจึงจะฟื้นฟูได้เต็ม
ก่อนที่จะได้รับวิชาที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง นี่คือสิ่งที่เสินอี้พึ่งพาอาศัยมากที่สุด
โอสถอะไรก็ตามไม่ว่าจะล้ำค่ามากเพียงใด มันก็ต้องใช้เวลาในการดูดซึม
แต่ตราบใดที่เขามีอายุขัยเพียงพอ เขาก็สามารถรักษาสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุดไว้ได้ตลอดเวลา...