บทที่ 23 จินอัน หนึ่งย่างก้าว บัวพริบาน
“ส่งมาสิ!”
"ข้าอยู่ตรงนี้!"
"งงอะไรเล่า?!"
เสียงตะโกนดังอย่างต่อเนื่อง
ตู้มม!
จินอันตบฝาโลงศพอย่างรุนแรงด้วยฝ่ามือของเขา
ฝ่ามือของเขา
ที่เป็นดั่งหินภูเขาไท่
การหามโลงศพที่ไม่มั่นคงแต่เดิมนั้นมีความมั่นคงขึ้นด้วยฝ่ามือของเขา
ในบรรดาผู้คนที่อยู่ตรงนั้น ในเรื่องของความแข็งแกร่ง ไม่มีผู้ชายคนไหนเทียบได้กับจินอัน ที่สามารถยกหินโม่ได้สามร้อยกิโลกรัมด้วยแขนทั้งสองข้าง
หัวมังกร จินอัน เปรียบเสมือนเข็มที่ทำให้ทะเลมั่นคง และนำความเป็นระเบียบมาสู่โลงศพที่สั่นไหว
ในที่สุดก็สามารถหลีกเลี่ยงโลงศพไม่ให้หล่นลงพื้นเป็นครั้งที่ 2 ได้!
"เกิดอะไรขึ้น?"
“มีการเคลื่อนไหวในโลงศพงั้นเรอะ?”
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ พึมพำว่า "นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย ตอนนี้ข้าก็พบหัวมังกรที่มีโชคชะตาที่แข็งแกร่งพอที่จะหามโลงศพได้แล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะมีบางอย่างเกิดขึ้นทันทีกับโลงศพ”
แม้ว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นทันที
ตอนยกโลงศพครั้งแรก จู่ๆ เชือกก็ขาดหลังจากเดินไปได้สักพักทำให้โลงศพก็หล่นลงพื้น
จึงไม่สมเหตุสมผลเลยที่มันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
หรือว่าวิญญาณชั่วร้ายในโลงศพสีขาวโวยวายและปฏิเสธที่จะให้จินอันหามโลงศพ?
ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรกับโลงศพหรือจะหามโลงต่อไปได้หรือไม่ก็ดูได้จากธูปสามดอก...แต่น่าแปลกที่นักพระเฒ่าลัทธิเต๋าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เพราะธูปทั้งสามก็เป็นปกติเผาไหม้ช้าๆ และเรียบร้อย
ไม่มีอะไรผิดปกติเลย
“ดูเหมือนวิญญาณร้ายในโลงศพก็ไม่สร้างปัญหานี่นา?”
นักพรตเฒ่าลัทธิเจ๋าเหงื่อออกเต็มหน้าจนคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงดี ในหัวของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง เพราะประสบการณ์และความรู้ทางวิชาชีพก่อนหน้านี้ก็ไม่สามารถทันกับเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนี้ได้อีกต่อไป
หลังจากได้ยินสิ่งที่นักพรตลัทธิเต๋าพูด คนที่หามโลงศพของตระกูลหลินทั้งห้าก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าแปลกๆ
"มันยังไงเนี่ย?"
สิ่งนี้ทำให้นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าโกรธมากจนรู้สึกเหมือนมีแผลพุพองปรากฏขึ้นที่มุมปาก
หนึ่งในนั้นลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า: "ท่านอาจารย์เฉิน ไม่ใช่ว่ามีอะไรผิดปกติในโลงศพ แต่... เอ่อ เราบังเอิญกระโดดขึ้นไปถึงเอวเมื่อกี้นี้ขอรับ..."
“โลงศพนี้แปลกจริงๆ คราวนี้เบามากเลยขอรับ!”
“ครั้งแรกที่ยกโลงศพขึ้นมามันหนักเกินไปเหมือนข้างในเต็มไปด้วยหินจากภูเขา… ดังนั้นพอยกโลกศพครั้งนี้พี่น้องของเราจึงใช้กำลังทั้งหมดของเราเพื่อยกโลงศพขึ้นมาและผลก็คือ...”..."
“ปรากฏว่าโลงศพครั้งนี้ยดขึ้นได้เฉยเลย… ฮ่าๆๆ มันน่าทึ่งมาก! มันราบรื่นอย่างน่าประหลาดใจและน้ำหนักก็เบาลงมากน่าจะลดลงอย่างน้อยเกือบ 200 ชั่ง ทันใดนั้น พละกำลังก็พุ่งไปที่หัวของข้าจนมาถึงเอวของข้า เลยทำให้โลง ศพเกือบหล่นลงพื้นอย่างโชคไม่ดี!”
"โชคดีที่คราวนี้ต้องขอบคุณ คุณชายจินอัน ที่ทำให้โลงศพทรงตัวได้ทันเวลา!"
ชายคนนั้นพูดแล้วมองไปที่จินอันอย่างซาบซึ่ง
ไม้เบิร์ชมีความมวลมากและไม่สามารถลอยน้ำได้ ฉะนั้นโลงศพที่ทำด้วยไม้เบิร์ชทั้งหมดจะมีน้ำหนักอย่างน้อยมากกว่าหนึ่งพันชั่ง
สำหรับโลงศพที่หนักกว่าน้ำพันชั่ง หากจู่ๆ หายไปสองร้อยกิโลกรัม การเปลี่ยนแปลงก็ชัดเจนอย่างเห็นได้ชัด
แต่คนที่หามโลงศพจากตระกูลหลินมีความคิดเห็นแตกต่างออกไป
"ข้าไม่คิดว่าน้พหนักมันหายไป 200 ชั่งนะ น่าจะบวกเพิ่มไปอีก 150 ถึง 160 ชั่งเลยหล่ะ"
“ให้ตายเถอะ ก็จุดที่เจ้ายินอยู่มันสูงกว่าของข้าไงล่ะ น้ำหนักก็เลยอยู่บนไหล่ของข้า แน่นอนว่าเจ้าก็รับน้ำหนักได้น้อยลง ข้าคิดว่าน้ำหนักของโลงศพลดลงอย่างน้อยสามต้าน”
สามต้ามคือสามร้อยชั่ง
มีคนไม่กี่คนที่ส่งเสียงดังโดยบอกว่ามีโลงศพ 100 ชั่งและโลงศพ 400 ชั่ง จึงสรุปได้ว่าน้ำหนักของโลงศพก็เบาลงจริงๆ นี่คือสิ่งที่ทุกคนได้สัมผัสเป็นการส่วนตัว
จะไม่มันจึงไม่ใช่เรื่องเท็จ
จากความคิดเห็นของหลายๆ คน น้ำหนักน่าจะลดลงไป 200 ถึง 300 ชั่งน่าเชื่อถือที่สุด
เมื่อนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าได้ยินสิ่งนี้ ก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่หัวใจของเขาก็หล่นลงมาในที่สุด คราวนี้เขาพบคนที่ใช่แล้ว ฌชคชะตากรมของจินอันนั้นแข็งแกร่งเกินไป ซึ่งเพียงพอที่จะสยบวิญญาณชั่วร้ายในโลงศพสีขาว
เหมือนได้เจอกับหัวผู้นำตระกูลในที่สุด
เพิ่มความมั่นคงในผู้ติดตาม
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋ากล่าวว่าวิญญาณชั่วร้ายในโลงศพถูสยบและไม่สามารถก่อปัญหาได้ จากนั้นเขาก็ขอให้คนหามโลงศพหกคนรวมทั้งจินอัน ช่วยขนย้ายโลงศพเข้าไปในเทศมณฑลฉาง
เขาจะผูกโลงศพสีขาวอีกครั้งด้วยด้ายหมึกชาด และสวดมนต์พระสูตรเพื่อช่วยปรมาจารย์ผู้ทุกข์ทรมานในโลงศพ
……
……
ในตอนนี้ จินอันไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่านักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าบ่นพึมพำอะไรอยู่ในหูของเขา
เพราะในขณะที่ขนย้ายโลงศพ...
จินอันมีไวต่อความรู้สึกทางจิตวิญญาณมากขึ้นนับตั้งแต่เขาฝึกฝน "คัมภีร์เต๋าอู๋ซัง" ไม่คาดคิดว่าเขาจะมีสัมผัสที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยในเวลาเดียวกันของวิถีแห่งเต๋าผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้งโดยไม่คาดคิด!
เขาตกใจ
คุณธรรมหยินถูกเพิ่มเข้ามาในร่างกายเหรอ?
ตอนแรกฉันรู้สึกใจ จากนั้นก็ดีใจ ไม่คิดเลยว่าคุณธรรมหยินที่พยายามยังก็หาไม่ได้ แต่กลับไดมาโดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย นี่สินะที่เรียกว่า [ตั้งใจปลูกดอกไม้ ไม้กลับไม่ออกดอก , ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับให้ร่มเงา]
ทุกย่างก้าวที่เขาทำขณะหามโลงศพ เขารู้สึกถึงคุณธรรมหยินอันที่กำลังมาหาเขา
คำว่า “บุญคุณอันใหญ่หลวง” ของไอ้เฒ่านักมายากลเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
ความสุขแบบจะนี้เรียกว่าอะไรดีนะ?
พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกจริงหรือ?
งาช้างงอกออกจากปากสุนัขจริงเหรอ?
แม่สุกรเฒ่าปีนต้นไม้ได้เหรอ?
จินอันระงับความปีติยินดีของ "โชคลาภ" นี้ นิ่งไว้ นิ่งไว้ นิ่งไว้ !
อย่าให้มันเกินงามจนเกินไป!
ระวังคนดำแบกโลงศพ!
จินอันสงบอารมณ์ที่ผันผวนอย่างรุนแรงของเขาลง ในขณะที่ยังหามโลงศพต่อไป เขาก็แอบใช้เทคนิคตวรจสอบตนเอง——
“เทคนิคสัมผัสปราญ” ระบุหัวสุนัขของตัวเอง
ก่อนหน้านี้มีคุณธรรมหยิน 158 แต้ม
ตอนนี้จำนวนคุณธรรมหยินเพิ่มขึ้นเป็น 159 แต้ม
จินอันมีความสุขในตอนแรกจากนั้นก็ประหลาดใจและสับสน ทำไมมันถึงเพิ่มคุณธรรมหยินแค่ตัวเดียว?
จินอันพยายามหลายครั้งในการตรวจสอบ
ในที่สุดเขาก็มั่นใจในสิ่งหนึ่ง
มีปราณเกิดจากทิศทางที่ไปสู่ตระกูลหลินและในที่สุดก็กลายเป็นคุณธรรมหยิน แล้วแจกจ่ายให้กับเขาและคนที่หามโลงศพจากตระกูลหลินอีกห้าคน
แม้ว่าจินอันจะยังไม่สามารถหาสาเหตุได้
แต่ควรละเว้นกรรมชั่ว ทำกรรมดี แล้วจะได้ในสิ่งที่ดี...
จินอันไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ได้คุณธรรมหยิน
แต่ทุกสิ่งในโลกสามารถปลูกฝังคุณธรรมหยินได้ และคนหามโลงศพอีกห้าคนก็ได้รับคุณธรรมหยินด้วยเช่นกัน
อาจเป็นเพราะมีตัวหารที่มากทำให้แต้มที่ได้มีน้อยลง ดังนั้นจินอันจึงได้คุณธรรมหยินแค่ 1 แต้ม ในทุกๆ ร้อยก้าวที่เขาหามโลงศพ
จินอันไม่โล�
เขาพอใจกับผลลัพธ์
ที่เพียงแค่เป็นมนุษย์
ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง
ฝนและน้ำค้างเป็นหย่อมๆ
ต้องทำแบบนั้นถึงจะไปได้ไกลกว่าเดิม
หากสมาชิกในตระกูลหลินเหล่านี้ไม่ได้มากับฉัน หรือถ้าคนที่หามโลงศพอีกห้าคนของตระกูลหลิน ไม่ได้หามโลงศพกับฉัน ฉันก็คงเป็นแค่คนเดียว?
เว้นแต่ฉันจะไปที่สุสานเพียงลำพังในตอนกลางคืนแล้แบกศพมาตามลำพังในความมืด... ไม่มีทาง!
จินอันรู้สึกราวกับว่าเขากลายเป็นดอกบัวสีเขียว
เพราะการใช้วลีที่ว่า “ดอกบัวบานทีละขั้น” มาบรรยายคุณธรรมในปัจจุบันของเขาทุกย่างก้าวถือเป็นความสุนทรีย์ทางศิลปะที่ดีที่สุด
……เขาได้เก็บเกี่ยวคุณธรรมหยินจากตระกูลหลินถึงเก้าแต้ม
“น้องชาย เราเข้าไปในเมืองจากประตูตะวันออกของเทศมณฑลฉางกันเถอะ”
“ประตูทิศตะวันออกเป็นระยะทางที่สั้นที่สุดในการเข้าเมือง พวกเราคงจะเหนื่อยหลังจากหามโลงศพเป็นเวลานาน เราควรหลีกเลี่ยงการอ้อมแล้วรีบพักผ่อนโดยเร็วที่สุด”
นักพรตเฒ่าลัทธิเฒ่ามีความเอาใจใส่และคำนึงถึงทุกรายละเอียดมาก
"..."
จินอัน: "เราไม่สามารถผ่านประตูตะวันออกได้"
นักบวชลัทธิเต๋าเฒ่า: "ทำไมรึ"
จินอัน: "ตอนข้าออกจากเมือง ข้าผ่านไปทางประตูตะวันออก แล้วข้าเห็นเกวียนบรรทุกปุ๋ยคอกระเบิดที่นั่น ปุ๋ยคอกเป็นสิ่งที่สกปรกที่สุดและเป็นการซ่อนสิ่งชั่วร้ายได้ง่ายที่สุด ข้ากังวลว่าวิญญานในโลงศพสีขาวจะปะทะความความชั่วร้ายที่นั่นหน่ะสิ”
"?"
"!"
“เหตุใดจึงมีกลิ่นหอมยามค่ำคืนผ่านเมืองในตอนกลางวันล่ะ?”
จินอัน: "..."