ตอนที่ 30 วิหารเทพเจ้าแห่งท้องทะเล (4)
“อะไรนะ? ต้นไม้หายไปเหรอ?”
อลิซ หญิงสาวผมสีบลอนด์ทอง รวบเก็บไว้ด้วยเปียอันเรียบง่าย
หันกลับกวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว ท่อนไม้เถ้าสีน้ำตาลที่ใช้เป็นไม้เท้า ถูกกำไว้แน่นในมือ ชุดเกราะหนังเก่าๆที่สวมใส่ ไร้ซึ่งความสะดวกสบายในโลกแปลกใบนี้
แต่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เธอมี
สมาชิกกลุ่มของเธอ ซึ่งเป็นผู้ร่วมทางคนอื่นๆที่เพิ่งได้พบเจอหลังจากมาถึงดินแดนอันโหดร้ายแห่งนี้ ต่างก็ส่ายหัวด้วยความสับสนเช่นเดียวกัน
อลิซ ขมวดคิ้ว ‘มันอาจจะเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า?’
เธอคิด อาณาจักรที่พวกเขาถูกพามาอยู่อย่างไม่รู้ตัวแห่งนี้ ท้าทายทุกตรรกะ
ที่นี่ งูสามารถเลื้อยหนีไปได้แม้ถูกแทง และกิ้งก่าพ่นไฟโผล่ออกมาจากรอยแยกบนหินที่ดูเหมือนจะไม่เป็นอันตราย
ความทรงจำของการเผชิญหน้าเหล่านั้น ส่งคลื่นสั่นสะเทือนไปตามสันหลังของเธอ
คลื่นแห่งความโหยหาซัดสาดเข้าใส่เธอ หมดเวลาแล้วสำหรับวันที่เธอเช็ดเหงื่อจากการทำงานหนักที่บาร์ด้วยการอาบน้ำเย็น
หรือการจมดิ่งลงไปบนที่นอนอันแสนสบายของเธอ
ที่นี่ การเอาชีวิตรอดคือการต่อสู้ไม่หยุดหย่อน แม้กระทั่งสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานที่สุด ก็ยังรู้สึกเหมือนเป็นเพียงแค่ความหรูหราที่อยู่ไกลโพ้น
“ป่าแห่งนี้”
เสียงห้าวของชายร่างใหญ่ข้างกายเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบสงบอันครุ่นคิด
“ไม่ใช่เรื่องตลก เราไม่สามารถละเลยยามได้แม้แต่นาทีเดียว มันไม่ใช่แค่ต้นไม้หายไป พวกสัตว์ประหลาด ทุกสิ่งที่นี่ล้วนดูเหมือนเป็นภัยคุกคาม”
ชายชราผมสีดอกเลา หน้าตาคล้ายหมีกรรโชก กล่าวเห็นด้วย
“แกพูดถูก กริม แม้แต่โคคาทริซ (สัตว์ประหลาดมีหัวเป็นงู ลำตัวเป็นไก่) ที่เราต่อสู้กันที่ทะเลสาบ ยังไม่เลวร้ายขนาดนี้ จำได้ไหมว่า น้ำลายกรดของมันสามารถละลายเกล็ดของพวกสัตว์เลื้อยคลานประหลาดเหล่านั้นได้ทันที ตอนนี้ ลองนึกภาพดูสิ ว่าถ้าเรามีกองทัพของพวกมันอยู่เคียงข้าง เราสามารถเบิกทางผ่านป่าบ้าๆบอๆ นี่ได้เลย”
โคคาทริซ พวกมันเป็นนักล่าตามธรรมชาติของเหล่าเซอร์เพนท์ น้ำลายอันเป็นกรดของมันกัดกร่อนเกล็ดของงูประหลาดเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
แน่นอน อยู่ที่ทะเลสาบขนาดใหญ่เช่นนี้ ยุทธวิธีนั้นคงเป็นไปไม่ได้
เสียงหัวเราะเบาๆ เล็ดลอดออกมาจากหญิงสาวผมแดงเพลิง
“แล้วคุณคิดจะจับสัตว์พวกนั้นเป็นๆ สักตัวได้ยังไง? ไม่ต้องพูดถึงการลากมันมาที่นี่บนเรือที่เหมือนจะจมน้ำได้ทุกเมื่อนั่นอีกเหรอ คุณลืมไปแล้วหรือว่าพวกเราเกือบจะกลายเป็นอาหารว่างของงูระหว่างทางมาที่นี่?”
โชคดีที่พวกเขาสามารถหาเรือรบลำหนึ่งและซ่อมแซมมันได้ แมวน้ำประหลาดและอินทรีสามเล็บนั้นสร้างปัญหาพอสมควร
และถ้าใครพลัดตกน้ำ ฉลามที่วนเวียนอยู่รอบเรือก็จะเป็นประกันได้เลยว่าคุณจะไม่มีวันได้เห็นพวกเขาอีก
“พวกเรายังต้องคิดถึงคู่แข่งด้วยนะ โชคดีที่พวกเราไปถึงก่อนและไม่ต้องต่อสู้กับคนอื่นเพื่อแย่งชิงเรือลำนี้ ไม่งั้นคงมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้”
“หยุดพล่ามกันได้แล้ว! เอาชนะพวกมันก่อน สัตว์พวกนี้มีพิษด้วย ระวังตัว!”
คำพูดของเอ็ดเวิร์ดทำให้ทุกคนเงียบเสียงลง อลิซเดินเข้ามาและโอบแขนเขา
สำหรับเธอ เอ็ดเวิร์ดคือคนรักที่อบอุ่นและเป็นที่พึ่งพิงเพียงหนึ่งเดียวภายในดินแดนอันเลวร้ายแห่งนี้
เขาช่วยเธอไว้จากเงื้อมมือของพวกชั่วช้า ป้องกันไม่ให้พวกมันข่มขืนเธอ และเขายังเป็นผู้นำที่แท้จริงที่พาพวกเขามาถึงจุดนี้ได้
เธอรู้ว่าตัวเองจะทำทุกอย่างเพื่อเขา
เขามีความสามารถและรูปร่างหน้าตาดี เป็นผู้ชายในฝันของเธอ
ชู่วววววว
ขณะที่เหล่า “งูดาว” เลื้อยเข้ามาจากทุกทิศทาง
เหล่าสมาชิกในปาร์ตี้ต่างเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ พวกเขาถือไม้เท้าแทนที่จะเป็นดาบ เพราะพวกเขาค้นพบว่าการโจมตีด้วยของแข็งนั้นได้ผลดีกว่า
ปั๊วะ ปั๊วะ
เสียงอันน่าเบื่อหน่ายดังก้องไปทั่วป่า เมื่อกำจัดเหล่าสัตว์เลื้อยคลานได้หมด
ชายหนุ่มจึงส่งสัญญาณให้เดินหน้าต่อไป
“ขอโทษนะเอ็ดเวิร์ด ฉันคอยทำให้คุณช้าเสมอ” อลิซเอ่ยเสียงอ่อน
“อย่าพูดแบบนั้นเลย อลิซ เธอเป็นส่วนสำคัญของทีม” เอ็ดเวิร์ดตอบ น้ำเสียงอ่อนโยน
เวทมนตร์ของอลิซไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่อต่อสู้กับ “งูดาว”
หัวใจของเธออุ่นขึ้นด้วยความคิดถึง
การปกป้องของเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เธอจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ เขาก็ไม่เคยดุว่าเธอเลย
“เราใกล้ถึงใจกลางเกาะรึยัง?”
“น่าจะใกล้แล้วละ เราเลือกเส้นทางที่ตรงที่สุด” เอ็ดเวิร์ดตอบ
เกาะแห่งนี้ มีชื่อว่า “พาราไดซ์ที่สาบสูญ”
มีสมบัติที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้แห่งสวรรค์และต้นไม้แห่งชีวิตอย่างแน่นอน กลุ่มของอลิซต่างเร่งฝีเท้า ขณะที่พวกเขาคิดถึงรางวัลที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
เมื่อมาถึง “ต้นไม้แห่งสวรรค์” พวกเขาต้องตกตะลึงกับขนาดอันมหึมาของ “ราชินีงูดาว” แค่คิดว่าจะต้องเผชิญหน้ากับมัน ก็ทำให้หลายคนรู้สึกสิ้นหวัง
“เอาล่ะ พวกเราลองล่ามันดู จะต้องมีวิธีอะไรสักทาง”
เอ็ดเวิร์ดลดเสียงลง มือของเขาถือเห็ดผีสีซีดเอาไว้
“มันตายแล้ว!”
“โอ้ ว้าว!”
กลุ่มของอลิซเฝ้ามองร่างของ “ราชินีงูดาว” ล้มลงบนพื้น ดึงดูดให้สมาชิกคนหนึ่งเดินเข้าไปเตะซากนั้น
“ไอ้สัตว์เลื้อยคลานเอ๊ย!”
นั่นคือเสียงของดักลาส ผู้ชายที่เคยทำงานเป็นนักวิเคราะห์ในบริษัทหลักทรัพย์ยักษ์ใหญ่บนวอลล์สตรีท
เขาเคยทำเงินได้มากมาย ด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างหยิ่งยโส เขามักจะเป็นสาเหตุของความขัดแย้งภายในกลุ่ม
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอลิซไม่ค่อยชอบเขาสักเท่าไหร่
“ดีนะที่พวกเราสูญเสียสมาชิกไม่มาก ลองไปดูรางวัลกันไหม?”
เอ็ดเวิร์ดวางมือบนรูนแกะสลักบน “ต้นไม้แห่งสวรรค์” ห้องลับปรากฎขึ้น
พวกเขาทั้งหมดรีบเข้าไปสำรวจรอบๆ มีอุปกรณ์มากมายจัดเก็บอยู่บนแท่นบูชา
“ใจเย็นๆ พวกเราค่อยๆดู ต้องมีไอเท็มพิเศษอะไรสักอย่าง”
เอ็ดเวิร์ดเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ขณะที่เขาถือ กุญแจทองคำไว้ในมือ
“ไม่ต้องกังวล ไม่มีใครมาถึงก่อนพวกเราได้หรอก”
“แน่นอน นอกจากว่าคนๆนั้นจะเป็นเทพ...”
เอ็ดเวิร์ดไม่สามารถพูดต่อได้ เมื่อทวนสามง่ามเล่มหนึ่ง พุ่งทะลุเข้าที่ท้องของเขาจากด้านหลัง
“เอ็ดเวิร์ด!” เสียงกรี๊ดของอลิซดังขึ้น
“รีบมัดตัวเธอไว้!”
ดักลาส ผู้ที่มีสัญลักษณ์สีแดงเหนือศีรษะ
ตอนนี้ชี้ไปที่อลิซ สมาชิกคนหนึ่งในกลุ่มต่อยหมัดใส่เธอเต็มแรง
ปั๊วะ
เลือดไหลกลบปาก อลิซทรุดลงกับพื้น
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใช้เชือกมัดเธอไว้แน่น
แสงสลัวสาดส่องลงบนใบหน้าของอลิซน้ำตาไหลรินอาบแก้ม ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น ร่างกายของเธอสั่นเทาด้วยความสิ้นหวัง
“ทำไม…” เสียงของเธอแหบพร่า แทบจะกลืนหายไปกับความเงียบงัน “ทำไมถึงทำแบบนี้…”
ดักลาส ชายหนุ่มผู้ทะเยอทะยาน ยืนอยู่เหนือร่างของเธอ ใบหน้าของเขาดูเย็นชา ไร้ซึ่งความปราณี
“ก็เพราะเอ็ดเวิร์ดมันอ่อนแอไง ไอ้คนแบบนั้นมันไม่มีทางอยู่รอดในโลกนี้ได้ สมบัติเหล่านี้… มันควรจะเป็นของฉัน… ของคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น!”
เขาคำรามด้วยความโกรธแค้น ดวงตาของเขาฉายแววความโล�
สมาชิกทุกคนในกลุ่มหันไปสนับสนุนดักลาส
เสียงสะอื้นของอลิซดังเป็นระยะๆ เส้นผมของเธอกระเซิงราวกับพายุเพิ่งโถมกระหน่ำผ่าน
“ฉันน่าจะโน้มน้าวให้เขาฆ่าแกตั้งแต่ตอนนั้น”
เสียงแหบพร่าของอลิซเอ่ยขึ้น
“แกไม่มีทางทำได้หรอก เพราะฉันทำตัวให้เป็นประโยชน์เสมอ”
ดักลาสตอบพลางเก็บกุญแจทองคำที่พื้นขึ้นมา เขามุ่งตรงไปยังหีบสมบัติ หัวใจเต้นระรัวด้วยความคาดหวังอันสูงลิ่ว
[ยาอวยพรพาราไดซ์]
ประเภท: ของใช้
ผล: เพิ่มค่าสถานะทั้งหมด +15
‘อะไรนะ? จริงเหรอเนี่ย?’
การเพิ่มค่าสถานะทั้งหมด 15 แต้ม ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
แต่ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลกับความโหดร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญมา
“น่าเสียดายที่เขาตายไปแล้ว ถ้ารู้ว่าสมบัติจะน่าสมเพชขนาดนี้ ฉันคงใช้ประโยชน์จากเขานานกว่านี้อีกหน่อย”
แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงก็คือ เอ็ดเวิร์ดเป็นผู้นำที่มีความสามารถ
เขาเป็นคนนำกลุ่มที่สามารถพิชิตบอสตัวแรกได้สำเร็จ
“ฉันรู้สึกหดหู่จัง เลยอยากหาอะไรดึงอารมณ์หน่อย”
“จะดื่มมันตรงนี้เหรอ?”
“เอาน่ะ ข้างนอกก็เต็มไปด้วยงูอยู่ดี เราออกไปดื่มไม่ได้หรอก”
อลิซสั่นเทาด้วยความโกรธแค้น ขณะแอบได้ยินบทสนทนาของเหล่าชายชั่วช้า
ความโกรธนั้นมุ่งเป้าไปที่เอ็ดเวิร์ดผู้เป็นที่รัก ผู้ถูกสังหารโดยสมาชิกกลุ่มของเขาเอง บุคคลที่เขาไว้ใจมาตลอด มากกว่าความกลัวการถูกล่วงละเมิดโดยพวกมัน
‘เบื่อหน่ายโลกเฮงซวยนี้เหลือเกิน’
โลกแบบนี้ไม่ควรมีอยู่ตั้งแต่แรก
อยากฆ่า
อยากเหยียบย่ำทุกสิ่ง
ความปรารถนาอันรุนแรงเหล่านี้เริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเธอ
“กูอยากลิ้มลองรสชาติของมึงมานานแล้ว สวยซะขนาดนี้ ขอแดกสักทีคงฟินน่าดู”
ปู้!
อลิซถ่มน้ำลายใส่หน้าดักลาส
ทำให้เขาเดือดดาล ชักดาบปลายคมของกริชประชิดคอของเธอ
“ระวังคำพูดหน่อยนะ ไม่อยากเจอแฟนหนุ่มตัวน้อยของมึงเร็วเกินไปหรอกเหรอ?”
“...”
อลิซกลืนก้อนคำสาปแช่งไว้ในลำคอ
ตอนนี้เธอต้องอดทนเงียบๆ เพื่อรอเวลาแก้แค้น
“เหี้ยเอ๊ย กูหมดอารมณ์ซะแล้ว งั้นมึงเก็บของเสร็จแล้ว พวกกูจะออกไปหาอะไรกินกัน”
“คืนนี้นอนที่นี่มั้ย?”
“อืม ข้างนอกมันอันตราย”
อลิซสะอื้นเบาๆ ปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม
‘ขอแค่ฉันมีพลัง แค่ไหนก็ได้…’
เธอจะกวาดล้างพวกผู้ชายชั่วช้า ไร้หัวใจพวกนี้ให้หมดสิ้น
เมื่ออลิซกำลังสาปแช่งความอ่อนแอของตัวเอง
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากที่ใดที่หนึ่ง
“เจ้าต้องการพลัง…หรือไม่?”
“ใคร? ใครนั่น?”
อลิซผงะเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง เบื้องหน้าเธอปรากฏร่างของหญิงงาม ผมยาวสีเงิน สวมชุดหนังรัดรูปสีดำ
“เรียกฉันว่า ลิลิธ หรือนางมารผมเงิน… แต่ยังไงมันก็คงไม่มีความหมายกับเจ้าหรอก” ลิลิธย่อตัวลงจนระดับสายตาเดียวกับอลิซ ดวงตาสีทับทิมเข้มของเธอมองสำรวจเข้าไปภายในจิตใจของอลิซ
“ข้าชอบผู้หญิงสวยอย่างเจ้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ดังนั้น ข้าจะให้โอกาสเจ้า คลาสซ่อนเร้น… ราชินีแห่งหนาม”
ไลลา ผู้นำคนก่อนของพาราไดซ์ที่สาบสูญ ไม่มีตัวตนแล้ว
เพราะฉะนั้น ลิลิธ จึงสามารถแทรกแซงเข้ามาได้
อลิซยื่นมือออกไปคว้ามือที่ลิลิธยื่นมาหาเธอ
“เจ้าจะกลายเป็นเหมือนหงส์ดำ ผู้เบิกทางแห่งโชคชะตาอันเลวร้าย เกิดใหม่เป็นมารดาของเผ่าพันธุ์ใหม่ เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก อาจจะเหมาะกับเจ้ามากกว่าราชินีเลือด เสียอีก”
ดวงตาของอลิซเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือด ขณะที่ปีกแหลมคมเหมือนหนาม งอกออกมาจากหลังของเธอ