บทที่ 19 สูญสิ้นตระกูลเฉิง
“ข้าเป็นใครงั้นหรือ”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์และคาดเดาไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของฉินจวิน เขาเผยยิ้มก่อนกระซิบพูดกับเฉิงจ้านเบาๆ
“ข้าองค์ชายสามแห่งอาณาจักรเฉียนเยว่ ฉินจวิน”
บูม!
พอได้ยินเช่นนั้น เฉิงจ้านที่นอนกองอยู่บนพื้นก็รู้สึกเพียงว่าจิตใจของเขาระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขามองไปที่ฉินจวินด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อและสิ้นหวังยิ่ง
หมดสิ้นแล้ว
หมดสิ้นแล้วจริงๆ
หลังรู้ตัวตนของฉินจวินคือใคร เขาก็เข้าใจทันทีว่าตระกูลเฉิงนั้นใกล้ถึงวาระแล้วจริงๆ เขาตระหนักดีถึงสิ่งผิดศีลธรรมที่ตระกูลเฉิงทำมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะสวรรค์สูงจักรพรรดิห่างไกลเขาจึงใช้อำนาจโดยพละการอย่างไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมา
“ไม่จริง! องค์ชายสามถูกปลดจากตำแหน่งไปแล้วไม่ใช่หรือ…”
จู่ๆ เฉิงจ้านก็นึกถึงข่าวที่ได้ยินเมื่อไม่นานนี้ ขณะกำลังอ้าปากเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ลูกกระสุนก็พุ่งตรงเข้าเจาะทะลุหน้าผากเขาไปทิ้งไว้เพียงเสียงระเบิดดังจากดินปืน
เฉิงจ้าน ผู้นำตระกูลเฉิงที่องอาจและยิ่งใหญ่เหนือคนในเมืองชิงถาน ตอนนี้ ตายเสียแล้ว…
“ติ๊ง! สังหารเฉิงจ้าน ผู้บ่มเพาะระดับสี่ของอาณาจักรก่อสร้างรากฐาน รับสี่ร้อยเก้าสิบเก้าคะแนนประสบการณ์”
“ติ๊ง! ภารกิจเสริม กำจัดศัตรูให้สิ้นซากสำเร็จ - สังหารเฉิงจ้าน รับแปดร้อยคะแนนประสบการณ์”
หลังเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นต่อเนื่อง ฉินจวินถึงรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างสบายใจ
พอบรรดาผู้บ่มเพาะและคนในตระกูลเฉิงที่อยู่โดยรอบเห็นการตายอย่างกะทันหันของเฉิงจ้าน ก็ต่างพากันเหงื่อตกหน้าซีดหวาดกลัวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา
“ฟืด… หนี!!!”
ผู้บ่มเพาะคนหนึ่งตรงนั้นสูดหายใจเข้าลึกแล้วตะโกนสุดเสียงก่อนหันหลังวิ่งหนีตายไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่ออกตัววิ่งหางจุกตูดไปนานแล้ว พวกเขาเพียงมาทำหน้าที่ปกป้องไม่ได้คิดจะมาสละชีวิตเพื่อคนตระกูลเฉิงทั้งนั้น
การหนีตายนี้ แม้แต่คนในตระกูลเฉิงบางคนก็เริ่มแตกกระเจิงไปเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่ายังมีบางคนใจแข็งพอคิดจะสู้ต่อ พวกเขาผู้กล้านั้นแหกปากคำรามแล้วกรู่เข้าจู่โจมฉินจวินด้วยนัยน์ตาไร้ความตาย
แต่เสียดายที่คนส่วนใหญ่พวกนี้อยู่แค่ระดับกลั่นลมปราณ ฉินจวินจึงยกปืนพกเดสเซิร์ทอีเกิลในมือขึ้น แจกลูกกระสุนให้คนทั้งห้าที่วิ่งหน้าตั้งเข้ามาเอาไปกินกันคนละนัดอย่างอิ่มหนำสำราญ
“ติ๊ง! สังหารผู้บ่มเพาะระดับแปดของอาณาจักรกลั่นลมปราณ รับแปดสิบเอ็ดคะแนนประสบการณ์”
“ติ๊ง! สังหารผู้บ่มเพาะระดับหกของอาณาจักรกลั่นลมปราณ รับหกสิบห้าคะแนนประสบการณ์”
……
เจ๋ง!
เมื่อมีปืนอยู่ในมือ เขาก็ไม่ต้องกลัวใคร…
ฉินจวินกวาดสายตามองยังคนในตระกูลเฉิงที่มีท่าทีหวาดกลัวเขาอยู่โดยรอบ ก่อยเผยยิ้มออกมาด้วยสีหน้าระรื่นเพิ่มความสยดสยองให้แก่ผู้ได้พบเห็น เขาอดกลั้นต่อความอยากที่จะทำสิ่งชั่วร้ายเพราะโมโหแล้วตะโกนขู่เพื่อยับยั้งพวกที่คิดจะเคลื่อนไหว
“ผู้ใดก็ตามที่ยังกล้าคิดต่อต้าน ประหารทันที ไม่เห็นหรือไงว่าแม้แต่ผู้นำตระกูลของเจ้ายังไม่คู่ควรกับเรา แล้วพวกเจ้ายังจะกล้าอีกหรือ”
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าสิบลมหายใจเพื่อหนี”
ทันทีที่เขาพูดสิ่งนี้ เหล่าคนในตระกูลเฉิงที่อยู่โดยรอบต่างพากันวิ่งกระเจิดกระเจิงทั้งล้มลุกคุกคลานด้วยความกลัวตายออกไปยังประตู
บรรดาผู้คนและผู้บ่มเพาะหลายพันคนต่างมารวมตัวกันที่หน้าประตูของจวนตระกูลเฉิงทำแถวยาวไปทั่วทั้งถนนเพราะอยากเห็นเรื่องที่เกิดภายใน แม้ความอยากรู้จะมีมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปดูความตื่นเต้นนั้นใกล้ๆ เนื่องด้วยกลัวตาย
เวลานี้ เหล่าผู้บ่มเพาะอัจฉริยะชื่อดังต่างหลบหนีออกมาด้วยความอับอายพร้อมนำข่าวสารที่เฉิงจ้านถูกสังหารตายไปด้วย
บูม!!!
เฉิงจ้านนะหรือถูกสังหาร
ความแข็งแกร่งของเขาเพียงพอที่จะติดอันดับหนึ่งในสามของชายผู้แข็งแกร่งสุดในระดับสี่ของอาณาจักรก่อสร้างรากฐานแห่งเมืองชิงถานเลยนะ!
“ตระกูลเฉิงกำลังประสบปัญหาแล้ว”
“จุ๊จุ๊ เฉิงจ้านตาย ตระกูลเฉิงก็ถือว่าสูญสิ้นแล้ว”
“ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าเห็นหรือไม่ว่าอำนาจทั้งหมดของตระกูลเฉิงก็พังทลายลงไปโดยสิ้นเชิง”
“อีกฝ่ายคือใครกัน ข้าหวังว่าเราจะไม่ประสบปัญหานั้นไปด้วยนะ…”
“ฮ่าๆ ตระกูลเฉิงสมควรแล้ว! พวกเขาข่มขู่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าออกเมือง ไม่รู้ทำเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
ผู้คนเล่าลือกันไปมากมายซึ่งโดยส่วนใหญ่ก็ยินดีกับเรื่องนี้ บรรดากองกำลังประจำตระกูลอื่นต่างตื่นตระหนกและเฝ้าระวังเพราะกลัวเป็นรายต่อไปที่ต้องประสบเหตุไม่ต่างจากตระกูลเฉิงจนล่มสลาย
ไม่ช้า ทั่วทั้งถนนก็พลุกพล่านไปด้วยคนตระกูลเฉิงที่หลบหนีออกจากจวนด้วยหวาดกลัวการตาย สร้างความโกลาหลวุ่นวายรวมกับพวกสอดเห็นบนท้องถนนมากขึ้น
ตอนนี้ ตระกูลเฉิงล่มสลายแล้วจริงๆ