ตอนที่แล้วตอนที่ 113 ภารกิจเสร็จสิ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 115 โลกใบเล็ก โลกใบใหญ่

ตอนที่ 114 กฎของโลก (ฟรี)


ตอนที่ 114 กฎของโลก

หลังผ่านไปประมาณหนึ่งวัน

กู่ซิ่วก็จับกุมผู้ฝึกฝนปีศาจ และมารอมตะได้หลายพันคน เมื่อมีมากเกินไป ซูหยางจึงบอกให้หยุดจับเป็น คนที่เหลือที่พบหลังจากนี้ให้กู่ซิ่วสังหารไปให้หมด

เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผู้ฝึกฝนปีศาจ และมารอมตะที่ถูกจับตามองเอาไว้โดยเต๋าสวรรค์ก็ถูกจับกุม หรือถูกสังหาร

จากนั้น กู่ซิ่วจึงหยุด และไปหาซูหยางเพื่อรายงาน

เมื่อหยุดแกว่งดาบ ซูหยางก็มองไปแผงคุณสมบัติ

[ เจตจำนงดาบ : ระดับ 75 ( 1322 / 75000 ) ]

เจตจำนงดาบเพิ่มขึ้น 5 ระดับ และความแข็งแกร่งของเขาก็สูงขึ้น

ในเวลาเดียวกัน เขายังมองไปที่ส่วนของภารกิจด้วย

ภารกิจเกี่ยวกับผู้ฝึกฝนปีศาจ และมารอมตะยังไม่เสร็จสิ้น

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในโลกนี้ยังมีผู้ฝึกฝนปีศาจ และมารอมตะเหลือมากกว่าเกณฑ์ที่ภารกิจตั้งเอาไว้

[ภารกิจ : กบฏมารอมตะ ]

[ ระดับ : 44 ]

[ ความต้องการ : สังหารมารอมตะในโลกนี้ให้ถึงแปดในสิบ ]

[ รางวัล : เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต 10,000 - 45,000 ]

[ภารกิจ : กบฏผู้ฝึกฝนปีศาจ ]

[ ระดับ : 87 ]

[ ความต้องการ : สังหารผู้ฝึกฝนปีศาจในโลกนี้ให้ถึงแปดในสิบ ]

[ รางวัล : เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต 200,000 - 370,000 ]

ข้อกำหนดของภารกิจทั้งสองนี้คือ การสังหารผู้ฝึกฝนปีศาจ และมารอมตะให้มากกว่าแปดในสิบ

ตอนนี้ที่ไม่อาจบรรลุเป้าหมายได้ก็อาจเป็นเต๋าสวรรค์ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะค้นหาได้ครบทุกคน

“เต๋าสวรรค์ ความแข็งแกร่งของเจ้ายังไม่มากพอที่จะค้นหาพวกเขาทั้งหมดเหรอ?”

“มันไม่เกี่ยวกับความแข็งแกร่ง การคัดกรองในตอนนี้มาถึงระดับปรมาจารย์แล้ว ยิ่งต่ำมากเท่าใดก็ยิ่งค้นหาได้ยาก มีข้อมูลที่จำเป็นต้องวิเคราะห์มากยิ่งขึ้น หากไม่ใช้ต้นกำเนิด คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราคงต้องไปจัดการเรื่องอื่นก่อน”

แม้เขาจะไม่ค่อยพอใจกับคำอธิบายนัก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตามความคิดของเขาก่อนหน้านี้ เต๋าสวรรค์คือ ผู้รอบรู้ และทรงอำนาจที่สุดในโลกของตัวเอง

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

ตราบใดที่มีต้นกำเนิดเพียงพอ เต๋าสวรรค์ก็จะเป็นผู้รอบรู้ และทรงอำนาจอย่างแท้จริง

แต่ถ้าไม่มีตัวช่วยนั้น เมื่อโลกอ่อนแอ เต๋าสวรรค์ก็จะอ่อนแอตามไปด้วย

ไม่แปลกใจเลยที่เต๋าสวรรค์จะไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องต่างๆ ในโลก

ผู้คนในโลกสามารถทำทุกอย่างได้ตามต้องการ ตราบใดที่มันไม่เป็นอันตรายต่อโลก เต๋าสวรรค์ก็จะไม่สนใจ

สิ่งที่เต๋าสวรรค์ต้องการคือ การสะสมพลัง และยกระดับโลก ทำโลกให้มั่นคงเพื่อจะได้ไม่ถูกทำลาย

เมื่อมีผู้ที่ต้องการทำลายโลก เต๋าสวรรค์จึงจะปรากฏตัวเพื่อสังหารคนๆ นั้น

“ไปที่มณฑลเฮยหลินกันก่อน”

ขณะนี้มีผู้ฝึกฝนปีศาจ และมารอมตะหลายพันคนอยู่ในเรือเหาะ เพียงพอที่จะเริ่มการสำรวจ

เรือเหาะหันกลับ และมุ่งหน้าไปยังมณฑลเฮยหลิน

มณฑลเฮยหลิน รอยแยกมิติ

ซูหยางประทับตราทาสดาบกับผู้ฝึกฝนปีศาจ และมารอมตะบนเรือเหาะ

ในขณะเดียวกันก็ใช้เนตรสอดแนมด้วย

เมื่อพวกเขาไปถึงอีกฝั่ง ซูหยางก็จะได้เห็นสถานการณ์ในอีกด้านหนึ่ง

เขาเริ่มควบคุมทาสดาบคนหนึ่ง และให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปหารอยแยกมิติ

ไม่นาน ร่างนั้นก็หายไปในรอยแยก

ในเวลาเดียวกัน ซูหยางก็เปิดใช้เนตรสอดแนมเพื่อตรวจสอบสถานการณ์

หลังจากเข้าสู่รอยแยกมิติ จะไม่ได้ไปถึงอีกโลกหนึ่งโดยตรง

ก่อนอื่นต้องเดินผ่านเส้นทางโลก

เส้นทางนี้ค่อนข้างมืด และเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

ทาสดาบคนนี้เป็นจอมยุทธ์ และความเร็วของเขาก็ค่อนข้างดี หลังจากผ่านไปประมาณ 10 นาที ก็พบเจอบางอย่าง

เขาไม่ได้ไปถึงอีกโลกหนึ่ง

แต่เขากลับได้พบกับวิญญาณมารที่อยู่ในเส้นทางโลก

วิญญาณมารตนนี้ทรงพลังมาก ทาสดาบก็ถูกสังหารในเวลาสั้นๆ

โชคดีที่เนตรสอดแนมไม่ได้รับผลกระทบจากการตายของทาสดาบ และยังคงมองเห็นสถานการณ์โดยรอบได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง

เมื่อมองไปข้างหน้า ยังคงมีวิญญาณมารอยู่มากมาย

ดูเหมือนว่าถ้าต้องการไปถึงอีกโลกหนึ่ง ต้องจัดการกับวิญญาณมารเหล่านี้เสียก่อน

ซูหยางจึงส่งทาสดาบออกไปอีกคนหนึ่ง

คราวนี้เขาได้สลักเจตจำนงดาบลงในตัวของอีกฝ่ายด้วย

ด้วยเจตจำนงดาบ และวิชาดาบที่มี หลังจากได้เห็นวิญญาณมารแล้ว เขาสามารถวิเคราะห์ถึงสิ่งที่วิญญาณมารกลัวได้ และสร้างเจตจำนงดาบที่มีคุณลักษณะเฉพาะขึ้นมาเพื่อใช้ในการสังหาร

ทาสดาบคนที่สองเดินเข้าไปในรอยแยกมิติภายใต้การควบคุมของซูหยาง

ไม่นาน เขาก็มาถึงจุดที่ทาสดาบคนแรกเสียชีวิต

[ วิญญาณมาร ]

[ ระดับ ( ต้องห้าม ) : 43 ]

หลังจากเห็นวิญญาณมารตนเดิม เจตจำนงดาบก็พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว

วิญญาณมารตนนั้นก็ล้มลง และสลายไป

วิญญาณมารตนนี้แข็งแกร่งมาก และเทียบได้กับเซียนยุทธขั้นต้น น่าเสียดายที่ศัตรูของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่า

ทาสดาบก้าวไปข้างหน้า

วิญญาณมารที่ขวางทางถูกกวาดล้างมากขึ้นเรื่อยๆ

เส้นทางเบื้องหน้าราบเรียบ ไม่มีอะไรที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นอีก

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดก็ก้าวข้ามเส้นทางโลก และเข้าสู่โลกที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

จากมุมมองของทาสดาบ

มันเป็นโลกที่ปกคลุมไปด้วยความมืด

โลกทั้งใบมืดมนไม่มีแสงสว่างเลย

เป็นการยากที่จะบอกความแตกต่างระหว่างกลางวัน และกลางคืน หรืออีกนัยหนึ่ง โลกทั้งใบมีเพียงสีโทนเดียว

เมื่อก้าวเข้าสู่โลกใหม่ เขาถูกล้อมรอบด้วยสภาพแวดล้อมที่ไร้ชีวิตชีวา

หลังจากการสังเกตอย่างรอบคอบ ยกเว้นสีต่างๆ ของสภาพแวดล้อม มันก็เกือบจะเหมือนกับโลกเดิม และไม่มีความแตกต่างใดๆ

จุดที่รอยแตกมิติเปิดออกดูเหมือนจะอยู่ในเทือกเขา

เมื่อมองแวบแรก รอบๆ ล้วนเป็นต้นไม้

แต่ด้วยการปรากฏตัวของทาสดาบ บางอย่างที่ซุ่มซ่อนอยู่ในโลกนี้ดูเหมือนจะตื่นขึ้นมา

วิญญาณมารที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้น และมาอยู่ตรงหน้าทาสดาบในเวลาสั้นๆ

ระดับ 37 ระดับ 41 ระดับ 55 และระดับ 60!

ในเวลาเพียงชั่วครู่ วิญญาณมารที่ทรงพลังทั้ง 4 ก็ปรากฏตัวขึ้น

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หัวใจของซูหยางก็เต้นรัว

วิญญาณมารที่ทรงพลังเช่นนี้มีอยู่ทั่วไปในโลกนี้งั้นเหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้สึกได้ว่าเจตจำนงดาบที่สลักเอาไว้ถูกระงับ

การปราบปรามระดับนี้ไม่ใช่การปราบปรามแบบกำหนดเป้าหมาย แต่เป็นการปราบปรามที่ส่งผลทั่วทั้งโลกใบนี้

อย่างเช่น ในโลกเดิม เจตจำนงดาบของเขาสามารถตัดภูเขาได้ด้วยดาบเดียว แต่ในโลกนี้ เขาสามารถแยกหินก้อนใหญ่ได้อย่างมากที่สุดเท่านั้น

ไม่มีเวลาคิดมาก ซูหยางควบคุมเจตจำนงดาบ และสังหารวิญญาณมารทั้งสี่

เกี่ยวกับข้อสงสัย ซูหยางได้ลองถามเต๋าสวรรค์

ไม่นาน เขาก็เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ตามที่เขาสงสัย โลกที่แตกต่างกันก็แสดงถึงกฎที่แตกต่างกัน ฐานการบ่มเพาะในระดับเดียวกันเมื่อถูกย้ายไปยังโลกอื่นอาจดูแข็งแกร่งขึ้นหรืออ่อนแอลงเนื่องจากกฎของโลกที่ต่างออกไป

วัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อรักษาความมั่นคงของโลก และป้องกันภัยอันตราย เมื่อผู้บุกรุกปรากฏตัวขึ้น เต๋าสวรรค์จะพยายามสังหารศัตรูก่อนที่จะสร้างความเสียหายใดๆ

กล่าวอีกนัยหนึ่ง โลกที่อยู่อีกด้านอย่างน้อยก็เป็นโลกใบเล็ก และอาจเป็นโลกใบใหญ่เลยด้วยซ้ำ

มันอันตรายไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม หลังจากสังหารวิญญาณมารทั้งสี่แล้วก็ปลอดภัยชั่วคราว

แน่นอนว่าการสำรวจคงไม่ใช่เรื่องง่าย

ซูหยางควบคุมทาสดาบ 500 คน โดยตั้งใจที่จะส่งเข้าไป และเริ่มสำรวจ

อย่างน้อย เขาก็ต้องรู้ว่าโลกใบนี้อันตรายเพียงใด

“เต๋าสวรรค์ เจ้าสามารถคาดเดาระดับของโลกใบนั้นได้หรือไม่?”

“ทำได้ แต่ข้าต้องไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบ”

"ตกลง ไปกันเถอะ"

หลังจากรอสักพัก และยืนยันได้ว่าไม่มีอันตรายร้ายแรงในอีกด้านหนึ่ง ซูหยางวางแผนที่จะไปดูด้วยตัวเอง

ต้องสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะสามารถตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

กู่ซิ่วได้รับคำสั่งให้รอที่นี่ในขณะที่เขาเข้าสู่รอยแตกมิติ

ในไม่ช้า เขาก็ผ่านเส้นทางโลก และเข้าสู่โลกใบใหม่

ทันทีที่เขามาถึง เขาก็สามารถสัมผัสได้ถึงการปราบปรามที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

เจตนาดาบของเขาสามารถครอบคลุมพื้นที่ได้นับแสนลี้ในโลกเดิม

แต่ในโลกนี้มันครอบคลุมได้ประมาณร้อยลี้เท่านั้น เป็นการปราบปรามที่ค่อนข้างรุนแรง

ในเวลาเดียวกัน เต๋าสวรรค์ก็เริ่มวิเคราะห์เกี่ยวกับโลกใบนี้

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด