ตอนที่แล้วตอนที่ 24 Crown Game
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 บททดสอบใหม่ (2)

บทที่ 25 - บททดสอบใหม่ (1)


ด่านป้องกัน ป้อมปราการ บังคับบัญชา สัญญาณเรียกสู้รบ และ อำนาจ

การแข่งขันแย่งชิงล่าสัตว์ย่อมดุเดือดอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น ทักษะ ด่านป้องกัน และ ป้อมปราการ จึงเป็นสิ่งจำเป็น แม้พวกเขาจะเข้าไปตั้งรกรากก่อน แต่ก็ยังคงมีหมาป่าบางตัวที่ออกล่าอาหารเสมอ

บังคับบัญชา เป็นทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งเพราะมันมอบความสามารถในการจัดลำดับชั้น ให้สิทธิ์แก่คนที่ไว้วางใจมากที่สุด แน่นอนว่าเขาจะเป็นผู้ตัดสินใจสำคัญ แต่การมีผู้บัญชาการที่สามารถทำหน้าที่อิสระในบางสถานการณ์ก็เป็นเรื่องที่ดี

สัญญาณเรียกสู้รบ และ อำนาจ จำเป็นในยามฉุกเฉิน การเรียกสมาชิกทั้ง 10 คนพร้อมกับผู้บัญชาการอาจเป็นสิ่งสำคัญในบางสถานการณ์ เช่นเดียวกัน หากมีสถานการณ์ที่สมาชิกไม่เชื่อฟัง ทักษะ อำนาจ ก็สามารถนำมาใช้ได้

แน่ละ ทักษะอื่นๆ ก็มีข้อดีของตัวเอง แต่เนื่องจากเขาไม่เห็นประโยชน์สำหรับอนาคตอันใกล้ เขาจึงปล่อยไว้ก่อน ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะได้รับคะแนน เช่น การเลื่อนชั้น นอกจากนี้ยังสามารถรับคะแนนทักษะได้จากการแสดงผลงานได้ดีเยี่ยมในศึกหุบเขาอันใกล้

“การถอดถอนหัวหน้ากลุ่มมงกุฎเงิน ต้องอาศัยความเห็นชอบจากสมาชิก 60%”

“คุณสามารถเลื่อนชั้นได้โดยการฆ่าผู้ครองมงกุฎเงินอีกคน แน่นอน คุณสามารถเลื่อนขั้นไปยังระดับถัดไปได้อีกครั้งโดยการไปถึงระดับ 10 แต่ภายในบทเรียนนี้เป็นไปไม่ได้”

การสังหารผู้ครองมงกุฎทองแดงสิบคน ก็จะช่วยให้เขาเลื่อนชั้นได้เช่นกัน แต่เนื่องจากเขารู้สึกว่ามันเป็นการใช้เวลาอย่างไม่คุ้มค่า เขจึงตัดสินใจที่จะโฟกัสไปที่สิ่งอื่น ๆ

“คุณมีคำถามอะไรไหม?”

“ไม่มีครับ”

“ผมรอคอยการพบกันครั้งต่อไป สวัสดีครับ!”

หลังจากอีฟหายไป วูฮยอกก็ยื่นเข็มกลัดสำริดให้กับอีแจซุง เนื่องจากมีสมาชิกเพียงสิบเอ็ดคนในกลุ่ม ตอนนี้จึงสามารถแต่งตั้งผู้บัญชาการได้เพียงคนเดียว

“พวกนายกลับไปที่พักก่อนนะ”

“คุณจะออกไปคนเดียวเหรอ?”

“ฉันมีธุระต้องสะสางนิดหน่อย อาจจะหายไปสักพักนึง” วูฮยอกกล่าว

ไม่เหลือเหตุผลใดให้เขาต้องอยู่ที่ฐานทัพอีกต่อไป รางวัลดีๆ ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใจกลาง ดังนั้น การอยู่ที่ฐานทัพซึ่งอยู่รอบนอกนั้นไร้ประโยชน์เกินไป

วูฮยอกแนะนำอีแจซุงสั้นๆ เกี่ยวกับวิธีใช้พลังการบังคับบัญชาใหม่ของเขาก่อนที่จะขึ้น Jabber Wok บินทะยานเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยซอมบี้เร่ร่อน

* * *

ในอดีต ป่าเงา ยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากมันหายไป 15 วันหลังจากเกมเริ่ม ผู้รอดชีวิตเพิ่งมาแบ่งปันข้อมูลและรวบรวมจากบันทึกนักผจญภัย เพื่อค้นหาสิ่งที่พวกเขาพลาดไป แม้กระนั้น ก็ครอบคลุมเพียงส่วนน้อยเท่านั้น มีผู้คนที่ไม่เต็มใจแบ่งปันความลับ ส่งผลให้ข้อมูลสูญหายไปมากมาย ถึงอย่างนั้น วูฮยอกก็ไม่ยอมแพ้ เขาถึงกับว่าจ้างนักโบราณคดี ศึกษาต้นฉบับโบราณไร้ชื่อ และสำรวจซากปรักหักพังโบราณ เพื่อให้ได้เบาะแสบางอย่าง

‘อันดับแรก สิ่งที่ฉันต้องการคือ พา่หนะบินได้’

ไข่ของมังกรจะฟักออกมาหลังจากการต่อสู้ที่หุบเขาเท่านั้น ดังนั้นตอนนี้เขาจะต้องจับพาหนะตัวใหม่

เมื่อเดินทางไปยังทะเลสาบกลาง เขาปีนขึ้นไปบนเสาเรือรบ และมองไปยังนกอินทรีสามเล็บ ซึ่งอยู่ไกลออกไป

‘หลังของมันคงจะนั่งไม่สบายแน่ๆ’

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะเลือกได้ เขาใช้ใบหญ้าปล่อยเสียงหวีดแหลมดึงดูดความสนใจของนกอินทรีตัวหนึ่งที่บินอยู่เหนือท้องฟ้า

ชั้ก

เขาฟาดแส้ใส่ทันทีที่มันบินเข้ามาใกล้ พันแส้ไว้ที่ข้อเท้าของนกอินทรีสามเล็บ ไม่ว่ามันจะกระพือปีกและพยายามดิ้นรนมากแค่ไหน มันก็ไม่อาจเอาชนะพละกำลังของวูฮยอกได้

ลดจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายลง ดึงแส้เข้าหาอย่างเต็มกำลัง เขาสามารถโยนนกอินทรีกระแทกกับเสาเรือได้อย่างแรง

ส่วนที่เหลือไม่ยากเกินไป เมื่อมันมึนงงและล้มลงบนพื้นเรือ เขาก็แค่ขึ้นขี่และฝึกมันอย่างเข้มงวดด้วยแส้

‘หวังว่ามันจะไม่เป็นแผลใจนะ’

แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่ก็มีกรณีที่มันอาจเสียสติหลังจากถูกฝึกอย่างโหดเหี้ยม ซึ่งนั่นย่อมจะเป็นอันตรายอย่างมากหากเกิดขึ้นขณะบินอยู่บนที่สูง

อย่างไรก็ตาม เขาทำอะไรไม่ได้มากนักในเรื่องนั้น เนื่องจากไม่มีพาหนะบินที่ดีกว่านี้ในบทเรียนนี้

ปีนขึ้นหลังมัน เขาก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปในป่า การได้เห็นทัศนียภาพของป่าจากบนฟ้าช่างวิเศษจริงๆ มีเนินเขาและก้อนหินกระจายอยู่ทั่วป่า

หลังจากการบินเป็นเวลานาน เขาก็มาถึงประตูนรก ซึ่งเป็นจุดที่ซอมบี้ร่วงหล่นลงมา

‘มันอยู่ตรงนั้น’

ในป่าเงา มีประตู"เหว" หลายแห่งซึ่งจะเคลื่อนที่ไปมา ก่อให้เกิดหายนะแก่นักผจญภัยที่หลงทาง

แต่น่าแปลกที่ "เหว" เหล่านี้กลับไม่เคยเข้าใกล้ทะเลสาบศูนย์กลางหรือดินแดนสูญสิ้นสวรรค์เลย อาจเป็นเพราะสถานที่เหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อส่งเสริมการแข่งขันระหว่างนักผจญภัย แค่การเผชิญกับอันตรายในดินแดนเหล่านี้ก็สาหัสพออยู่แล้ว

ไม่ว่าเหตุผลใด วูฮยอก กลับสนใจ "เหว" แห่งนี้เป็นพิเศษ เพราะมันเชื่อมโยงไปยัง "จอมมาร 72 ตน" ซึ่งไม่มีใครล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อน

"น่าลองเสี่ยงดูสักตั้ง"

แม้จะเป็นประตูมิติ แต่เหล่านักผจญภัยมิอาจใช้มันได้ ทว่าสามารถทำลายมันด้วยเวทมนตร์ที่ทรงพลัง ซึ่งก็ต่อเมื่อคุณสามารถทนกับสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาเป็นระยะๆได้

ยิ่งไปกว่านั้นในสถานการณ์เช่นนี้ เขายังต้องปกป้องอินทรีสามเล็บจากสายฟ้าด้วย ภารกิจนี้ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้สำหรับนักผจญภัยมือใหม่ ดังนั้นวูฮยอก จึงมั่นใจว่าต้องมีรางวัลซ่อนอยู่

โลกใบนี้ขึ้นชื่อเรื่องการมอบรางวัลให้กับผู้เล่นที่กระทำการแปลกประหลาดหรือไม่คาดฝัน

ขณะที่เขาก้าวเข้าใกล้ประตูแห่งหุบเหว สายฟ้าสีม่วงแวววาวก็ฟาดผ่าลงมา แต่ทว่า ราชินีงูดวงดาว กลับดูดซับพลังงานนั้นไว้

วูฮยอก ยกแกรนเดียขึ้นด้วยสองมือ พยายามทรงตัวบนหลังอินทรีคู่ใจ แล้วพุ่งลงไปยังรอยแยกที่ปรากฏขึ้นภายในประตูหุบเหว เขาเอ่ยร่ายคาถาบนรูนเวทมนตร์ที่สลักอยู่บนตัวดาบ

ฮวู้ช

ชั่วขณะ วังวนสีดำเปล่งประกายสีแดงอันตรายปรากฏขึ้น ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิม ทว่าในเวลาเดียวกัน สายฟ้าสีม่วงอีกสายก็ฟาดผ่าลงบนหัวของเขา

"อ๊าก..."

วูฮยอก รู้สึกมึนงงเล็กน้อยจากการโจมตี แม้จะไม่เสียหายใดๆ เพราะเกราะป้องกันดูดซับไว้ แต่ทว่ามันกลับกินพลังมานาของเขา

'ฉันต้องเริ่มใช้คริสตัลวิเศษแล้วสินะ'

เขาเก็บมันไว้ใช้ในภายหลังเพราะมันสามารถเพิ่มค่าสติปัญญาได้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก หยิบคริสตัลออกมาจากกระเป๋าของนักปราชญ์ วูฮยอก มองลึกเข้าไปในเหว

'คงต้องใช้เวลานาน'

อันดับแรกเขารู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะพัฒนาฝีมือขึ้นมาก แต่ในภาพรวมแล้วเขาก็ยังคงเป็นเพียงนักผจญภัยมือใหม่ มันอาจจะใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะกำจัดประตูแห่งหุบเหวนั่นทิ้งไปได้ นี่เป็นสถานการณ์ที่เขาภาวนาขอเพียงประสบความสำเร็จก่อนที่คริสตัลวิเศษจะหมด

ยึดเกาะอยู่บนหลังอินทรีได้อีกครั้ง วูฮยอก ชูแกรนเดียขึ้นสูงเหนือหัว

* * *

“ฮืออ…” วูฮยอกนอนราบไปกับพื้นดาดฟ้าเรือ สายตาเหม่อมองขึ้นไปยังท้องฟ้าสีครามแจ่มใส ไล่ตามก้อนเมฆสีขาวบริสุทธิ์ที่ล่องลอยอยู่เบื้องบน

‘งานหินเอาเรื่องเลยแฮะ’

มันเหนื่อยล้ามากกว่าตอนที่เขาต่อสู้เดี่ยวกับราชินีงูผีดาวเสียอีก การต่อสู้นานแสนนาน พลังมานาถูกพร่องไปทีละน้อย ทำให้เขาอ่อนแรงเป็นพักๆ อินทรีสามเล็บเองก็หมดแรงเช่นกัน มันกำลังพักผ่อนอยู่บนเสากระโดงเรือ แม้ว่าเขาจะให้รางวัลเป็นปลาชนิดที่มันโปรดปราน แต่มันก็ยังคงอ่อนล้าเกินกว่าที่จะสู้ต่อ

สายลมเย็นสบายจากผืนน้ำพัดโชยมาปะทะใบหน้า วูฮยอกยกของรางวัลที่เพิ่งได้มาขึ้นสูง

[แตรน้อย]

ประเภท:    วัตถุปริโภค

ผลกระทบ:    ใช้งานได้เฉพาะสถานที่ที่กำหนด

ทันทีที่เขาสามารถตัดประตูเหวขาดเป็นสองส่วน กล่องสมบัติที่เต็มไปด้วยกระดูกก็ร่วงลงมาจากกล่องนั้น เขาได้แตรน้อยนี้มาพร้อมกับชิ้นส่วนหนึ่งของแผนที่ทะเลสาบศูนย์กลาง แต่ตำแหน่งบนแผนที่กลับไม่ชัดเจน

“ต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างสินะ”

มีความเป็นไปได้สูงที่ข้อมูลสำคัญจะถูกปกปิดด้วยเวทมนตร์ซ่อนเร้น และเขาไม่สามารถที่จะลบมันออกได้ในระดับความสามารถปัจจุบัน

เขาคิดถึงการขอความช่วยเหลือจากอสูรกิเลนเฒ่า อดาก้าร์ เป็นอันดับแรก แต่รู้สึกว่าคงจะไร้ประโยชน์ นักเวทผู้เคร่งครัดกฎระเบียบคนนั้น ยอมมอบไข่กิเลนให้เขาเพียงฟองเดียวเท่านั้น

‘มีใครอีกนะ?’

โลกใบนี้มีไกด์ประจำทางซ่อนอยู่ ตัวละครประเภท NPC ที่จะคอยช่วยเหลือเขาในการผจญภัย

วูฮยอกมองไปที่แตร นึกถึงสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าหรือทะเลสาบ

‘นางเงือก? ไซเรน? ซาเทียร์? นางฟ้า?’

มีความเป็นไปได้มากมายที่จะเชื่อมโยงไปยังดินแดนสูญสิ้นสวรรค์ เพราะมันคือสถานที่สำคัญในบทเรียนเบื้องต้น ส่วนทะเลสาบศูนย์กลางนั้นอันตรายเกินไปเพราะมีฉลามชุกชุม

วูฮยอกลุกขึ้นยืน เรียกอินทรีสามเล็บลงมาที่พื้นดาดฟ้า มันรีบรุดเข้ามาหา โน้มตัวลงมาเพื่อช่วยเขาขึ้น

“ไปที่เกาะกัน”

อินทรีสามเล็บร้องเสียงแหลม ก่อนโผนทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า มันเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย

เมื่อมันปรับระดับความสูงจนคงที่ วูฮยอกหันกลับไปมองป่า ประตูเหวทั้งหมดหายไปหมดแล้ว ไม่มีโอกาสอีกต่อไปที่คนอื่นจะได้แตรแบบนี้

‘ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี’

เบาะแสที่เขาล่วงรู้มาก่อนหน้านี้ ล้วนชี้ไปยังจุดหมายปลายทางสุดท้ายภายในบทเรียนเบื้องต้น ตอนนี้เขาแค่ต้องหาทางไปถึงที่นั่น

โชคดีที่ความพยายามครั้งแรกของเขากับประตูเหวนั้นได้ผล แต่เขาก็ยังคงต้องไม่ประมาท

เมื่อมาถึงดินแดนสูญสิ้นสวรรค์ วูฮยอก ปลดพันธะเรียกคืนอินทรีสามเล็บ ระบบอนุญาตให้เขาเรียกสัตว์ที่เชื่องไว้ได้ตามต้องการ

‘ลองดูหน่อยสิว่าจะเจอไกด์คนนั้นมั้ย’

นี่เป็นครั้งที่สามที่เขามาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงพยายามมุ่งเน้นไปยังพื้นที่ที่ยังไม่เคยสำรวจมาก่อน หากผู้วิเศษผู้นี้สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของผู้เล่นจำนวนมากที่เคยมาที่นี่ แสดงว่าเขา (หรือเธอ) ต้องเป็นบุคคลวิเศษ หรือมีความสามารถพิเศษด้านการพรางตัว

ขณะที่เขากำลังเดินสำรวจต้นไม้อยู่รอบๆ วูฮยอก ก็ใช้แกรนเดียฟาดฟันเหล่างูผีดาวที่โจมตีมายังเขา ต่างจากตอนที่เขามากับ ซอชางซอบ เพราะคราวนี้เขาไม่จำเป็นต้องเสียแรงกับพวกมันเลย รูนเวทมนตร์บนแกรนเดีย มิใช่สิ่งที่งูเหล่านี้จะต้านทานได้ด้วยระดับป้องกันของมัน

‘ไม่น่าจะใช่ เมดูซ่า หรือ ลาเมีย’

วิหารของพวกมันทั้งคู่ต่างก็ตั้งอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ถึงแม้จะมีงูจำนวนมากบนดินแดนสูญสิ้นสวรรค์ แต่มันดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับ บาปแห่งกำเนิดมากกว่าที่จะเป็นสัตว์ใดๆ ที่อาจทำหน้าที่เป็นไกด์ของเขา

ในทางกลับกัน ดูเหมือนว่าการใส่ใจต้นไม้และป่าไม้นั้นสำคัญกว่า ทั้งธาตุและเหล่าภูติ อาจจะเป็นไปได้…

‘นางไม้?’

นางไม้เป็นวิญญาณธาตุ และในหมู่พวกมันก็มีบางประเภทที่แบ่งปันพลังชีวิตให้กับต้นไม้ พวกมันคือ ดรายแอด สิ่งมีชีวิตที่เล็ก สวยงาม และเชี่ยวชาญเวทมนตร์

หากพวกมันต้องการซ่อนตัวอยู่ภายในป่า พวกมันก็ย่อมทำได้อย่างแน่นอน โดยสัญชาตญาณพวกมันเป็นพวกขี้ระแวง ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นพวกนั้น

วูฮยอก เดินท่องเที่ยวไปทั่วดินแดนสูญสิ้นสวรรค์ ค้นหาต้นไม้เฉพาะเจาะจงที่ ดรายแอด อาจอาศัยอยู่ ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนกันหมด ยกเว้นต้นไม้แห่งสวรรค์และต้นไม้แห่งชีวิต ต้นอื่นๆก็ดูคล้ายกันไปหมด วูฮยอก กำลังใช้ประสบการณ์อันโชกโชนและสัญชาตญาณของเขาในการสังเกตความแตกต่างแม้เพียงเล็กน้อย

‘พวกเอล์ฟ ต้องรู้แน่ๆ’

พวกเอล์ฟอาศัยอยู่ในป่า ดังนั้นพวกเขาคงเคยติดต่อกับ ดรายแอด มาก่อนจริงๆ แล้วอาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะเอล์ฟทั้งหมดที่เขาเคยคุยด้วย ไม่เคยมีใครพูดถึง ดรายแอด เลย

ขณะที่ วูฮยอก ปล่อยให้ความคิดเร่ร่อนไปทั่ว เขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าต้นโอ๊กใหญ่ ต้นไม้แผ่พุ่งอากาศโบราณราวกับมันหยั่งรากลึกมานานแสนนาน นอกจากนี้เขายังสัมผัสได้ถึงพลังเวทมนตร์เล็กน้อย แม้ว่ามันจะแผ่วเบาอย่างยิ่ง

วูฮยอก หยิบขวานออกมาจากกระเป๋าของนักปราชญ์ เขารู้ว่ามันคงไม่ออกมาให้เห็นหากเรียกตามปกติ ดังนั้นเขาจึงแสร้งทำท่าฟาดฟันขวานลงไปอย่างโอ้อวด

“ก๊าาก! หยุดนะ!”

เสียงของหญิงสาวตัวน้อยดังก้องออกมาจากบนกิ่งไม้ ขณะที่ต้นโอ๊กเปล่งพลังงานสีเขียว

วูฮยอก มองขึ้นไปยัง ดรายแอด เธอเป็นสาวงามอย่างแท้จริง ด้วยผมสีเขียวสดใส เธอสวมเพียงใบไม้เท่านั้น ดวงตาสีฟ้าครามเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว

“คุณกรี๊ดอะไรหน่ะ?”

“ถ้านายตัดต้นไม้ต้นนี้ ฉันต้องตายแน่ๆ!”

“คุณเป็น ดรายแอด ใช่ไหม?”

“หยุดแสร้งโง่ซะที ฉันเห็นนายเดินหาฉันซะทั่วป่า”

ดรายแอดชี้มาที่ วูฮยอกด้วยท่าทีกล่าวโทษ วูฮยอกรีบวางขวานในมือลงเพื่อปลอบประโลมเธอ

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายคุณเลย ผมแค่อยากได้ความช่วยเหลือจากคุณ”

“นายขโมยสมบัติที่นี่ไปหมดแล้ว ยังอยากได้อะไรอีก?”

เธอสังเกตเขามาตั้งแต่แรก ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าเขากำลังมองหาอะไรบางอย่างนอกเหนือจากสมบัติ

“แค่นั้นคงไม่เพียงพอที่จะจบเกมนี้ได้ คุณน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่ไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อได้ยินคำถามของ วูฮยอก ดรายแอดก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

‘เขาไม่ใช่แค่คนโลภทั่วๆไปสินะ?’

พอคิดดูอีกที เขาดูเหมือนจะมีความรู้อะไรมากมายสำหรับนักผจญภัยมือใหม่ แม้กระทั่งตอนที่เขาฆ่าเพื่อนร่วมทาง เขาเองก็รู้จักเครื่องหมายสีแดง รวมถึงสมบัติลับด้วย

บางทีเขาอาจจะกลับมาเพราะเควสต์บางอย่าง

“ฉันชื่อ ไลลา นายล่ะ?”

“ชอน วูฮยอก”

“จะให้ช่วยอะไร?”

วูฮยอก ยกแผนที่ชิ้นส่วนขึ้นให้เธอดู

ดวงตาของไลลา เบิกกว้างทันที

“โอ๊ะ แม่เจ้า”

“ความสามารถของคุณเพียงพอที่จะถอดรหัสมันได้ไหม?”

“แน่สิ! นั่นคือหน้าที่ของฉัน”

เธอเตรียมคำตอบแบบคลุมเครือไว้ แต่พอเห็นท่าทีตรงไปตรงมาของเขา โดยการยื่นแผนที่ให้เธอโดยตรง ไลลาจึงตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ประเด็นสำคัญ

“แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำฟรี อย่าได้คิดจะใช้คำขู่ใดๆ นายจะต้องมีของมาแลกเปลี่ยนและทำให้ฉันซาบซึ้งซะก่อน ถึงจะได้ความช่วยเหลือจากฉัน”

แม้ก่อนหน้านี้เธอจะแสร้งอ่อนแอแต่ความจริงแล้ว ไลลาสามารถกระแทก วูฮยอกจนล้มคว่ำลงได้ง่ายๆ เธอมีอำนาจเบ็ดเสร็จภายในเกาะแห่งนี้

ไลลามองลงมาที่ วูฮยอกแล้วไขว่แขนอย่างหยิ่งยโส

‘เธอดูหยิ่งยะโสอยู่เหมือนกัน การพยายามยั่วโมโหเธอน่าจะส่งผลร้าย’

“งั้นผมจะให้ของขวัญที่เหมาะสมกับคุณเป็นการแลกเปลี่ยน”

ตอนแรก วูฮยอกดูเหมือนจะกังวล ขณะที่เขาหยิบขนนกสองสามอันออกมาจากกระเป๋า

เมื่อเห็นขนนกดวงตาของไลลา เปล่งประกายด้วยความมหัศจรรย์ใจ

“ว้าว...มันช่างสวยงามเหลือเกิน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด