บทที่ 36 ได้ของวิเศษโดยบังเอิญ
ญาณสัมผัสของอวิ๋นหยูเจินบอกกับนางว่า ตราบใดที่ช่วยเหลือหลี่ฟาน ในอนาคตจะต้องมีผลประโยชน์มากมายอย่างแน่นอน
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าท่านลุงผู้นี้ต่อไปจะมีความสำเร็จเช่นไร แต่อวิ๋นหยูเจินก็ยังเลือกที่จะเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตน ใช้ทุกวิถีทางช่วยเหลือหลี่ฟาน
ดังนั้น ตึกเทียนเป่าได้เริ่มทำงานอย่างเต็มกำลังภายใต้คำสั่งของอวิ๋นหยูเจิน
ขณะเก็บรวบรวมอุกกาบาต เพื่อปิดบังสายตาผู้คน ยังซื้อวัสดุอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากด้วย
เมื่อกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ในเกาะหลิ่วหลี่สังเกตเห็นความผิดปกติของตึกเทียนเป่า ต่างส่งคนมาสอดแนมเป็นการลับ
แต่ภายใต้การเตรียมพร้อมล่วงหน้าของอวิ๋นหยูเจิน ย่อมไม่มีทางสืบหาความจริงได้อยู่แล้ว
ตรงกันข้าม ตึกเทียนเป่ากลับเผยแพร่ข่าวลวงเกี่ยวกับทรายร่วงทะเลดาวเป็นจำนวนมากตามความคิดของหลี่ฟาน กลุ่มอิทธิพลอื่นๆ รู้ว่าอาจจะเป็นเรื่องหลอกลวงจึงเลือกจะรอดูก่อน
แต่ในจำนวนนั้นมีกลุ่มหนึ่งที่คิดว่า "ซื้อก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถึงจะเป็นของปลอมก็ขายต่อได้อยู่ดี" จึงซื้อของที่เกี่ยวข้องกับข่าวลือเป็นจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงอดใจไม่ไหวแล้ว เข้าร่วมในกองทัพการซื้อกว้านซื้อด้วย
ชั่วระยะหนึ่ง ราคาสินค้าในเกาะหลิ่วหลี่พุ่งสูงขึ้น ความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย
...
ส่วนหลี่ฟาน ผู้ก่อเหตุทั้งหมดนี้ กลับเพียงแค่ตั้งใจฝึกฝนอย่างเงียบๆ อยู่ในตึกทิงโหยว
จนเมื่อผ่านไปสามเดือน อวิ๋นหยูเจินจึงได้ติดต่อกับคาราวานเคลื่อนที่ของสมาคมการค้าหว่านหัวได้สำเร็จ
เช้าวันนี้ อวิ๋นหยูเจินและหลี่ฟานโดยสารเรือเล็กของตึกเทียนเป่าออกจากเกาะหลิ่วหลี่ มุ่งหน้าไปทางเหนือหลายสิบลี้ มาถึงเขตทะเลที่ทั้งสองฝ่ายนัดหมายกันไว้
บนเรือบรรทุกสินค้าที่จะทำการค้าขายในครั้งนี้จนเต็มล้น
หลังจากดวงอาทิตย์ขึ้นสูงเที่ยงวัน ในที่สุดก็ได้พบกับสมาคมการค้าหว่านหัว
เห็นเป็นจุดดำบนท้องฟ้าขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้ามาใกล้หลี่ฟานถึงพบว่านั่นคือเรือบินชัดๆ!
บนเรือบินมีธงปลิวสะบัด เขียนตัวอักษรตัวใหญ่ "หว่าน" ไว้บนนั้น
เรือบินลำนี้ดูเหมือนจะมีขนาดแค่ครึ่งหนึ่งของเรือไท่เหยียนรูปแบบที่สอง ยาวประมาณ 50 เมตร
เรือบินมาถึงเหนือหัวผู้คนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ค่อยๆ หยุดลงบนผิวน้ำ
"อวิ๋นจั้งกุ้ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!" หลังจอดสนิทแล้ว ก็มีเสียงหัวเราะอย่างสง่างามดังมาจากเรือบิน
อวิ๋นหยูเจินกำลังมองหลี่ฟานอยู่พอดี อยากจะเห็นสีหน้าตกใจบนใบหน้าของเขา
ไม่คิดว่าแม้หลี่ฟานเห็นเรือบินของสมาคมการค้าหว่านหัวแล้วก็ไม่มีท่าทีแปลกใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับเคยชินกับเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้มานานแล้ว
อวิ๋นหยูเจินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย พร้อมกันนั้นก็ยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับหลี่ฟานมากขึ้น
ได้ยินเสียงของคาราวานเคลื่อนที่ดังมา อวิ๋นหยูเจินถึงได้หันหน้ากลับไป
"อู๋ซิงโจว พวกเราเจอกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อสามปีก่อนใช่ไหมล่ะ" อวิ๋นหยูเจินตอบพร้อมรอยยิ้ม
"เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ" อู๋ซิงโจวถอนหายใจ ตัวก็มาถึงบนเรือของตึกเทียนเป่าแล้ว
"ท่านนี้คือ?" เขามองหลี่ฟานแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
"ผู้ฝึกเซียนอาวุโสที่ตึกเทียนเป่าว่าจ้างมา" อวิ๋นหยูเจินตอบอย่างสั้นๆ
อู๋ซิงโจวเห็นอวิ๋นหยูเจินไม่อยากพูดมาก เขาจึงรู้จักกาลเทศะไม่ได้ถามอะไรต่อ
"ยังไงก็มาดูสินค้ากันเถอะ กลัวว่าหลังจากนี้พวกเราคงยากที่จะได้เจอกันแล้ว"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อวิ๋นหยูเจินก็ตกใจ "ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?"
อู๋ซิงโจวส่ายหน้า "รายละเอียดข้าก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกัน แต่เมื่อสองสามวันก่อน ทางสำนักงานใหญ่ส่งประกาศมากะทันหันว่าคาราวานเคลื่อนที่ในทะเลชงอวิ่นทั้งหมดให้หยุดธุรกิจทุกอย่างแล้วกลับไปเร็วที่สุด"
"ถ้าไม่ใช่เพราะได้นัดทำการค้ากับท่านหญิงไว้ก่อนแล้ว
ป่านนี้ข้าคงจะอยู่บนเส้นทางกลับไปแล้วก็ได้"
"ดังนั้นการค้าครั้งนี้จึงทำให้ล่าช้าไม่ได้ ต้องทำให้เสร็จโดยเร็ว"
อวิ๋นหยูเจินตกใจจนเกือบสับสนไปชั่วขณะ ต้องรู้ว่าที่ตึกเทียนเป่าในเกาะหลิ่วหลี่ทำการค้าได้คึกคักมากก็เป็นเพราะมีสมาคมการค้าหว่านหัวอยู่เบื้องหลัง
บัดนี้สมาคมการค้าหว่านหัวจะถอนตัวออกจากทะเลชงอวิ่นอย่างกะทันหันแล้วต่อไปธุรกิจของตึกเทียนเป่าจะทำอย่างไรดี?
ตนเองยังจะสามารถรักษาตึกเทียนเป่าเอาไว้ได้อีกหรือ?
แล้วทำไมญาณสัมผัสของตนถึงไม่ได้เตือนอะไรเลยในครั้งนี้?
ความคิดในใจของอวิ๋นหยูเจินยุ่งเหยิงไปหมด ถึงกับเผลอเหม่อลอยไปชั่วขณะ
"อวิ๋นจั้งกุ้ย?" อู๋ซิงโจวเห็นอวิ๋นหยูเจินนิ่งอึ้งไป จึงอดไม่ได้ที่จะออกเสียงเตือน
อวิ๋นหยูเจินฝืนยิ้ม กลับมาสู่สติอีกครั้ง
เดินเข้าไปในห้องเก็บของ เริ่มตรวจนับสินค้าสำหรับการค้าขาย
"หยกสิบหกคู่ ปะการังยี่สิบสามชิ้น ไข่มุกเรืองแสงสี่สิบหกเม็ด..." หลี่ฟานนำอู๋ซิงโจวเดินผ่านสินค้าต่างๆ ไปทีละชนิด
อู๋ซิงโจวเป็นระยะๆ ก็หยิบสินค้าบางอย่างขึ้นมา สังเกตดูคุณภาพอย่างละเอียด
จากนั้นก็พยักหน้า วางลงอย่างระมัดระวัง
"ทรายร่วงทะเลดาว สามก้อน" เมื่อมาถึงตรงกลาง หลี่ฟานรายงานด้วยสีหน้าตามปกติ
อู๋ซิงโจวมีสีหน้าดีใจ รีบเดินไปข้างๆ อุกกาบาตเหล่านั้น
ใช้มือลูบไล้เบาๆ จากนั้นก็พลิกอุกกาบาตดู ตรวจสอบไปมาหลายรอบ
หลี่ฟานเห็นฉากนี้จากด้านข้าง รู้ว่าอู๋ซิงโจวผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดอุกกาบาตเหล่านี้แม้แต่ก้อนที่เบาที่สุดก็หนักถึงห้าสิบจิ๋น แต่กลับเหมือนของเล่นในมือของอีกฝ่าย
สักพักหนึ่ง อู๋ซิงโจวถึงได้วางอุกกาบาตลงอย่างหวงแหนไม่อยากปล่อย
"อวิ๋นจั้งกุ้ย ครั้งนี้โชคดีมากเลยนะ ถึงกับเก็บรวบรวมทรายร่วงทะเลดาวอย่างดีขนาดนี้ได้"
หลี่ฟานกับอวิ๋นหยูเจินมองตากัน ในใจก็โล่งอก
ยืนยันได้แล้วว่าสิ่งที่เสี่ยวเฮิงบอกไม่ผิดจริงๆ
ครั้งนี้ตึกเทียนเป่าได้เปรียบ แย่งชิงทรายร่วงทะเลดาวมาได้ไม่น้อย
โควตาสระวิเศษชำระร่างน่าจะได้รับอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นก็ไม่มีของมีค่าอะไรอีกแล้ว อู๋ซิงโจวพอใจมากกับสินค้าที่ตึกเทียนเป่าจัดหามาให้ในครั้งนี้
อีกทั้งเพราะทั้งสองฝ่ายคงไม่ได้พบกันอีกเป็นเวลานาน เขาจึงเชิญหลี่ฟานและอวิ๋นหยูเจินไปเป็นแขกบนเรือบินของสมาคมการค้าหว่านหัว
หลังจากกินดื่มอิ่มหนำสำราญแล้ว อู๋ซิงโจวก็พาทั้งสองเดินไปยังคลังเก็บของบนเรือบิน
"สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของที่ข้ารวบรวมมาจากเกาะต่างๆ ในทะเลชงอวิ่น บางอย่างมีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติใดๆ บางอย่างแม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าใช้ทำอะไร เห็นว่าแปลกตาก็ซื้อมาด้วยเลย หากสองท่านมีความสนใจก็เลือกไปสักสองสามชิ้นได้นะ" อู๋ซิงโจวที่ดื่มไปมากพูดอย่างภาคภูมิใจพลางชี้ไปที่ของมีค่ามากมายนับไม่ถ้วน
เมื่อได้ยินดังนั้น อวิ๋นหยูเจินก็ค่อนข้างตื่นเต้น นางมีความสามารถในการเลี่ยงภัยเอาตัวรอด การได้มาที่นี่ไม่เหมือนกับหนูตกถังข้าวหรอกหรือไร?
แต่แรกเริ่มหลี่ฟานไม่ค่อยสนใจเท่าไร แต่เห็นอวิ๋นหยูเจินท่าทางกระตือรือร้นเช่นนั้นก็ไม่ดีที่จะปฏิเสธจึงเดินเล่นไปด้วยกันในนั้น
"มีเวลาแค่หนึ่งก้านธูป อย่าลืมนะ!" อู๋ซิงโจวเหมือนจะสนุกกับเกมแบบนี้มาก ตะโกนบอกทั้งสองคน
อวิ๋นหยูเจินไม่ได้ใส่ใจ นางกำลังตื่นเต้นวิ่งไปมาไม่หยุดในคลังเก็บของ
ของมีค่าต่างๆ ในนี้มีไม่ต่ำกว่าพันชิ้น ถึงแม้นางจะสามารถหลีกเลี่ยงภัยได้ พอจะแยกแยะมูลค่าได้บ้างแต่ในชั่วขณะนั้นก็ตาลายไปหมด
ส่วนหลี่ฟานเหมือนไม่มีจุดหมาย หยิบของขึ้นมามองเล่นแล้วก็วางลงไปอย่างเบื่อหน่าย
เขาหลี่ฟานผ่านการเวียนว่ายตายเกิดเก้าภพ สามร้อยปี มีสมบัติธรรมดาอะไรบ้างที่ไม่เคยเห็น?
ขอเพียงไม่ใช่ของที่เกี่ยวข้องกับการฝึกเซียน เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น
อู๋ซิงโจวถึงแม้จะมีพละกำลังมากกว่าคนธรรมดามาก แต่ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกเซียนอย่างเห็นได้ชัดสิ่งที่ทำก็มีแต่ธุรกิจในหมู่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
แล้วที่นี่จะมีอะไรที่หลี่ฟานจะใส่ใจได้อีกเล่า
หลี่ฟานคิดไปเช่นนั้น แต่เมื่อมือไปแตะโดนของสิ่งหนึ่ง ร่างกายของเขาก็ชะงักค้างทันที
เพราะข้อความเตือนจาก [หวนเจิน] ผุดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"ค้นพบไอเท็มที่สามารถเติมพลังได้ ต้องการเติมพลังหรือไม่?"