Chapter 1027 นี่คืออสุรกาย
“ร้ายกาจ!”
“ทั้งสองกำลังวัดพลังกายเนื้อกันอย่างงั้นรึ?!”
“พวกเขาบ่มเพาะกันอย่างไรกัน?”
ยอดฝีมือระดับปฐพีก่อนหน้านี้ ที่เห็นพลังของหลวงจีนและจุนซ่างเซียวปะทะ วัดพลังกายเนื้อกัน รู้สึกด้อยกว่าขึ้นมาทันที.
“ตูมมมม!”
ในเวลานั้น เสียงปะทะกันที่ดังกึกก้องติดต่อกันไม่หยุด.
“กึก ครืนนนนนน!”
หลวงจีนที่ถอยหลังไปสองสามกล่าว เอ่ยด้วยความตกใจ“กายเนื้อของท่านแข็งแกร่งมาก ข้าด้อยกว่าแล้ว!”
จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มออกมา “ฝีมืออันต่ำต้อยกระจิดริด ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงด้วยซ้ำ.”
“......”
ทุกคนที่มุมปากกระตุกไปมาเล็กน้อย.
ทำไมคำพูดถ่อมตัวของเขา ดูช่างโอหังซะมากกว่ากัน?
หากกล่าวถึงนิกายนิรันดร ใครที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งที่สุด?
คนมากมายย่อมต้องคิดถึงเซียวจุ้ยจื่อก่อน ต้องไม่ลืมว่านั่นคือวิถีที่เขาก้าวเดินตรง ๆ.
อย่างไรก็ตาม นั่นก็เพียงแค่ในระดับศิษย์.
หากกล่าวทั้งนิกาย คนที่มีกายเนื้อแข็งแกร่งที่สุดย่อมเป็นราชาสัตว์จื่อหลิน และจุนซ่างเซียวอย่างแน่นอน!
การที่กายาของโกวเซิ่งนั้นแข็งแกร่งน่าเกรงขามเพราะมีส่วนประกอบหลายอย่าง ไม่เพียงแค่เม็ดยาบูรณะร่างกาย ห้องปั้นกล้ามเนื้อและหอเก็บประสบการณ์ ยังเกี่ยวข้องกับกายาห้าธาตุและกายาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ต้องไม่ลืมว่าร่างกายของเขาที่ถูกกลั่นด้วยเพลิงระดับศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์หลายสิบชนิด แม้แต่เมล็ดเพลิงระดับเทวะอีกด้วย!
กายเนื้อของเขาเมื่อครั้งงานประลองผู้นำพยัคฆ์มังกรเคยรับฝ่ามือของคนจากพิภพเบื้องบน และที่พิภพสงครามยังต้านสายฟ้าลงทัณฑ์ของพิภพเบื้องบนได้อีก.
กายาของเขาย่อมแข็งแกร่งอยู่แล้ว ถึงแม้นว่าจะไม่ได้ใช้อุปกรณ์ป้องกันใด ๆ เลยก็ตาม.
ระบบเอ่ย “หลังจากนี้จะไม่เตือนเจ้าโกวเซิ่งอีกแล้ว โดนตบหน้าเข้าอีกแล้ว!”
......
“กึก!”
หลวงจีนคนดังกล่าวที่ก้าวไปด้านหน้า มือที่ผสานพนมเข้าหากันทาบตรงหน้าอก ร่างกายที่ราวกับสวมจีวรปรากฏขึ้นรอบ ๆ ร่างกาย.
“วึ้ง วึ้ง!”
ห้วงมิติที่ส่ายไปมา กลิ่นอายพุทธะที่หมุนวนล้อมรอบราวกับพายุ.
“พุทธมามกะ!”
หลวงจีนที่ตะโกนออกมาเสียงดัง พลังพุทธะอำนาจ ‚卍’ ที่กำลังหมุนวน พร้อมกับร่างกายขยายใหญ่จนมีขนาด 3-5 จั้ง พร้อมเปล่งแสงสีทอง!
“ดูเหมือนว่าจะเป็นท่าไม้ตายรึ?”
“ดูเหมือนว่าจะดูแข็งแกร่งมาก!”
ทุกคนที่กล่าวพูดคุยกันเสียงดัง.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ในเวลานั้นร่างกายสีทองที่ปรากฏแขนเพิ่มฝั่งล่ะสองข้าง จนทำให้ตัวเขามีหกแขน ก่อนที่จะฟาดฝ่ามือกระหน่ำลงมา
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวไปด้านหน้า ร่างกายที่ปรากฏพลังวิญญาณก่อรูปเป็นม่านพลังวิญญาณ ส่องแสงวับวาว รับการโจมตีของอีกฝ่ายโดยไม่หลบแม้แต่น้อย.
“ตูมมมม!”
“ตูมมมม!”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลวงจีนคนดังกล่าวก็หยุดโจมตี ตอนนี้กำลังยืนหอบ ศีรษะที่ล้านเรียบนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อหลั่งออกมาจนเปียกโชก.
เขาที่โจมตีออกไปหลายร้อยกระบวนท่า เพราะว่าเคลื่อนที่ อย่างรวดเร็ว โจมตีอย่างหนัก ทำให้ผลาญพลังกายเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแค่ไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ ตัวเองก็แทบจะหมดแรง.
“ไม่โจมตีอีกแล้วรึ?”
จุนซ่างเซียวที่ยืนนิ่ง กล่าวสอบถามออกมา.
จากสภาพดังกล่าว ราวกับว่าเขานั้นไม่ได้เป็นอะไรแม้แต่น้อย.
หลวงจีนที่เหนื่อยสุด ๆ ได้แต่ร้องคำรามในใจ“นี่มันอสุรกายชัด ๆ!”
“ไม่แล้ว ไม่สู้แล้ว!”
เขาที่โบกมือไปมา ก่อนกระโดดลงเวที.
แน่นอนว่าลงเวที ก็หมายถึงได้พ่ายแพ้แล้ว.
“ไต้ซือ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “โปรดจ่ายศิลาวิญญาณหรือแร่.”
“......”
หลวงจีนคนดังกล่าวมุมปากกระตุก ก่อนที่จะเดินไป นำแร่ออกมามากกว่าร้อยจิน มีมากมายหลายชนิด.
“รับไป.”
“ไม่ต้องทอน.”
นักบวชคนดังกล่าวที่ส่งมอบแร่ออกมา ไม่รับทอนคืน ก่อนลากร่างที่อ่อนแรงจากไป.
จุนซ่างเซียวที่มองแผ่นหลังอีกฝ่ายที่จากไปแล้ว แม้นว่าจะไม่ได้จัดการอีกฝ่าย ทว่าการต่อสู้ครั้งนี้ถือว่าสนุกใช่ย่อย.
ถือเป็นไต่ซือจริง ๆ.
“ทุกท่าน.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า.“การต่อสู้วันนี้จบแค่นี้ พรุ่งนี้สามารถมาท้าสู้อีกได้.”
ไม่ต้องเอ่ยเลยว่า ถึงเขาจะเป็นปราชญ์สองวิถียุทธ์และกระบี่ การต่อสู้กับยอดฝีมือปฐพีหลายสิบคนไม่หยุดพัก ย่อมกินแรงไปไม่น้อยเช่นกัน.
“จบแล้วรึ?”
“ข้าคิดว่าเจ้านิกายจุนคงใกล้หมดแรงแล้ว?”
“มียอดฝีมือระดับปฐพีเป็นร้อยมาเข้าแถวสู้ ถึงจะเป็นยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็รับไม่ไหวหรอก.”
......
เหล่ายอดฝีมือระดับปฐพี ไม่มีใครที่รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด การต่อสู้มากมายหลายคู่ จำเป็นต้องพักเวลาเย็นก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล ดังนั้นจึงไม่ได้ฝืนที่จะสู้แต่อย่างใด.
“พบกันพรุ่งนี้.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือประสานไปด้านหน้า ก่อนที่จะกลับฐานที่มั่น.
เหล่ายอดฝีมือพิภพต่าง ๆ ที่ไม่ยืนขึ้น เพราะกว่ากลัวหากจากไป พรุ่งนี้กลับมา จะถูกเก็บเงินอีกครั้ง!”
“เจ้านิกาย.”
เหล่าติงเอ่ย “คนเหล่านี้ไม่มีใครลุกออกจากที่นั่ง สนามอารีน่าเลย.”
จุนซ่างเซียวหมดคำจะพูดเหมือนกัน “สงสัยพวกเขากลัวว่าจากไปแล้ว ข้าจะเก็บเงินอีกพรุ่งนี้อย่างงั้นรึ?”
......
เช้าวันถัดมา.
เหล่าผู้ชมที่นั่งรออยู่ทั้งคืน.
จุนซ่างเซียวที่บินออกมาจากฐานที่มั่น ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า“การต่อสู้วันที่สองเริ่มตอนนี้.”
เหล่าคนที่ต้องการศิลาวิญญาณต่างก็มากันอย่างพร้อมเพรียง.
“ฟิ้ว!”
ในเวลานั้น ยอดฝีมือระดับปฐพีคนหนึ่งที่บินออกมา ยกมือประสานไปด้านหน้า.“เจ้านิกายจุน ขอคำชี้แนะด้วย.”
“เชิญ!”
“ตูมมมม!”
การต่อสู้ของทั้งสองที่เริ่มขึ้นทันที.
จุนซ่างเซียวที่พักหนึ่งคืน พลังต่อสู้ก็คืนกลับมาเหมือนเดิม.
ผ่านไปราว ๆ หนึ่งคู่ ยอดฝีมือระดับปฐพีที่เทียบได้กับปราชญ์ยุทธ์ขั้นที่สี่ก็พ่ายแพ้ไป.
นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น.
จากนั้น เหล่ายอดฝีมือระดับปฐพี 7-8 คนที่พ่ายแพ้คนแล้วคนเล่า พร้อมกับส่งมอบแร่ออกไป.
“ติ๊ง! ติ๊ง!”
ขณะจุนซ่างเซียวต่อสู้ เสียงแจ้งเตือนจากฟังก์ชันตีเหล็กก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ.
เป็นเสียงของอาวุธเขี้ยวมังกรทั้งสามที่เสร็จแล้ว.
แน่นอน.
เรื่องนี้ โกวเซิ่งไม่ได้เป็นคนทำ เป็นฝีมือเซียวจุ้ยจื่อที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต่างหาก.
เขาเพียงแค่เอาชนะคู่ต่อสู้ และรับทรัพยากรแร่มาเก็บให้อีกฝ่ายหลอม.
หลังจากต่อสู้ไปสองชั่วยาม การต่อสู้ในวันนี้ก็มาถึงบทสรุป.
กฎเกณฑ์เดิม.
พวกเขาที่กลับไปพักในฐานที่มั่น.
เหล่าผู้ชมเอง ดูเหมือนว่าจะนั่งไม่ขยับอยู่เช่นเดิม.
ไม่ปล่อยโอกาสให้จุนซ่างเซียวเก็บเงินเข้าสนามอีกครั้งเลย.
วันที่สาม.
การต่อสู้ในสนามประลองก็เริ่มขึ้นอีก เหล่ายอดฝีมือต่าง ๆ ก็มาท้าทาย แต่ละคนล้วนแต่ล้มเลว ส่งมอบแร่ออกมาคนแล้วคนเล่า.
ระหว่างนี้ อาวุธเขี้ยวมังกรทั้งสาม ได้หลอมขึ้นมาหลายร้อยชิ้นแล้ว ตอนนี้มีแร่อยู่มากมาย สามารถที่จะหลอมอาวุธได้อีกมาก.
ทุก ๆ วันเริ่มมียอดฝีมือเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะชนะ ทว่าก็ต้องใช้พลังไปเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะยอดฝีมือที่เทียบได้กับปราชญ์ยุทธ์ขั้นที่หก เขาต้องใช้อุปกรณ์บางอย่างถึงจะชนะได้.
แน่นอนว่าเขาที่เพิ่งตัดผ่านระดับปราชญ์มา พลังต่อสู้เทียบได้กับยอดฝีมือระดับปฐพีขั้นกลาง การต่อสู้กับยอดฝีมือระดับสูง จำต้องใช้อุปกรณ์ช่วย ถึงจะสามารถชนะมาได้.
“เจ้านิกาย.”
วันที่หก เหล่าติงที่จ้องมองไปยังยอดฝีมือที่เหลืออยู่.“วันนี้คู่ต่อสู้เกือบจะหมดแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “คนที่เหลือค่อนข้างแข็งแกร่ง นอกจากนี้พวกเขาเฝ้ามองข้ามานานแล้ว น่าจะรู้ทางข้าเป็นอย่างดี ต้องการเอาชนะพวกเขาบางทีคงยากเล็กน้อย.”
“ให้ข้าเอง.”
ราชาสัตว์จื่อหลินเอ่ยออกมาเบา ๆ.
หลายวันมานี้ เขาที่เฝ้ามองอยู่ข้าง ๆ รู้สึกคันไม้คันมือต้องการต่อสู้เป็นอย่างมาก.
“รอให้เปิ่นจั้วเอาชนะพวกเขาก่อน พวกเราค่อยสู้กัน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ราชาสัตว์จื่อหลินที่ตกใจ ส่ายหน้าไปมาเอ่ยออกมาว่า“เจ้านิกายไม่ใช่คู่มือของข้า อย่าได้นำความอายมาให้ตัวเองเลย.”
จุนซ่างเซียวที่ยกมือสีจมูก.“มั่นใจอย่างงั้นรึ?”
ขณะที่เขากระโดดขึ้นเวที.
ในเวลานั้น เสียงที่ขึงขังโบราณน่าเกรงขามก็ดังก้องไปทั่วท้องฟ้า “ทวีปหลิงหยวนได้ทำผิดกฎเขตแดนสังหารอาชูร่า จะต้องได้รับการลงโทษ เพื่อไม่ให้คนอื่นกระทำเป็นเยี่ยงอย่าง!”