บทที่ 22 ภารกิจเสริมสำเร็จ
ฉินจวินแอบจิ๊ปากอย่างไม่สบอารมณ์ในใจ สิ่งที่เฉินซูหลี่พูดล้วนเป็นเหตุการณ์อันถือว่าสำคัญมากพอจะตัดสินคนตระกูลเฉิงที่มักใช้อำนาจกดขี่ตระกูลทั้งเก้าและคาดว่ายังมีอีกหลายชีวิตที่ยังไม่ถูกพูดถึง
ความรู้สึกผิดที่เขามีในตอนนั้นหายสิ้น เหลือเพียงความไม่พอใจที่คิดผิดหลังปล่อยคนตระกูลนี้ไป
เขาไม่ควรเมตตา ไม่ควรปล่อยใครในตระกูลทุจริตนี้ไปสักคน!
“ตูม! ตูม!”
จู่ๆ เสียงระเบิดอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นเบื้องหลังฉินจวิน เกิดคลื่นกระเทือนไหวที่ทรงพลังส่งผลทำให้มีลมพัดแรงราวพายุคลั่ง จนเสื้อผ้าของฉินจวินส่งเสียงดังเสียดสีแล้วผู้คนต่างล้มกลิ้งไปกับพื้น
ฉินจวินมองย้อนกลับด้านหลังแล้วเห็นกลุ่มควันก่อตัวเป็นเมฆรูปเห็ดขนาดใหญ่ลอยขึ้นจากจวนตระกูลเฉิง ฝุ่นหมุนวนไปในอากาศราวกับมังกรยาว เศษไม้และเสาอาคารปลิวไปบนท้องฟ้า ฉากนี้งดงามราวกับสถานที่นี้ถูกระเบิดลงนับลูกไม่ถ้วน
จวนและอาคารทั้งหมดภายในตระกูลเฉิงถูกทำลายจนไม่เหลือซากและเค้าโครงเดิมที่เคยงดงาม
ภาพนี้ราวกับปาฏิหาริย์ที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง แม้แต่เฉินจ้านเจี้ยนและคนอื่นๆ เช่นกัน
“ดู! มีเทพเซียนลงมายังโลกแล้ว”
คนหนึ่งในกลุ่มฝูงชนตะโกนขึ้น ทำให้ผู้คนต่างเงยหน้ามองไปตามเสียงก่อนเห็นต้าจี๋เหินลอยลงมาราวกับเทพธิดาบนสวรรค์โดยมีฝุ่นเป็นฉากหลังสุดแสนอลังกับเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนที่คอยติดตามนางอยู่บนความว่างเปล่า ภาพงดงามมากจนแม้แต่ฉินจวินยังประทับใจ {♥ﭛ♥}
รูปร่างหน้าตาและการแต่งตัวของนางก็ดูเหมือนเทพธิดาจริงๆ นั้นแหละ
“เจ้าหมาดำตัวนั้น...” เฉินซูหลี่ตัวสั่นเมื่อได้เห็นเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียน สุนัขที่บินได้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
ดูเหมือนเขาจะประเมินท่านฉินต่ำไป…
ภายใต้สีหน้าตกตะลึงของผู้คนหลายร้อย ต้าจี๋กับเจ้าสุนัขเสี้ยวเทียนก็ร่อนลงมายืนข้างฉินจวิน นางยิ้มด้วยความงดงามตระการตาพร้อมเอ่ยขึ้น “นายน้อย ข้าทำลายจวนตระกูลเฉิงแล้วเจ้าค่ะ”
“ติ๊ง! ภารกิจเสริมสำเร็จ กำจัดรากเหง้าและทำลายตระกูลเฉิง รับสองพันคะแนนประสบการณ์ และโอกาสสืบทอดทักษะ”
ในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์!
ฉินจวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้เขาจะไม่ได้อัปเกรดแต่อย่างน้อยก็มีโอกาสได้รับการสืบทอดทักษะที่สามารถนำมาใช้ต่อสู้ในภายภาคหน้าได้
หลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วฉินจวินก็ยิ้มให้เฉินจ้านเจี้ยนก่อนเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ งั้นข้าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของท่านเจ้าเมืองเพื่อจัดการเรื่องที่เหลือทั้งหมด ข้ายังต้องเดินทางต่อ ดังนั้นจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
หลังพูดจบเขาก็ขยิบตาให้ต้าจี๋และคนอื่นๆ กลุ่มคนทั้งห้ามุ่งหน้าไปยังประตูเมือง ไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหนผู้คนก็ต่างพากันตะลึง
ยิ่งพอได้มองดูจำนวนของกลุ่มคนที่กำลังจะจากไป เฉินจ้านเจี้ยนก็ถึงกับถอนหายใจอย่างน่าใจหาย “องค์ชายสามผู้นี้ไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่ข่าวลือพูดกัน ดูเหมือนน้ำในวังจะลึกล้ำกว่าที่เราคิดไว้ …”
“เขาต้องชนะ” เฉินซูหลี่กล่าวอย่างมั่นใจ น้ำเสียงที่มาดมั่นหยุดไปชั่วครู่ก่อนเขาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “เพราะยังมีข้าอยู่!”
แม้เขาจะไม่ได้อธิบายอะไรมาก แต่เฉินจ้านเจี้ยนก็พอเข้าใจสิ่งที่บุตรชายหมายถึง
เฉินซิ่งเกาหัวแกรกๆ ด้วยความมึนงงแล้วถาม “จะชนะได้อย่างไร องค์ชายสามคนนี้แข็งแกร่งมาก ขนาดข้าที่อยู่ในอาณาจักรกลั่นลมปราณระดับเจ็ด ยังรู้สึกได้เลยว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
เฉินจ้านเจี้ยนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย ถึงลูกชายคนโตของเขาจะมีพรสวรรค์ในการกลั่นลมปราณที่ดีมาก แต่วิสัยทัศน์ในความฉลาดและปราดเปรื่องกลับอ่อนด้อยเสียนี่
“น้อมส่งองค์ชายสาม ขอบคุณที่ช่วยขจัดความเดือดร้อนให้แก่ปวงประชา!”
ชายร่างใหญ่ในหมู่ฝูงชนตะโกนขึ้นเสียงดัง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของตระกูลเฉิง
ประโยคนี้กระตุ้นอารมณ์ผู้อื่นทันที พวกเขากล่าวคำอำลาฉินจวินเสียงดังและบางคนก็ถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยซาบซึ้งใจ
เชิงอรรถ
* 打落水狗 (dǎ luò shuǐ gǒu) ตีสุนัขตกน้ำ อุปมาว่า กระหน่ำซ้ำเติมคนเลวที่ตกที่นั่งลำบากหรือพ่ายแพ้ ไม่ให้ฟื้นตัวได้อีก