บทที่ 22 มังกรศักธิ์สิทธิ์! เทพเจ้าคุ้มครองโลก!
เวลาต่อมา
มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่โลงศพสีขาว
โลงศพสีขาวทำพิธีอย่างยิ่งใหญ่
โลงศพมีน้ำหนักเยอะพอมองดูแวบแรก
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าดูเหมือนจะมองเห็นความคิดในดวงตาของจินอัน และริเริ่มที่จะอธิบาย:
“พอดูเนื้อสัมผัสของโลงศพนี้แล้ว น่าจะทำจากไม้เบิร์ช” (ขออนุญาตทับศัพย์)
“ต้นเบิร์ชขึ้นชื่อในเรื่องความแข็งพอๆ กับเหล็ก ส่วนใหญ่จะใช้ในการก่อสร้างพระราชวัง วัด และที่อยู่อาศัยของผู้มั่งคั่ง ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าราชาแห่งไม้และเป็นไม้ที่หายาก”
"เพราะไม้เบิร์ชนั้นหายากและมีราคาแพง ดังนั้นไม้เบิร์ชจึงไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาสามารถซื้อได้"
“ผู้ที่สามารถซื้อไม้เบิร์ชได้นั้น มีแค่ผู้มั่งคั่งหรือผู้มีเกียรติเท่านั้น”
“ดังนั้น หากใครสามารถสร้างโลงศพจากไม้เบิร์ชได้ ตัวตนของคนที่ฝังอยู่ในโลงศพนี้จะต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
“เหตุผลว่าทำไมข้าไม่ปล่อยให้ตระกูลหลินเปิดโลงศพและเผาศพ บดกระดูกแล้วโปรยขี้เถ้า อย่างแรกเลย เรื่องแปลกประหลาดจะเกิดขึ้นกับตระกูลผู้มั่งคั่งและร่ำรวย ข้ากังวลว่า คนที่ถูกฝังอยู่ในโลงศพนี้จะตายไม่ชัดเจนและเป็นวิญญาณชั่วร้ายได้ง่าย อย่างที่สองข้ากังวลว่าหากครอบครัวเจ้าของโลงศพมาหาในสักวันหนึ่ง พวกเขาจะมาที่บ้านตระกูลหลิน ซึ่งอาจจะไม่สามารถต้านทานภัยพิบัติได้…”
หลังจากที่จินอันได้ยินเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไอ้นักมายากลเฒ่าที่อยู่ข้างๆ เขา
แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร และขอให้คนธรรมดาอย่างเขา สวมชุดสีแดงแล้วไปที่สุสานเพื่อแบกศพกลางคืน...
และยังสงสัยว่าเขามีความสามารถจริงหรือไม่
แต่จิตใจของไอ้นักมายากลเฒ่านี่ก็ไม่เลวเลย
ทันใดนั้น !
จินอันก็ทำหน้าตาประหลาดใจ!
เพราะโลงศพสีขาวที่พอเข้ามาเห็นในระยะใกล้ๆ นั้น มีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมายที่เขาไม่เห็นเมื่อเทียบกับที่มองจากระยะไกล
“ทำไมถึงมี... เส้นหมึกอยู่บนโลงศพสีขาวนี้ล่ะ?”
“ท่านทำงั้นเรอะ ท่านนักพรตลัทธิเต๋า?”
เมื่อมีคนอื่นอยู่ด้วย จินอันไม่ได้เรียกนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าว่าไอ้นักมายากลเฒ่า
แม้ว่าจินอันจะไม่เคยเห็นเส้นหมึกนี้มาก่อน แต่เขาก็เคยดูภาพยนตร์เรื่องลุงจิ่วมาแล้ว
ใครรู้จักลุงจิ่วจะรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้หน้าตาเป็นอย่างไร
ดังนั้น จินอันจึงจำลวดลายของเส้นน้ำหมึกได้ในพริบตา
อย่างไรก็ตาม สีของเส้นน้ำหมึกบนผิวของโลงศพสีขาวจางลงไปมาก
ไม่น่าแปลกใจเลยที่จินอันไม่ได้สังเกตเห็นในตอนแรก
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของจินอัน คำตอบของนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าก็ทำให้จินอันประหลาดใจ เพราะจริงๆ แล้วคำตอบนั้นเกี่ยวข้องกับหลวงจีนของศาสนาพุทธ
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าก้มลงแล้วขูดดินที่เปียกชื้นของหลุมโลงศพขาวด้วยเล็บนิ้วก้อยของเขา จากนั้นเขาก็ยื่นให้จินอันดูแล้วถามจินอันว่าเขาเห็นสิ่งนี้มาก่อนหรือไม่
จินอันคิดว่าไอ้นักมายากลเฒ่านี้คงไม่ทำอะไรพิเรนๆ ด้วยการทำสิ่งที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงเข้าไปดูใกล้ๆ แล้วเขาก็พบว่าดินสุสานที่ชื้นนี้แตกต่างออกไป
จินอันรู้สึกประหลาดใจ: "ทำไมถึงมีเม็ดกรวดที่คล้ายกับทองคำในดินหลุมศพนี้ได้ล่ะ"
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าส่ายหัว: "นี่มิใช่ทองธรรมดา และไม่ใช่น้ำหมึกสีชาดที่ลัทธิเต๋าที่ใช้กันทั่วไปด้วย แต่เป็นร่างทองนั่งขัดสมาธิของหลวงจีนที่มีชื่อเสียงที่มรณภาพไปแล้ว"
“คนในพุทธศาสนาให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งและหยาง ความมั่นคง เรียกอีกอย่างว่า วัชระ แห่งพุทธศาสนานิกายมหายาน 'ซึ่งไม่รับเอาวัตถุ 6 ประการ ธรรมทั้งหมด และไม่อาจทำลายได้' น้องชายลองจินตนาการถึงร่างกายสีทองของหลวงจีนผู้มีชื่อเสียงรูปหนึ่งที่มีแสงพุทธอันบริสุทธิ์ที่สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและปราบมารได้สิ”
จินอันเห็นด้วยกับเรื่องนี้
พระพุทธเจ้า: ฝาไฮ๋ยความโกรธของเจ้ารุนแรงไปแล้ว
ฝาไห่ : ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ใช่มนุ่ษย์ จงเผยธาตุแท้ออกมา!
??มังกรศักธิ์สิทธิ์!
เทพเจ้าศักธิ์สิทธิ์!
??เทพเจ้าคุ้มครองโลก!
โปเยโปโลเย!
จงสำแดง!
ตอนนี้ในหัวของจินอัน เต็มไปด้วยบทพูดของหลวงจีนฝาไห่
....
....
สีหน้าของนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าเริ่มเคร่งขรึมมากขึ้นในขณะที่เขาพูดว่า: "สีทองในดินของหลุมศพนี้ติดอยู่กับเส้นหมึกของโลงศพสีขาว"
“มีหลวงจีนรูปหนึ่งใช้เส้นหมึกเติมโลงศพสีขาวโดยใช้ร่างทองคำที่หลวงจีนมีชื่อรูปนั้นทิ้งไว้หลังมรณภาพ เพื่อใช้ในการปิดผนึกสิ่งที่อยู่ในโลงศพสีขาวและป้องกันไม่ให้ศพข้างในเล็ดลอดออกมาได้”
ทันทีที่จินอันได้ยินสิ่งที่นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าพูด เขาก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“หรือว่าสีทองนี้อาจเป็นขี้เถ้าของร่างกายสีทอง?” จินอันถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว เพื่อถอยห่างจากเศษดินบนนิ้วก้อยของนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋า
อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ย่อมมีปฏิกิริยาตามธรรมชาติและความหวาดกลัวต่อสิ่งของที่เป็นของคนตายอยู่แล้ว
“แม้ว่าสาวกลัทธิเต๋าและสาวกชาวพุทธจะใช้เส้นหมึกปราบศพและปิดผนึกโลงศพ แต่ลัทธิเต๋าใช้เส้นหมึกชาดอย่างดี ส่วนชาวพุทธก็ใช้เส้นหมึกเคลือบทอง น้องชาย หากพบเหตุการณ์เช่นนี้อีกละก็ เมื่อคนที่จัดการกับโลงศพที่ปิดสนิท เจ้าสามารถใช้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้ เพื่อระบุว่าผู้ที่ทำพิธีสยบวิญญาณร้ายนั้นเป็นสาวกลัทธิเต๋าหรือสาวกชาวพุทธ”
“ท่านนักพรตเต๋า ไม่ใช่สิ ทำไมเส้นหมึกโลงศพพวกนี้ถึงขาดหมดเลยล่ะ? โลงศพนี้...หรือว่าท่านเคยเปิดโลงศพนี้หรือเปล่า?” จินอันสังเกตเห็นรายละเอียดอื่นๆ
เมื่อนักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเขาก็น่าขึงขังและจริงจังทันที: "ตอนที่ตระกูลหลินมาที่นี่ ข้าก็เห็นว่ามันเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ลูกศรได้ถูกยิงออกไปแล้ว ในเมื่อเราขุดโลงศพออกมาแล้ว เราจึงทำได้เพียงหามโลงศพกลับไปก่อน หลังจากนั้นข้าก็จะวาดเส้นหมึกชาดอีกครั้ง”
จินอัน: "..."
เห็นได้ชัดว่า พอมองดูจากไกลๆมันดูเหมือนโลงศพสีขาวธรรมดาๆ
ใครจะคิดว่ามันจะมีเรื่องราวมากมายขนาดนี้
ไม่ว่าจะเป็นหลวงจีนผู้มีชื่อเสียงปิดผนึกโลงศพ ผู้ที่ยึดครองหลุมศพของผู้อื่น แล้วก็ช่างแบกโลงศพ...
นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ย...!
“หากคนทำดีแม้ความสุขจะยังไม่มา แต่ก็ห่างไกลจากโชคร้าย หากคนทำชั่วแม้ความโชคร้ายยังไม่มา แต่ความสุขก็อยู่ไกลออกไป...จินอัน พึมพำอยู่พักหนึ่ง
“น้องชาย เจ้าพึมพำเรื่องอะไรรึ?”
จินอันไม่ตอบอะไร
เขาหยิบไม้ไผ่แล้วเตรียมที่จะยกโลงศพพร้อมกับคนจากตระกูลหลิน
เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน
ครั้งนี้มีคนหามโลงทั้งหมดหกคน
จินอันเข้ามาแทนที่หนึ่งในนั้นแล้วเขาก็กลายเป็นผู้นำแถวหน้า ตามคำกล่าวของผู้หามโลงศพ ตอนนี้เขาเป็นผู้นำแล้ว
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าอยู่ข้างหน้าระยะหนึ่ง แล้วท่องคัมภีร์แห่งชีวิต 2-3 บท ความหมายทั่วไปคือเขาไม่มีเจตนาที่จะรุกรานผู้ตายในโลงศพ แต่เพียงหาหลุมฝังให้เขาเพื่อที่เขาจะได้ถูกฝังไว้อย่างดีและจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้าย
ยังไงตามก็ขอพูดเรื่องดีๆ ก่อน
ดังคำกล่าวทีว่า คนยิ้มอย่าตี
(หมายความว่าหลังจากที่อีกฝ่ายยอมรับความผิดพลาดของตนแล้ว คุณจะทนไม่ไหวที่จะตีเขาอีกต่อไป แต่ถ้ายังไปตีเขาแสดงตัวเองเป็นคนนิสัยไม่ดี)
เพราะขั้นตอนนี้เหล่านี้เคยทำมาแล้วครั้งหนึ่งในการยกโลงศพครั้งแรก ดังนั้นคราวนี้ขั้นตอนจึงมีง่ายขึ้น
นักพรตเฒ่าลัทธิเร่งรีบพิธีกรรมให้เสร็จ คราวนี้เขายังเรียนรู้ที่สอดธูปสามดอกเข้าไปในโลงศพ สั่นกระดิ่งในมือแล้วพูดว่า: "ยกโลงศพได้!"
คนหกคนนั่งยองๆ ภายใต้การนำของจินอัน พวกเขาทั้งหมดพยายามอย่างเต็มที่ในการยกโลงศพขึ้นมา แต่จู่ๆ ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น!
โลงศพสีขาวซึ่งผูกไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกป่านหนาสองนิ้วทั้งหมด 6 เส้นที่ลอยอยู่กลางอากาศ จู่ๆ ก็สั่นอย่างรุนแรงส่งผลให้ขาของคนทั้งหกยืนอย่างไม่มั่นคงและร่างกายของพวกเขาโยกไปโยกมา แล้วพวกเขาก็เห็นว่าโลงศพสีขาวกำลังจะหล่นลงพื้นอีกครั้ง
นักพรตเฒ่าลัทธิเต๋าตัวสั่นด้วยความตกใจ
(จบบทนี้)